พช.จับมือ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แก้ปัญหาความยากจนเชิงบูรณาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ช่วยเหลือครัวเรือนตกเกณฑ์รายได้จปฐ. ลดความเหลื่อมล้ำ ฉุดคนจนลุกขึ้นหาเลี้ยงได้ด้วยตนเอง
วันที่ 15 พ.ค.กรมการพัฒนาชุมชน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ในการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ช่วยเหลือครัวเรือนตกเกณฑ์รายได้ความจำเป็นพื้นฐาน ลดความเหลื่อมล้ำสังคม โดยมี นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วย นายโชคชัย แก้วป่อง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และนายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
นายนิสิต เผยว่า การลงนามบันทึกความร่วมมือในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนอาชีพแก่ครัวเรือนยากจนให้สามารถบริหารจัดการชีวิตได้อย่างเหมาะสม และดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งเป็นการตอบสนองการขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ โดยจะให้การช่วยเหลือครัวเรือนยากจนที่ตกเกณฑ์รายได้ จากข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) ข้อ 22 รายได้เฉลี่ยของคนในครัวเรือนต่อปี น้อยกว่า 38,000 บาท และเป็นครัวเรือนที่สามารถพัฒนาได้
นับเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมเป็นภาคีเครือข่ายในการดำเนินงานลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ช่วยเหลือครัวเรือนยากจนให้ลุกขึ้นมาประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้โดยการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางการดำเนินงาน ภายใต้แนวคิด “ความยากจนเกิดจากการบริหารจัดการชีวิตที่ไม่เหมาะสม สามารถแก้ไขด้วยการบริหารจัดการชีวิต ปัญหาความยากจนเป็นปัญหาเชิงซ้อน ไม่ใช่ปัญหาเชิงเดี่ยว ต้องแก้ไขเป็นรายครัวเรือนด้วยการบูรณาการความร่วมมือจากหลายภาคส่วน และต้องใช้เวลาในการดำเนินการ”
“การดำเนินงานภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ พช.มีฐานข้อมูลครัวเรือนยากจนที่สามารถพัฒนาได้ จำนวน 15,429 ครัวเรือน โดยจะดำเนินการวิเคราะห์ จัดกลุ่มแยกประเภทอาชีพ ดำเนินการฝึกอบรมอาชีพให้ครัวเรือนตามความต้องการและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจะให้การสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ให้กับผู้ผ่านการอบรมอาชีพ เพื่อส่งเสริมให้ครัวเรือนยากจนประกอบอาชีพได้อย่างต่อเนื่อง สามารถบริหารจัดการชีวิตได้อย่างเหมาะสมตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง โดยจะจัดทำแนวทางการดำเนินงานแจ้งให้จังหวัดทราบ และสนับสนุนการดำเนินงานร่วมกันให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ให้กับชุมชนต่อไป” นายนิสิตกล่าว