xs
xsm
sm
md
lg

ประชุมผบ.เหล่าทัพ ย้ำความร่วมมือสนองนโยบาย รัฐบาล-คสช.

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


โฆษกบก.ทท. แจง ประชุมผบ.เหล่าทัพ ย้ำความร่วมมือสนองนโยบาย รบ.- คสช.บูรณาการระบบโทรคมนาคมทหารOne Network เสริมขีดความสามารถปฏิบัติการไซเบอร์ ช่วยเหลือด้ามนุษยธรรม-บรรเทาภัยพิบัติ

วันนี้ (15พ.ค.) เวลา 15.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศพล.ต.กฤษณ์ จันทรนิยม โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่มี พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.)เป็นประธานการประชุมว่า ได้หารือแลกเปลี่ยนข้อมูลและทบทวนการปฏิบัติงานของเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเริ่มจากการบูรณาการระบบโทรคมนาคมทหารร่วมกองทัพไทยให้เสมือนเป็นระบบเดียว (One Network) ของ กองบัญชาการกองทัพไทย โดยกรมการสื่อสารทหาร ได้พัฒนาระบบโทรคมนาคมทหารที่สามารถครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ซึ่งสามารถรองรับการเชื่อมต่อเครื่องมือได้อย่างหลากหลายเพื่อใช้เป็นเครือข่ายหลักให้กับเหล่าทัพเชื่อมต่อเข้าหากัน ตั้งแต่ระดับกองบัญชาการเหล่าทัพ จนถึงระดับหน่วยทางยุทธวิธี นับว่าเป็นการบูรณาการขีดความสามารถในภาพรวมของกองทัพไทย ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ ระยะ 20ปี กรอบแนวคิด Thailand 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตลอดจนสนับสนุนการปฏิบัติการร่วมตามแนวคิดการปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลางเพื่อเป็นหลักประกันด้านความมั่นคงให้กับประเทศชาติสืบไป

พล.ต.กฤษณ์ กล่าวว่า นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้รับทราบการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านปฏิบัติการไซเบอร์ ของ กองทัพเรือ ซึ่งปัจจุบันภัยคุกคามทางไซเบอร์ ถือเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงระดับชาติที่นับวันจะทวีความรุนแรง ซับซ้อน และขยายผลกระทบเป็นวงกว้างซึ่งกองทัพเรือในฐานะหน่วยงานด้านความมั่นคงได้ตระหนักถึงภัยคุกคามดังกล่าว จึงได้ส่งเสริมและเสริมสร้างในด้านต่างๆ ดังนี้ ด้านการเสริมสร้างกำลังพล ด้านองค์วัตถุ ด้านนโยบาย รวมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือในฐานะสมาชิกประชาคมไซเบอร์กองทัพไทยและกระทรวงกลาโหมกันอย่างใกล้ชิด ดังนั้นกองทัพเรือ จึงดำรงและปฏิบัติบนหลักการ “รู้เขา รู้เรา” ซึ่งจากการดำเนินการเสริมสร้างและพัฒนาขีดความสามารถการปฏิบัติการทางไซเบอร์ทั้งเชิงป้องกันและป้องปรามที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น จะทำให้กองทัพเรือมีความพร้อมในการเผชิญกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่จะเกิดขึ้นและคงขีดความสามารถในปฏิบัติภารกิจเพื่อรักษาความมั่นคงทางทะเล และภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นกองทัพที่มีความพร้อมรบในทุกมิติอย่างแท้จริง

โฆษก บก.ทท.กล่าวอีกว่า การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ ของกองทัพอากาศ ไม่ว่าจะเกิดสาธารณภัยขึ้นเมื่อไรหรือที่ไหน กองทัพอากาศเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานภาครัฐที่มีการเตรียมความพร้อมการปฏิบัติภารกิจในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติอยู่อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากปัจจุบันภัยพิบัติทางธรรมชาตินับได้ว่าเกิดขึ้นบ่อยครั้งและมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงเพิ่มมากยิ่งขึ้น สำหรับภารกิจด้านบรรเทาสาธารณภัยภายในประเทศ กองทัพอากาศได้จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศขึ้น เพื่อเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ดูแล พร้อมทั้งกำกับการปฏิบัติภารกิจนี้ในภาพรวม และประสานงานกับศูนย์บรรเทาสาธารณภัยโรงเรียนการบินและศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบินต่างจังหวัดทั้ง 11 ศูนย์ ครอบคลุมทั่วประเทศ ด้วยคุณลักษณะ และขีดความสามารถของกำลังทางอากาศที่สามารถเข้าสู่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบได้อย่างรวดเร็ว คล่องตัว และตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้เสริมสร้างและรักษาดุลยภาพของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นอกจากนี้กองทัพอากาศยังบูรณาการความร่วมมือด้านความมั่นคงและความร่วมมือทางทหารอาเซียนด้วยการใช้กลไกและเวทีระหว่างประเทศทั้งแบบทวิภาคีและพหุภาคีที่ได้จัดตั้งไว้แล้วในทุกระดับ ยกตัวอย่างเช่น กรณีเกิดอุทกภัยขนาดใหญ่ในแขวงอัตตะปือ และแขวงจำปาสัก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่าง 24-27กรกฎาคม 2561

"การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภาพสังคมปัจจุบันปัญหาอาชญากรรมได้เกิดขึ้นหลายรูปแบบ มีการขยายตัวเป็นวงกว้างและสลับซับซ้อน มีการนำเทคโนโลยีและการสื่อสารต่างๆ เข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด รวมทั้งมีแนวโน้มที่บุคคลต่างชาติเข้ามามีส่วนรวมในการกระทำความผิด และมีลักษณะเป็นขบวนการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก ตลอดจนเป็นภัยต่อความมั่นคงและระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องมีการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเหล่านี้ ให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศทุกรูปแบบ บังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ตลอดจนใช้มาตรการตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในยุคสังคมดิจิทัลต่อไป"พล.ต.กฤษณ์ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กล่าวขอบคุณทุกเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ได้ร่วมมือร่วมใจกัน และทุ่มเทในการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562อย่างเต็มขีดความสามารถ ซึ่งทำให้พระราชพิธีฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เน้นย้ำเหล่าทัพให้การสนับสนุนในเรื่องต่างๆ ดังนี้ การฝึกร่วมหน่วยทหารรักษาพระองค์ การฝึกร่วมกองทัพไทย ประจำปี2562 การแข่งขันการแสดงการฝึกทางทหารประกอบดนตรี “ราชวัลลภเริงระบำ” และการแข่งขันกองทหารเกียรติยศ ประจำปี 2562 อีกทั้งยังได้เน้นย้ำเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการดำเนินการร่วมกัน เพื่อให้มีความพร้อมในการปฏิบัติงานอันจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยให้การสนับสนุนรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง รวมทั้งการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้ง พร้อมทั้งสนับสนุนส่วนราชการอื่นๆ ในพื้นที่ตามที่ได้รับการร้องขอ


กำลังโหลดความคิดเห็น