นายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุม กปร. พิจารณาสนับสนุนงบฯให้แก่หน่วยงานในการสนองพระราชดำริ 20 โครงการ เป็นโครงการด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านส่งเสริมอาชีพและบูรณาการ
วันนี้ (16 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.39 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ครั้งที่ 1/2562 ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสำนักงาน กปร.ในฐานะฝ่ายเลขานุการ ได้รายงานผลการดำเนินงานสนองพระราชดำริปี 2561-2562 ให้ที่ประชุมรับทราบ ซึ่งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้น มีทั้งที่มาจากพระราชดำริที่ได้พระราชทานโดยตรง และจากการที่ราษฎรขอพระราชทานความช่วยเหลือหรือฎีกา จำนวนรวมทั้งสิ้น 271 โครงการ และส่วนใหญ่เป็นโครงการด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ ก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งในด้านการประกอบอาชีพ การศึกษา สาธารณสุข คมนาคม ตลอดจนการรักษาฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน
ที่ประชุมวันเดียวกันนี้ มีการพิจารณาสนับสนุนงบประมาณให้แก่หน่วยงานในการสนองพระราชดำริ จำนวน 20 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านส่งเสริมอาชีพและบูรณาการ ตามลำดับ
สำหรับการดำเนินงานสนองพระราชดำริของคณะกรรมการ กปร. ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้น้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการสร้างประโยชน์สุขให้กับประชาชนไปพร้อมกับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้สืบไป ตามพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2562 ความว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณสำนักงาน กปร.ที่รับนโยบายรัฐบาลไปดำเนินการ ซึ่งทุกคนได้ดำเนินงานสนองพระราชดำริในรัชกาลที่ ๙ รัชกาลที่ ๑๐ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนทุกหมู่เหล่า ดังนั้นจำเป็นต้องมีการจัดสรรและจัดระเบียบต่างๆ ให้เกิดความยั่งยืนให้ได้ พร้อมกล่าวเน้นย้ำให้นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการผลิตและการจำหน่ายให้สอดกับความต้องการของผู้บริโภคและทันกับสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งการผลิตต้องให้มีปริมาณที่สมดุลกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภค ขณะที่ทางรัฐบาลก็จะจัดหางบประมาณในการดูแลภาคการเกษตรให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเพื่อจะลดต้นทุนการผลิตทางการเกษตร และการจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอสำหรับการเกษตรและการอุปโภคบริโภคของประชาชน พร้อมขอให้ติดตามแผนงานโครงการต่างๆ ของรัฐบาลเพื่อให้การทำงานมีความประสานสอดคล้องกัน ตลอดจนการใช้จ่ายงบประมาณต้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป