MGR Online - ชูวิทย์วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองชี้แกนนำพลังประชารัฐกำลังพลาดท่าจากการเทโควต้า รมต. แบบหมดหน้าตักให้กับ "ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์" จนลูกพรรคเริ่มโวย ชี้ ปชป.สันดานแก้ไม่หาย จนอาจพากันพังตั้งแต่ยังไม่จัดตั้งรัฐบาล จนในที่สุดอายุสภาอาจสั้นแค่ 30 วัน ก็เป็นได้
จากกรณีข่าวการต่อรองเพื่อจัดตั้งรัฐบาลของพรรคการเมืองขั้วพรรคพลังประชารัฐ วันนี้ (29 พ.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรค และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย โพสต์ภาพและข้อความผ่านบัญชีเฟซบุ๊ก @ChuvitKamolvisit เรื่อง "เริ่มยึกยัก ออกอาการ" กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองระบุว่า ตนมองว่าสภาพทางการเมืองขณะนี้ตนเห็นว่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐกำลังพลาดท่า จากความพยายามจัดตั้งรัฐบาล จากการจับมือระหว่างขั้วพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ที่ต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ จนก๊วนในพรรคพลังประชารัฐเองเริ่มออกอาการกระจองอแง
นายชูวิทย์กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่ง เพราะพรรคประชาธิปัตย์นั้นออกอาการเรื่องมากไม่หยุด โดยเอาเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญมาเป็นข้ออ้าง และเงื่อนไขบังหน้า โดยอย่างที่ตนเคยกล่าวไว้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพวก "ตำแหน่งก็เอา หน้าก็ไม่ยอมเสีย" จนท้ายที่สุดการเมืองอาจพังตั้งแต่ยังไม่จัดตั้งรัฐบาล และสภาผู้แทนราษฎรที่เพิ่งเลือกตั้งกันมาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมาอาจมีอายุไม่ถึง 6 เดือน หรืออาจะมีอายุเพียงแค่ 30 วันก็เป็นได้
สำหรับรายละเอียดทั้งหมดของการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองโดยนายชูวิทย์ มีดังนี้
“เริ่มยึกยัก ออกอาการ
หลังแกนนำพรรคพลังประชารัฐพลาดท่า เทหมดหน้าตักให้พรรคร่วม พอหงายไพ่ หายงง ถึงรู้ว่า ”ได้ไม่คุ้มเสีย”
จึงออกอาการ งานนี้ไม่จบง่ายๆ ขันหมากเป็นหม้ายกลางทาง เพราะหลังจากถวายกระทรวงเกรดเอเซ่นให้พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ ไปแทบหมดโต๊ะ เหลือเศษกระทรวงเล็กโยนให้ไปแบ่งกันเองในพรรคอย่างไม่เหลือศักดิ์ศรี ทำท่าจะเหนื่อยฟรี
กระทรวง (ใหญ่) ที่อยากได้ กลับไม่ได้ กระทรวง (เล็ก) ที่ไม่อยากได้ กลับได้
บรรดากลุ่มก๊วนพรรคพลังประชารัฐ จึงเริ่มร้องกระจองอแงว่า ไปยกให้เขาหมดได้อย่างไร? จะไปเหลืออะไรไว้ให้ทำมาหากิน?
หากยอมตั้งแต่ต้น ต่อไปคงถูกสองพรรคนี้ "ขี่คอทำงาน" ต้องคอย “โอ๋” เป็นเด็กนิสัยเสีย เพราะเงื่อนไขมาเป็นแพ็คคู่ ผิดใจไปหนึ่งพรรคมีหวังได้ล้มทั้งกระดาน ถูกขู่เช้าเย็นไม่เห็นหัว บอกว่า “จัดรัฐบาลได้เพราะกู“
แถมพรรคประชาธิปัตย์ยังเรื่องมากไม่หยุด ต้องไม่ให้เสียหน้า เอาเรื่อง “การแก้รัฐธรรมนูญ” มาเป็นข้ออ้าง เงื่อนไขบังหน้า เคยบอกเล่าเก้าสิบให้ฟังมาแล้ว เพราะรู้ใจพรรคนี้ดีตั้งแต่หัวหน้ายันภารโรง
มันผิดจากที่ผมพูดไว้ซะเมื่อไหร่? ตำแหน่งก็เอา หน้าก็ไม่ยอมเสีย สันดานนี้แก้ไม่หายเสียที แม้ว่าจะ "ปรับปรุงใหญ่" เปลี่ยนหัวหน้าพรรคก็แล้ว กรรมการบริหารใหม่ก็แล้ว แต่ที่ยังคงไม่เปลี่ยน คือ นิสัยยังเหมือนเดิม
ส่วนพรรคร่วมอื่น เรื่องชักลามไปกันใหญ่ เกิดหมั่นไส้ว่าสองพรรคนี้ได้มากเกิน ตัวเองได้น้อย ส่งเสียงโล้งเล้งว่า
“อั๊วก็ยังไม่ได้ตกลง เพราะเมื่อคืนเตี่ยมาเข้าฝันว่า อย่าเพิ่งรีบ”
ลางชักไม่ดีตั้งแต่ต้น ออกอาการพังตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ไม่ต้องดูตอนจบว่าจะอนาถขนาดไหน อาจจะเร็วกว่า 6 เดือน อย่างที่ผมเคยบอกไว้ด้วยซ้ำ
เผลอๆเป็น ”สภา 30 วัน” ให้ได้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย”