xs
xsm
sm
md
lg

“ราเมศ” เผยหารือ พปชร.-ปชป.แค่ปรึกษาแนวทางทำงาน ร่วมไม่ร่วมรอประชุม กก.บห.-ส.ส.เย็นนี้ อัด “ธนาธร” ป้ายสีแก้ รธน.ต่อรองเก้าอี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

(ภาพจากแฟ้ม)
“ราเมศ” ยัน ปชป.ยังไม่ตอบรับร่วมไม่ร่วมรัฐบาล พปชร. รอประชุมร่วม กก.บห.-ส.ส. ยันเอาจุดยืน “อภิสิทธิ์-เสียงสะท้อนสมาชิกผ่านโลกออนไลน์” พิจารณาประกอบการตัดสินใจ ระบุเงื่อนไข พปชร.ร่วมรัฐบาลต้องสนับสนุน “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ ไม่ผูกมัด ชี้หากร่วมจริงยังต้องพิจารณาหนุนใครเป็นนายกฯ ระบุ “ชวน” ได้รับเลือกเพราะเหมาะสม สวน “ธนาธร” ยันไม่เคยใช้การแก้ไข รธน.-ตำแหน่งประธานสภา ต่อรองร่วมรัฐบาล อัดบางพรรคจ้องแก้แบบฉาบฉวยควรถูกประณาม ปชป.ต่างหากควรเป็นเจ้าภาพดึงทุกพรรคร่วมแก้รัฐธรรมนูญ



วันนี้ (28 พ.ค.) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงข่าวกรณีที่มีการพูดคุยระหว่างแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ปชป. ว่าไม่ได้มีการพูดคุยว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ แต่เป็นการพูดคุยถึงหลักการทำงานของพรรค ปชป.ที่มี 3 หลักการ คือ 1. ยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้งภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข 2. ยึดนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชนและต้องมีการขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติ เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน เกษตรกร ตามชุดนโยบาย ‘แก้จน สร้างคน สร้างชาติ’ และ 3. การแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งทุกพรรคต้องมาร่วมกันดูว่าสิ่งไหนที่ทำให้สิทธิของประชาชนน้อยลง ทิศทางในการพัฒนาประเทศไม่มีความชัดเจน และต้องแก้ไขกระบวนการทางการเมืองหลายอย่างเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยแบบเต็มใบ

“พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เอาการแก้รัฐธรรมนูญมาต่อรองในการร่วมรัฐธรรมเหมือนอย่างที่หลายพรรคกำลังพูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะพรรคฯ มีจุดยืนที่ชัดเจนมาตั้งแต่แรกว่าไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่เมื่อประกาศใช้แล้วก็จำเป็นต้องเดินไปข้างหน้า แม้ว่าจะไม่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ”

นายราเมศชี้แจงต่อว่า หลักการต่างๆ เหล่านี้พรรคพลังประชารัฐต้องเอากลับไปคุยกันในพรรค และเมื่อมีผลเป็นอย่างไร พปชร.จะแจ้งกลับมาที่นายเฉลิมชัย เพื่อนำกลับมารายงานต่อที่ประชุมร่วมระหว่าง กก.บห. และ ส.ส. รวมทั้งรายงานผลจากการพูดคุยทั้งก่อนหน้าและเมื่อวานนี้ให้ที่ประชุมทราบด้วย โดยการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคจะมีขึ้นเวลา 17.00 น. และประชุมร่วมระหว่าง กก.บห.และ ส.ส. เพื่อพิจารณาการประสานงานทางการเมือง เวลา 17.30 น. ซึ่ง ปชป.แตกต่างจากพรรคอื่น คือ ไม่ได้มีใครคนใดเป็นเจ้าของพรรค แต่ทุกคนเป็นเจ้าของพรรคร่วมกัน รวมทั้งที่มีกระแสไม่เห็นด้วยกับการร่วมรัฐบาล พปชร. ที่ประชุมพรรคก็จะรับฟังความคิดเห็นจากทุกคนรวมทั้งกระแสในโลกโซเชียลฯ และเอามาพูดคุยกันในที่ประชุมให้ตกผลึก ตนจึงอยากให้ประชาชนไว้วางใจว่ากระบวนการที่พรรคทำอยู่นี้มีความชัดเจน ไม่มีใครตัดสินใจคนเดียว ทั้งหมดจะตัดสินใจร่วมเดินไปข้างหน้า และยืนยันว่าพรรคจะยึดถือประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง

ส่วนการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ปชป.ที่เคยประกาศจุดยืนไว้ว่าจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และอุดมการณ์ข้อ 4 ของพรรคที่ไม่สนับสนุนการเผด็จการ ก็เป็นสิ่งสำคัญในการพิจารณาครั้งนี้ โดยจะต้องตัดสินใจเป็นลำดับขั้นว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลก่อน และหากมีมติว่าจะร่วมจะพิจารณาต่อว่าจะสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีตามลำดับ แม้ว่าภาพที่ปรากฎในโลกออนไลน์ว่านายเฉลิมชัย นัดกินข้าวและมีท่าทีที่สนิทสนมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มีผลต่อการตัดสินใจของพรรค ขณะเดียวกัน เงื่อนไขที่พรรค พปชร.เสนอให้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนากยรัฐมนตรี ก็เป็นแนวคิดของ พปชร. แต่ไม่ใช่มติของที่ประชุมพรรค พร้อมยืนยันว่าทุกอย่างจะต้องเคารพเสียงของสมาชิกพรรคทุกคน และเป็นไปตามมติของที่ประชุม ยังไม่มีใครเสนอโมเดลให้ร่วมรัฐบาลแต่ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ร่วมรัฐบาล หรือโมเดลใดทั้งนั้น ต้องพิจารณาไปเป็นขั้นตอน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าแล้ว หากพรรคเพื่อไทยหรืออนาคตใหม่เชิญร่วมรัฐบาลจะยินดีหรือไม่ นายราเมศตอบว่า นโยบายของพรรคการเมืองบางพรรคที่ผ่านมาสร้างความเสียหายและเป็นอันตรายกับประเทศอย่างไรบ้าง พรรคประชาธิปัตย์เก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ตลอด และจะเลือกส่งที่ดีที่สุดให้กับประชาชน

ส่วนที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ว่ามีกระบวนการต่อรองกับพรรค พปชร.ตั้งแต่เรื่องเลือกประธานสภา และมีการต่อรองเพิ่มโดยการยกประเด็นของแก้รัฐธรรมนูญนั้น ตนแนะนำว่านายธนาธรควรไปศึกษารัฐธรรมนูญให้แตกฉานว่ากระบวนการเลือกประธานสภาเป็นส่วนของฝ่ายนิติบัญญัติ และพรรค ปชป.มีการทำงานที่เปิดเผย นายธนาธรต้องเรียนรู้ว่าต้องแยกออกจากกันว่าร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลกับการเลือกประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญกำหนดว่าเป็นไปตามมติของสภาผู้แทนราษฎร และผลการเลือกตั้งของ ส.ส.ก็ไม่ได้มาจากการจัดตั้งต่อรอง แต่เป็นเพราะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเห็นว่านายชวนเป็นคนที่มีศักยภาพ และซื่อสัตย์ เหมาะสมกับการทำหน้าที่ประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติอย่างเป็นกลาง ดังนั้น นายธนาธรกล่าวหาแบบนี้ถือเป็นการดูถูกการดำเนินกิจกรรมของฝ่ายนิติบัญญัติเกินไป

“ความจริงพรรคประชาธิปัตย์ต่างหากที่ควรจะชวนพรรคอื่นไปร่วมแก้รัฐธรรมนูญ เพราะพรรคมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะแก้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด แตกต่างจากบางพรรคที่จะแก้ไขแบบฉาบฉวยไม่สนใจประเพณีและวัฒนธรรม พรรคเหล่านี้ควรถูกประนาม”

อย่างไรก็ตาม นายราเมศยืนยันว่า การประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติเป็นหน้าที่ของ ส.ส. และที่เลือกนายชวนเพราะศรัทธา ถ้าเอาประเด็นเรื่องการร่วมรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์คงจะแถลงร่วมรัฐบาลไปนานแล้ว และสาเหตุที่ ส.ส. พรรค ปชป. โหวตเลื่อนการเลือกประธานสภาก็เป็นเรื่องของความเหมาะสมไม่เกี่ยวกับการต่อรองระหว่างพรรค และผลคะแนนโหวตก็ไม่ได้แสงดว่ามีการรวมกลุ่มกันของพรรคที่สนับสนุน พปชร. โหวตเลือกนายชวน และตัวแทนจากพรรค พปชร. และภูมิใจไทยให้นั่งตำแหน่งรองประธานสภา แต่ที่ต้องแบ่งเก้าอี้รองประธานสภาทั้งที่พรรค ปชป.ตั้งธงว่าจะเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ก็เพราะเป็นประเพณีปฏิบัติที่ต้องกระจายตำแหน่งให้พรรคอื่น ไม่เกี่ยวกับการต่อรองร่วมรัฐบาลกับ พปชร.


กำลังโหลดความคิดเห็น