“หมวดเจี๊ยบ” เย้ย ปชป.โดนเจาะไข่แดงไปแล้วยังจะให้ยกขันหมากมาขอ ซัด “มาร์ค” ศรีธนญชัยตระบัดสัตย์

“หมวดเจี๊ยบ” ชี้ ปชป.สร้างภาพรอ พปชร.แห่ขันหมากเชิญร่วมรัฐบาลทั้งที่โดนเจาะไข่แดงแล้ว แขวะ “มาร์ค” ประกาศชัดก่อนเลือกตั้งไม่เอา"ประยุทธ์"เปรียบหาเสียงแบบศรีธนญชัย อย่างนี้ไม่เรียกตระบัดสัตย์จะเรียกว่าอะไร ยกผลการเลือกตั้งซ่อมเชียงใหม่อ้างประชาชนไม่เอาเผด็จการ

วันนี้ (27 พ.ค.) ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่ายังไม่ตัดสินใจในการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐทั้งที่มีข่าวร่วมรัฐบาลว่า ทำไมพรรคประชาธิปัตย์กล้าพูดว่ายังไม่ตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ในเมื่อเห็นๆ กันอยู่ว่าโดนเจาะไข่แดงไปเรียบร้อยแล้ว ยังอ้างว่ารอเขายกขันหมากมาขออีก ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยพูดก่อนเลือกตั้งว่ายังไงก็ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างนี้ไม่ให้เรียกตระบัดสัตย์ อย่างที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ วิจารณ์ แล้วจะให้เรียกว่าอะไร ที่สำคัญนายอภิสิทธิ์ไม่ได้พูดแค่ครั้งสองครั้ง แต่เดินสายออกรายการทีวีดังๆ ทั่วไปหมด ช่วงหาเสียงโค้งสุดท้ายโดยจงใจเปิดเทปเสียงนายอภิสิทธิ์พูดซ้ำไปซ้ำมา ประชาชนเลยจำแม่นว่านายอภิสิทธิ์พูดอะไรไว้ หรือนั่นเป็นแค่เทคนิคหาเสียงเลือกตั้งแบบศรีธนญชัย ทำไมไม่พูดตรงไปตรงมากับประชาชน และอย่ามาอ้างว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคแล้ว เพราะนั่นอาจเป็นแค่การหาทางลงสวยๆ เพื่อจูบปากกับเผด็จการเท่านั้น เลยต้องเล่นไพ่หลายๆ หน้า แต่นี่คือการเล่นการเมืองแบบไม่ตรงไปตรงมา ไม่ซื่อตรงกับประชาชน

ส่วนที่ปล่อยข่าวว่าจะเป็นฝ่ายค้านอิสระก็คงเพราะช่วงนั้นจะมีการเลือกตั้งซ่อมบางหน่วยใช่หรือไม่ เลยเขียนบทให้คนรุ่นใหม่ออกมาพูดว่าไม่เอาเผด็จการ เพื่อให้ดูดีมีหลักการ แต่พอเลือกตั้งจบทำไมกลืนน้ำลายตัวเองแล้วไปเจรจาต่อรองเก้าอี้กับพรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจเผด็จการ อยากทราบจุดยืนมีบ้างไหม ตอนประชุมสภาผู้แทนราษฎรก็โยนลูกเสิร์ฟลูกให้กันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในการโหวตเก้าอี้ประธานและรองประธานสภาฯ และตอนช่วยกันหาเรื่องเลื่อนการลงมติโหวตเลือกประธานสภาฯ ทั้งๆ ที่องค์ประชุมมีความพร้อม ซึ่งเหตุที่มีการดึงเวลานั้นก็เห็นมีข่าวว่าต่อรองผลประโยชน์ยังไม่ลงตัว จนชาวบ้านถึงกับแบ่ง ส.ส.ออกเป็นฝ่ายพรรคเทพกับพรรคมาร หากอยากรู้ว่าประชาชนมองว่าใครเป็นเทพหรือเป็นมารก็ดูได้จากผลการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าประชาชนตื่นตัวออกมาใช้สิทธิสูงถึง 88 เปอร์เซ็นต์ หรือ 144,371 คน แม้ว่ากระแสการประชาสัมพันธ์จะน้อยก็ตาม แสดงว่าประชาชนต้องการส่งสัญญาณว่าไม่เอาเผด็จการและอยากสั่งสอนพรรคการเมืองที่หักหลังประชาชน เพราะคิดว่าเมื่อได้อำนาจไปแล้วจะใช้อำนาจนั้นอย่างไรก็ได้โดยไม่แคร์ประชาชน