xs
xsm
sm
md
lg

"มาร์ค" ชูสุราษฎร์ยืนหยัดปชป. ขอช่วยกลับมาเป็นหลักให้ชาติ ห่วงชิงอำนาจสงบรุ่งเรืองจริงหรือ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อดีตหน.ปชป. ลงใต้ครั้งแรกหลังไขก๊อก ชูสุราษฎร์ยืนหยัดกับพรรค ไม่รีบตัดสินร่วมรบ.รอผลทางการ ค้านคำนวณสส.เอื้อพรรคเล็ก จับตาพัทลุง ส่อใบแดงเลือกตั้งใหม่ อ้อนช่วยสร้างพรรคเป็นหลักให้บ้านเมือง ห่วงชิงอำนาจ จะสงบรุ่งเรืองจริงหรือ

วันนี้ (1เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ลงพื้นที่ภาคใต้ที่สุราษฎร์ธานีเป็นครั้งแรกหลังพ่ายศึกเลือกตั้ง จนต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก มีชาวบ้านไปรอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยได้กล่าวกับประชาชนว่า ผ่านพ้นไปแล้ว 1 สัปดาห์หลังจากรับทราบผลเลือกตั้ง ซึ่งต้องขอแสดงความยินดีกับว่าที่ส.ส.สุราษฎร์ธานีทุกคน และขอบคุณประชาชนที่มีความหนักแน่นยืนหยัดกับพรรคประชาธิปัตย์ จนทำให้พรรคได้ส.ส.สุราษฎร์ธานีแบบยกจังหวัด แม้ว่าการเลือกตั้ง ในวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ ไม่ว่าจะเป็นในแง่จำนวนที่นั่งส.ส. หรืออันดับของพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอยากให้ทุกคนคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ ที่อยู่กับเรามา 70 กว่าปีโดยในวันที่ 6 เม.ย.นี้จะครบ 73 ปี ในประวัติศาสตร์ของพรรค มีทั้งขึ้นทั้งลง ตามสถานการณ์ เป็นสิ่งที่เราเคยผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาได้ ซึ่งตนในฐานะเป็นหัวหน้าพรรค หัวหน้าองค์กรได้แสดงความรับผิดชอบเพื่อรักษาคำพูดซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับคนของพรรคประชาธิปัตย์ ตราสัญลักษณ์ของพระที่มีรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผมเขียนเอาไว้ด้านล่างว่า สัจจังเว อมตะวาจาเพราะฉะนั้นสิ่งที่ได้ทำไปคือเพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าคนของพรรคประชาธิปัตย์เชื่อถือได้ในเรื่องการรักษาสัจจะ

อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมารักษาการกรรมการบริหารพรรคร่วมกับอดีตส.ส.ว่าที่ส.ส.รวมทั้งผู้สมัครจากทั่วประเทศ ได้แลกเปลี่ยนความเห็น ซึ่งมีหลากหลาย ทั้งในเรื่องการวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้น และการพูดถึงอนาคตในทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าควรจะเดินไปในทิศทางไหนอย่างไร

“ผมเรียนว่าเรื่องการวิเคราะห์สาเหตุ คงไม่มีข้อยุติ เพราะแต่ละพื้นที่มีเงื่อนไขที่ไม่เหมือนกัน ถ้าเอาที่สุราษฎร์ธานีเป็นเกณฑ์ ก็นึกไม่ออกว่าทำไมที่อื่นถึงแพ้ เพราะที่นี่ชนะแบบยกจังหวัด แต่สิ่งสำคัญคือ เราจะเดินหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็งได้ ความสมัครสมานสามัคคีเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเราต้องเห็นเหมือนกันหมด เพราะเป็นไปไม่ได้ ประชาธิปัตย์เติบโตมาด้วยความเป็นพรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย เพราะฉะนั้น ใครมีความคิดอย่างไรก็เป็นสิทธิเสรีภาพ ขอให้นึกถึงประโยชน์ของประเทศชาติและอุดมการณ์ของพรรค ดังนั้นจึงอยากบอกว่าทุกท่านเป็นเจ้าของพรรควันข้างหน้าการตัดสินใจที่มีความสำคัญต่ออนาคตของพรรค โดยในช่วง 1 เดือนเศษข้างหน้าจะมีการตัดสินใจสำคัญสองเรื่อง หนึ่งคือการกำหนด อนาคตว่าพรรคประชาธิปัตย์จะมีบทบาทอย่างไร “

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าขณะนี้ ไม่มีความจำเป็น ที่จะรีบกำหนดเนื่องจากยังไม่รู้ว่าส.ส. จะมีจำนวนเท่าไหร่ เพราะยังมีเรื่องใบเหลืองใบแดงจาก กกต.อีก และคิดว่าหากจะมีใบแดงจริงคงเกิดขึ้นที่พัทลุงก่อน เนื่องจากมีหลักฐานชัดแจ้งจึงต้องรอดูว่ากกต. จะดำเนินการอย่างไร วันนี้ เขาแย่งกันจัดตั้งรัฐบาล 2 ฝั่ง ตนติดตามผลเลือกตั้งอยู่ตลอดเวลาซึ่งกกต. แถลงได้แค่เพียงว่า คะแนนที่แต่ละพรรคได้รับเป็นอย่างไร ประชาชนอาจสงสัยว่าเมื่อนับคะแนนเสร็จแล้วเหตุใดจึงไม่ทราบว่ามีส.ส.เท่าไหร ซึ่งเป็นเพราะรัฐธรรมนูญเขียนการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อแตกต่างจากในอดีตที่มีบัตร 2 ใบ แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้เหลือบัตรใบเดียว จึงต้องใช้คะแนนส.ส.เขตมาคำนวณ และตอนนี้มีปัญหา ว่ามีพรรคที่ได้ส.ส.เขตเกินกว่าจำนวนส.ส.พึงมีที่ตัวเองจะได้รับ จึงมี การคำนวนสูตรใหม่ที่ทำให้ พรรคเล็กที่ได้คะแนนไม่ถึงจำนวนส.ส.พึงมีได้ส.ส.ไปด้วย โดยความเห็นส่วนตัวไม่คิดว่าจะถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ

ดังนั้นจึงต้องจับตาดูว่ากกต. จะเอาสูตรคำนวณสส.บัญชีรายชื่ออย่างไร ซึ่งเรื่องนี้สำคัญเพราะขณะนี้ 2 ฝ่ายที่ชิงจัดตั้งรัฐบาล คือพรรคเพื่อไทยที่เอา 6 พรรคไปลงสัตยาบันถ้านับจำนวนส.ส.แล้วน่าจะยังไม่ถึง 250 หย่อนอยู่ อาจจะ 4-7 เสียง ถ้าคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างที่มีการปรากฏออกมาในขณะนี้อาจจะหายไปเป็น 10 เสียง ส่วนพรรคพลังประชารัฐที่จะจัดตั้งรัฐบาล มีเสียงอยู่ประมาณ 120 กว่าเพราะพรรคอื่นยังไม่มีใครพูดอะไรทุกคนบอกรอกกต.ประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการก่อนสมมุติว่านับรวมประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย รวมถึงพรรคอื่นๆไปด้วยก็ยังไม่แน่ว่าจะถึง 250 หรือไม่ เพราะฉะนั้นเบื้องต้นจึงต้องบอกว่ายังไม่มีความชัดเจนเลยว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งกว่าจะถึงวันที่ 9 พ.ค.จะมีการตรวจสอบคำร้องเรียนต่างๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ในบางเขต โดยการเลือกตั้งใหม่ต้องทำก่อน แต่เนื่องจากจะมีพระราชพิธีสำคัญในวันที่ 4 พ.ค.จึงต้องมีการเลือกตั้งก่อนในวันดังกล่าว และเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ในบางเขตผลเลือกตั้งก็จะเปลี่ยนแปลงไปอีก ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงทั้งเขตและบัญชีรายชื่อ เพราะฉะนั้นก่อนวันที่ 9 พฤษภาคมไม่มีทางทราบว่าแต่ละพรรคจะมีส.ส.เท่าไหร

"ใครที่ไปโม้ว่ารวบรวมเสียงได้ ก็ไม่รู้ว่าโม้บนความมั่นใจอะไร ว่าจะมีส.ส.ตามที่คำนวณไว้ แต่จนถึงขณะนี้จากข้อมูลที่ปรากฏก็ยังไม่เห็นว่ามีพรรคการเมืองใดตั้งรัฐบาลได้ เพราะถ้าตั้งรัฐบาลแบบนี้ไม่ต้องเข้าห้องน้ำเลยเกินอยู่แค่ 1-2 เสียง เท่านั้นมีคนไปนั่งเป็นประธานสภาก็ลงคะแนนไม่ได้ ดังนั้นทุกอย่างต้องรอวันที่ 9 พ.ค." นายอภิสิทธิ์ กล่าว

สำหรับเรื่องที่ 2 ที่พรรคต้องตัดสินใจคือ การเลือกผู้บริหารพรรคใหม่ที่ต้องทำภายในวันที่ 24 พ.ค. ซึ่งเบื้องต้นกำหนดไว้ว่าจะเกิดขึ้นหลังวันที่ 9 พ.ค.ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาว่า ใครจะเป็นคนมาเลือกในฐานะส.ส. แต่ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศตัวแข่งขันอย่างเป็นทางการของผู้ประสงค์จะเสนอตัวเป็นหัวหน้าพรรค เพราะกรรมการบริหารพรรคที่เหลืออยู่ต้องกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนว่าจะเลือกผู้บริหารพรรคเมื่อไหร่ ซึ่งคนที่สนใจจะลงสมัครหัวหน้าพรรคก็ต้องมาหาสมาชิกพรรค เนื่องจากต้องได้รับการสนับสนุน เพราะประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคการเมืองที่ใครมากำหนดหรือสืบทอดกันได้ สิ่งสำคัญที่สุดอยากให้ทุกคนเข้มแข็ง และมองไปข้างหน้า เพื่อช่วยกันสร้างพรรคต่อไป การสร้างพรรคให้กลับมาเป็นพรรคหลักของประเทศที่จะนำพาบ้านเมือง มีความสำคัญ เพราะขณะนี้ทั้งสองฝ่ายที่ช่วงชิงนำพาประเทศ มีหลายอย่างที่น่าเป็นห่วงว่าจะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองความสงบเรียบร้อยได้จริงหรือไม่แค่ไหนอย่างไร

“ผมยังมั่นใจในอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์และมั่นใจในบุคลากรของพรรคว่า จะต้องมีบทบาทสำคัญในการเป็นหลักให้กับบ้านเมืองต่อไป แต่จะทำตรงนี้ไม่ได้เลยถ้าพรรคไม่เข้มแข็ง ซึ่งพี่น้องที่สุราษฎร์ธานีได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราสามารถฟันฝ่าอุปสรรค ในวันที่พรรคต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมากและประสบความสำเร็จในพื้นที่นี้ จึงขอให้เป็นแบบอย่างในการเดินหน้าพรรคต่อไปอย่างเข้มแข็ง แม้ผมจะลาออกจากหัวหน้าพรรคแล้ว แต่ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และคิดว่าคงจะได้เป็นส.ส.ไม่น่าจะโดนใบแดง โดยยืนยันพร้อมจะสนับสนุนพรรคอย่างเต็มที่ เพื่อเดินไปข้างหน้าพร้อมกับสมาชิกพรรคทุกคน”นายอภิสิทธิ์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น