xs
xsm
sm
md
lg

ดูโออนาคตใหม่ สับคดีหุ้นมีมูลจูงใจทางการเมือง โว กกต.ตอบไม่ได้ตนผิดอะไร ฟ้องแน่หลัง คสช.พ้นอำนาจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“ธนาธร-ปิยบุตร” ใช้เวลาแจง 4 ชั่วโมง โต้กลับ กกต.ข้อมูลอ่อน ซ้ำแจ้งข้อกล่าวหาไม่ชอบ มั่นใจหลักฐานชี้แจงได้ ขู่ฟ้อง กกต.ผิด ม.157 หากแขวนชื่อ-แจกใบส้ม สอนมวยเปิด กม.แพ่งเช็กข้อมูลก่อนออกมติ “ธนาธร” อ้างแค่คำถามพื้นฐานตนผิดอะไรก็ตอบไม่ได้ แสดงว่ามีมูลเหตุจงใจทางเมือง อัด คสช.ทำอารมณ์เสีย 1 ปี เล่นงาน 16 คดี รอเชือดหลังหมดอำนาจ มั่นใจอายุความนาน 15 ปีไม่สายที่จะชำระแค้น




วันนี้ (30 เม.ย.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค กล่าวภายหลังเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากรณีถือหุ้นบริษัท วี-ลัคมีเดีย จำกัด อาจเข้าลักษณะขาดคุณสมบัติในการลงสมัคร ส.ส.นานกว่า 4 ชั่วโมงต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของสำนักงาน กกต. โดยนายธนาธรกล่าวว่า บรรยากาศการชี้แจงส่วนใหญ่ตึงเครียด บางช่วงผ่อนคลาย ส่วนตัวหลังชี้แจงมีความรู้สึกว่าคดีนี้มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองมากเพราะแม้แต่คำถามพื้นฐานง่ายๆ ที่เราถามกับคณะกรรมการฯ ว่าเราผิดตรงไหน มีตรงไหนที่ กกต.ไม่เชื่อว่าเราได้โอนหุ้นไปครบถ้วนสมบูรณ์ตามกฎหมายตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. หรือเห็นว่าพวกเรากระทำผิด มีหลักฐานอะไร คณะกรรมการฯ ไม่สามารถตอบหรือชี้แจงกับเราได้ ทำให้ในการชี้แจงไม่ใช่เป็นการถามเรื่องเหตุการณ์ แต่เถียงกันเรื่องหลักการมากกว่า

ทั้งนี้ ตนเองเอาหลักฐานมาวางหมดแล้วก็ควรเอาไปถามคนที่ไม่เชื่อว่าจะเอาหลักฐานอะไรมาหักล้างหลักฐานของตน และเห็นว่าไม่มีใครโต้แย้งหลักฐานที่ตนนำมาแสดงได้เลย ก็ต้องถือว่าตนไม่ผิด หลักฐานต่างๆ มีเอกสารชี้แจงหมด แล้วจะมาเรียกร้องอะไรอีก วันนี้ไม่มีคนบอกว่าธนาธรผิด มีแต่คนตั้งคำถามแล้วเอาไปปั่นซ้ำ จนสังคมเชื่อว่าธนาธรผิดจริง ซึ่งเห็นว่าถ้าจะทำอะไรก็เอาหลักฐานมาคุยกัน

“เรื่องที่ทำให้ผมอารมณ์เสียมาก คือ 1 ปีของการทำพรรคอนาคตใหม่ ผมและแกนนำพรรคโดนไปแล้ว 16 คดี สองสัปดาห์ที่ผ่านมา คสช.ใช้อำนาจตาม ม.44 เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนโทรคมนาคมหลายหมื่นล้าน มีคำสั่งผ่าน พ.ร.บ.ท้องถิ่น ที่จะดึงอำนาจจากท้องถิ่นกลับมาส่วนกลาง แทนที่ผมจะเอาเวลาไปศึกษาเรื่องนี้แล้วมาปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน หรือเตรียมตัวเรื่องบทบาทการเป็น ส.ส.คุณภาพ กลับต้องเอาเวลามาแก้คดีนี้ นื่เป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเสียใจ ว่าวันนี้เอาตัวบทกฎหมาย การไม่มีข้อเท็จจริง มาทำลายกันทางการเมือง ถ้าเป็นอย่างนี้ ผมก็มีรายชื่อว่าที่ ส.ส.พรรคอื่น ไม่น้อยกว่า 30 คนที่มีคดีหุ้นเหมือนกัน ก็จะเอาเรื่องนี้มาฟ้องบ้าง และฟ้องกลับด้วย อย่างหลายกรณีที่นายศรีสุวรรณ (จรรยา นายกองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย) เอาเรื่องเท็จมาฟ้องซึ่งผิดกฎหมาย ถึงวันนี้เรายังไม่ฟ้องกลับ รวมถึงหลักฐานว่ามีสื่อมวลชนหลายสำนักเอาข้อความที่เป็นเท็จมาเผยแพร่ทำให้เกิดความเสียหายกับผมและพรรค ความอดทนคนมีจำกัดและใกล้หมดเต็มที ถ้าดำเนินการอย่างนี้เรื่อยๆ ถึงวันหนึ่งคงต้องใช้วิธีกฎหมายโต้กลับบ้าง และถึงเวลานั้นผู้มีอำนาจจะต้องใช้เวลามาแก้ตัวจะไม่มีใครมีเวลาไปบริหารประเทศ”

นายธนาธรยังประกาศว่า ขอสงวนสิทธิในการที่จะปกป้องชื่อเสียงของตนเอง ถ้าเห็นว่าใครพิจารณาคดีความของตนแล้วทำให้เกิดความเสื่อมเสียก็จะใช้สิทธิทางกฎหมายตอบโต้ แต่ จะรอจน คสช.หมดอำนาจ เพราะมาตรา 157 มีอายุความ 15 ปี คสช.อยู่ในช่วงขาลงไม่มีทางครองอำนาจต่อไปเรื่อยๆ คสช.หมดอำนาจเมื่อไหร่ก็จะฟ้องดำเนินดคีกับคนที่ตัดสินตนโดยไม่ใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ

นายปิยบุตรกล่าวว่า การไต่สวนวันนี้มี พ.ต.ท.ปรีชา นาเมืองรักษ์ เป็นประธาน เมื่อสอบสวนเสร็จก็จะเสนอ กกต.พิจารณาวินิจฉัยต่อไป เราหลักฐานไปทั้งหมด 26 รายการคำชี้แจงครบถ้วนทั้งหมด ข้อกล่าวหามีแค่ 3-4 บรรทัด จึงไม่ได้ชี้แจงมากเท่าไหร่ แต่ตั้งคำถามถึงการทำงานของ กกต.ว่าทำไมจึงมติแจ้งข้อกล่าวหาโดยที่นายธนาธรยังไม่ได้ชี้แจง โดยนายปรีชาเล่าให้ฟังว่า กกต.ตรวจสอบจาก บอจ.5 แล้วมีชื่อนายธนาธรอยู่ จึงสงสัยว่าเป็นผู้ถือหุ้น ตนจึงถามกลับไปว่าตรวจสอบวันไหน ลงวันที่เท่าไหร่ พอตรวจสอบแล้วรู้ทันทีเลยหรือว่านายธนาธรถือหุ้น และทำไม กกต.ไม่ไปเปิดกฎหมายแพ่งพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรคสอง วรรคสามที่มีแนวคำพิพากษาศาลฎีกา และแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงถ้ายังสงสัยถือหุ้นจริงหรือทำไมไม่เรียกนายธนาธรไปสอบถาม แต่กลับมีมติแจ้งข้อกล่าวหาทันที ซึ่งผิดหลักกฎหมาย การแจ้งข้อกล่าวหาจะทำลอยๆ ไม่ได้ ต้องมีองค์ประกอบความผิดและข้อเท็จจริงชัดเจน เมื่อมีผู้กล่าวหา กรรมการฯต้องดูว่ามีหลักฐานหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ต้องตกไป แต่นี่กลายเป็นว่าให้ผู้ถูกร้องมานั่งตอบเหมือนเอานายธนาธรมาดำน้ำ ลุยไฟ ถ้าผ่านไปได้ถึงจะเป็นบริสุทธิ์ ดังนั้น นายธนาธรในฐานะผู้เสียหายเราจะขอสงวนสิทธิในการดำเนินการตามกฎหมายต่อ กกต.ต่อไป ทั้งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.ที่กำหนดโทษไว้ว่าถ้า กกต.ใช้อำนาจมิชอบด้วยกฎหมายมีโทษอาญา จำคุก โทษปรับและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งด้วย

“นี่ยังไม่รวมส่งเอกสารหนึ่งฉบับไปที่บ้านนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดานายธนาธร ในฐานะผู้รับโอนหุ้น วันที่ 22 เม.ย.ถึงบ้านเวลา 13.45 น. แต่ในหนังสือกลับให้มาชี้แจงในเวลา 10.30 น.ของวันเดียวกันซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมาชี้แจง แล้ววันที่ 23 เม.ย.เช้า กกต.ก็มีมติแจ้งข้อกล่าวหาทันที หมายความว่าการแจ้งกล่าวหาพิจารณาเพียงคำร้องซึ่งก็มีแค่ 3-4 บรรทัดเท่านั้น แล้วถ้าตรวจจาก บอจ.5 โดยตีขลุมว่ามีชื่อก็แสดงว่ายังถือหุ้น ท่านวินิจฉัยผิด ซึ่งการจงใจวินิจฉัยผิดนั่นแสดงว่าใช้อำนาจโดยไม่ชอบ เรื่องนี้เรื่องใหญ่ และถ้าสมมติบานปลายมีการสั่งแขวนชื่อนายธนาธร หรือให้ใบส้ม ซึ่งไม่มีอำนาจอยู่แล้ว ถ้าจะเอากันถึงขนาดนั้นก็แสดงว่าการตั้งข้อกล่าวหาโดยใช้ดุลพินิจไม่ชอบ ส่งผลเสียหายร้ายแรง แล้ว กกต.ทั้ง 7 คนจะรับผิดชอบไหวหรือ ผมเรียกร้องว่า กกต.อย่ากลัวแรงกดดัน ความยุติธรรมและกฎหมายจะคุ้มครองท่านเอง กกต.ต้องอยู่อีกนาน คสช.เดี๋ยวก็ไป” นายปิยบุตรกล่าว และว่าหลังจากกลับไปจะโพสต์สิ่งที่ได้มาชี้แจงพร้อมแสดงหลักฐานทั้งหมดลงในเพจของพรรคอนาคตใหม่ต่อไป





กำลังโหลดความคิดเห็น