xs
xsm
sm
md
lg

“New Dem” ประสานเสียงเรียกร้อง “ประชาธิปัตย์” ทำหน้าที่ “ฝ่ายค้านอิสระ”-ไม่ร่วมรัฐบาลทุกฝ่าย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“New Dem” กลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคประชาธิปัตย์ ประสานเสียงเรียกร้องหัวหน้าพรรคคนใหม่ ตัดสินใจไม่เข้าร่วมรัฐบาลทุกฝ่าย พร้อมยืนหยัดทำหน้าที่ “ฝ่ายค้านอิสระ” โดย “ไอติม” ลั่นไม่ควรละทิ้งอุดมการณ์ ต้องรักษาสัจจะ ถึงเวลารื้อโครงสร้างทั้งหมดเพื่อความอยู่รอดของพรรคในอนาคต ด้าน “หมอเอ้ก” ชี้หลายพรรคบิดคำพูด แต่ประชาธิปัตย์ต้องแสดงให้เห็นว่าแตกต่างจากพรรคอื่น ทางด้าน “พรพรหม” ระบุควรเคารพ 3.9 ล้านเสียงที่เลือกพรรคในครั้งนี้ หมดเวลา แทงกั๊ก-ล้าสมัย-ล่าช้า”

วันนี้ (29 มี.ค.) กลุ่ม New Dem ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนำโดย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เรียกร้องให้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ตัดสินใจไม่เข้าร่วมรัฐบาลทุกฝ่าย แลทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านอิสระ

มีรายละเอียดว่า ....

ถึง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนต่อไป...

ในฐานะ 1 ในสมาชิก 140,000 คน ในฐานะ #1ใน3ล้าน9 เสียงที่ลงคะแนนให้พรรคประชาธิปัตย์ และในฐานะ 1 ในคนรุ่นใหม่อาจไม่กี่คนทั่วประเทศที่ยังรักพรรคประชาธิปัตย์อยู่

ผมขอให้ท่านตัดสินใจไม่เข้าร่วมรัฐบาลทุกฝ่าย และประกาศทำหน้าที่ #ฝ่ายค้านอิสระ อย่าง “สง่างาม” “สร้างสรรค์” และ “จำเป็นต่อความอยู่รอดของพรรค”

“สง่างาม”

เป้าหมายสูงสุดของพรรคการเมืองไม่ใช่ตำแหน่ง แต่เป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมที่ซื่อตรงต่ออุดมการณ์ของพรรค ถึงแม้เราต้องยอมรับจากผลเลือกตั้งว่าแนวทางของเราไม่ใช่สิ่งที่สังคมไทยต้องการหรือเชื่อมั่น ณ ปัจจุบัน แต่เราก็ไม่ควรละทิ้งอุดมการณ์เพื่อเข้าร่วมกับรัฐบาลที่มีแกนนำที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ยึดมั่นในอุดมการณ์ “เสรีนิยมประชาธิปไตย” หรือ “ประชาธิปไตยสุจริต”

ถ้าจะไม่นึกถึงอุดมการณ์ ผมก็ขอให้ท่านนึกถึงคำพูดใต้พระแม่ธรณีในโลโก้พรรค “สจฺจํเว อมตา วาจา” (วาจาจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย) การรักษาสัจจะ เป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐานที่นักการเมืองทุกคนควรมี ในเมื่อ 3.9 ล้านเสียงที่มอบให้กับ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ทุกคน คือ เสียงที่มอบให้กับพรรคที่ประกาศชัดว่าจะไม่สนับสนุนรัฐบาลที่สุ่มเสี่ยงต่อการสืบทอดอำนาจ หรือการทุจริตคอร์รัปชัน

ถ้าท่านอยากจะเลือกเดินทางที่ไม่ซื่อตรงต่อเสียงที่มอบให้กับพรรค ผมก็หวังว่าการได้มาซึ่งตำแหน่งของท่านมาจากกระบวนการหยั่งเสียง #primary โดยสมาชิกหรือแนวร่วมทั่วประเทศที่ชี้ให้เห็นชัดว่าผู้สนับสนุนพรรคอยากเห็นท่านเดินไปในทางนี้

“สร้างสรรค์”

การประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านต้องไม่สร้างเงื่อนไขให้ประเทศเดินไปข้างหน้าไม่ได้ ใครรวบรวมเสียงข้างมากได้ในสภาผู้แทนราษฎรควรได้รับสิทธิในการเข้ามาบริหารประเทศ

ด้วยจำนวน ส.ส. ที่พรรคมี ตรงนี้จึงไม่เป็นปัญหา เพราะไม่ว่าพรรคไหนจะเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล ในเชิงปฏิบัติ จำนวน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มากเพียงพอที่จะขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไปได้

การเป็นฝ่ายค้านครั้งนี้เปิดโอกาสให้เราทำหน้าที่ตรวจสอบ (ที่ขาดหายจากสังคมไปกว่า 4-5 ปี) อย่างเต็มที่ พร้อมกับเปิดโอกาสให้เรานำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้กับการเมืองไทย โดยการเป็นฝ่ายค้านสร้างสรรค์ ที่ไม่ได้ค้านเพื่อสักแต่ว่าค้าน แต่ทำงานโดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง พิจารณาไตร่ตรองทุกข้อเสนอของรัฐบาล พร้อมสนับสนุนนโยบายที่เราเห็นว่าดี และพร้อมค้านนโยบายที่เราเห็นว่าไม่ดี

“จำเป็นต่อความอยู่รอดของพรรค”

พรรคประชาธิปัตย์เป็นทางเลือกหลักของประเทศมายาวนานกว่า 70 ปี ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ชี้ให้เห็นชัดว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ทางเลือกหลักของประชาชนในวันนี้ และพรรคประชาธิปัตย์ต้องเปลี่ยนแปลง พันธกิจหลักของพรรคตอนนี้ไม่ใช่การพยายามเปลี่ยนแปลงประเทศในวันที่คนส่วนใหญ่ในประเทศไม่ต้องการเรา แต่ถอดบทเรียนและปรับปรุงตัวเองก่อนเราจะกล้ากลับมาเสนอตัวเองเป็นทางเลือกหลักของคนไทยในภายภาคหน้า

ถึงเวลา ที่เราต้องรื้อโครงสร้างทั้งหมด เพื่อความอยู่รอดของพรรคในอนาคต

หมดเวลา แทงกั๊ก.....
หมดเวลา ล้าสมัย....
หมดเวลา ล่าช้า....

ประชาธิปัตย์ใหม่ ต้อง “ชัดเจน ทันสมัย ทันใจ”

ถ้าท่านเห็นด้วยกับผมว่าทิศทางนี้เป็นทางเดียวที่จะกอบกู้พรรคประชาธิปัตย์ ผมพร้อมจะทุ่มทุกแรงกายที่ผมมีในการช่วยสร้างบ้านหลังนี้ใหม่จากซากที่ยังคงเหลืออยู่ เพื่อให้เรานำพาประชาธิปัตย์ก้าวข้ามมรสุมในค่ำคืนนี้ ไปสู่ #ฟ้าหลังฝน ที่สดใสและสวยงามกว่าที่เคย
 

นอกจากนี้ ทางด้าน นายแพทย์คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ หรือ หมอเอ้ก ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางซื่อ-ดุสิต หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม New Dem ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เพื่อประกาศจุดยืน และเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านอิสระ

มีรายละเอียดว่า

สวัสดีทุกท่านอีกครั้งครับ ผ่านมา 1 อาทิตย์แล้ว หลังจากการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ผมตื่นเช้ามาบางวันก็รู้สึกโหวงๆ เหมือนกันครับ แต่ชีวิตยังต้องเดินต่อไป และ ผมเชื่อว่ามีหลายหนทางที่เราสามารถจะช่วยกันพัฒนาชาติบ้านเมืองได้ครับ

มีหลายคนส่งข้อความ ไดเร็คไอจี หรือแม้กระทั่งโทรหาผม บ้างก็ว่าอย่างเกรี้ยวกราด ให้ไปบอกคนอื่นๆด้วยให้ร่วมรัฐบาล ไม่งั้นเดี๋ยวจะยิ่งสูญพันธ์ุ บ้างก็ว่าอย่างขำขัน ถ้าไปร่วมรัฐบาล พรรค #ประชาธิปัตย์ จะไม่ต่างอะไรกับพรรคประจำจังหวัด ผมต้องขอเรียนว่า ผมในฐานะอดีตผู้สมัคร สมาชิกพรรค และ #1ใน3ล้าน9 เสียง ผมขอขอบพระคุณสำหรับคำห่วงใยและคำแนะนำนะครับ

ทิศทางหลังจากนี้ทุกการกระทำ หมากในการเดินทุกตา มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่ออนาคตของพรรคประชาธิปัตย์ครับ การตัดสินใจนี้ไม่สามารถตอบได้เพียงใครคนใดคนหนึ่ง หรือ คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ปัจจุบันมีทางเลือกอยู่ 3 แนวทาง คือ 1.ให้ว่าที่ ส.ส.ปัจจุบัน และอดีต ส.ส.รวมถึงสาขาพรรคเป็นผู้ตัดสินใจ 2.ให้สมาชิกพรรคกว่าแสนคนเป็นผู้ตัดสินใจ และ 3.ให้ประชาชนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่เป็นสมาชิกหรือไม่เป็นสมาชิก ทั้งผู้ที่เลือกหรือไม่เลือกก็ตาม ได้เป็นผู้ตัดสินใจครับ

ต้องยอมรับครับว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ เราพ่ายแพ้อย่างยับเยิน แต่ที่สำคัญกว่านั้น ต้องมาวิเคราะห์ครับ ว่าเราแพ้ให้กับอะไร ผมและทีมงานเรามานั่งวิเคราะห์กันเอง (ตามประสาคนหนุ่มสาวพรรษาไม่เยอะนักทางการเมือง) เราคิดว่าครั้งนี้ เราสู้ในเกมของกระแส เกมของการตลาดครับ (PR game) และเรา พร้อมพรรคประชาธิปัตย์ เราตกไปอยู่ในบริเวณที่ผมขออนุญาตใช้ภาษาอังกฤษว่า “No man’s land” ตรงตามตัว คือ บริเวณที่ไม่มีใครอยู่ หรือ บริเวณที่คนไม่กล้าอยู่เนื่องจากความไม่แน่นอน

เมื่อเราดูผลคะแนนเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา จะพบว่า คะแนนของเราโดยเฉพาะผู้สมัครในเขตกรุงเทพมหานคร พ่ายแพ้ ไม่ใช่แค่ลำดับที่ 2 ให้พรรคเพื่อไทยเหมือนแต่ก่อน แต่ส่วนใหญ่เป็นลำดับที่ 3 หรือ 4 อันได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย และพรรคอนาคตใหม่ ส่วนตัวและทีมคิดว่า เพราะประชาชนถูกกระแสต่างๆ ไม่ว่าด้วยรูปแบบใดก็ตามให้แบ่งเป็น 2 ขั้ว 2 ฟาก ครับ (เอาทหารไม่เอาทหาร ชอบคุณทักษิณไม่ชอบคุณทักษิณ ฝ่ายประชาธิปไตยไม่ใช่ฝ่ายประชาธิปไตย) แต่ประชาธิปัตย์เราไม่สนใจการวางแบรนด์ เราบอกว่าเราเน้นนโยบาย ที่จะแก้จนให้คนกินได้ ที่จะสร้างคนรุ่นต่อไปที่มีคุณภาพให้กับประเทศได้ หรือที่จะสร้างชาติให้เราทัดเทียมกับนานาประเทศได้ ถามว่าผิดไหม ผมว่าไม่ผิดครับ และ **นี่คือหน้าที่ที่แท้จริงของพรรคการเมือง แต่จากผลการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม เป็นที่ชัดเจนครับ ว่า มันไม่ถูกใจ เราตอบไม่ตรงคำถามครับ ประชาชนมองเราว่าไม่มีจุดยืน ถูกโจมตีจากคนทั้ง 2 ฝั่ง คนไม่เข้าใจและคนไม่รู้ครับ ว่าสินค้าของประชาธิปัตย์คืออะไร และเราตกไปอยู่ในบริเวณของ no man’s land

เพราะเมื่อความคิดในหัวของประชาชนถูกวางกรอบไปแล้วให้เลือกฝั่ง พอเค้าเข้าไปในคูหา เมื่อมองประชาธิปัตย์ จะพบอีก 1 พรรคการเมืองที่สุดกว่าพรรคประชาธิปัตย์ เสมอ เช่น ถ้าไม่ชอบฝั่งทหารจะพบพรรคเพื่อไทย ถ้าไม่ชอบคุณทักษิณจะพบพรรคพลังประชารัฐ หรือ ถ้าไม่ชอบทั้ง 2 อย่าง และอยากได้ทางเลือกใหม่ เราก็โดนแย่งพื้นที่นี้ไปแล้วโดยพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งสิ่งนี้ ผมและทีมคิดว่า เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เราไปอยู่อันดับ 3 อันดับ 4 ครับ (ไม่ใช่แค่อันดับ 2)

ดังนั้น ทุกก้าวเดินต่อจากนี้ของพรรค จะส่งผลต่อการอยู่รอดและอนาคตของพรรค ด้วยผลวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา มันชัดเจนมากครับ ว่า นโยบายที่เราตั้งใจทำมาตลอด 5 ปี ต่อให้ดีขนาดไหน มันก็อาจไม่เพียงพอต่อการชนะการเลือกตั้ง จึงถึงเวลาแล้วที่แค่คนใน มันไม่พอครับ ผมคิดว่าเราต้องระดมสรรพกำลัง ทุกสมองและสองมือ ของทุกๆ คน ที่อยากจะเห็นและพัฒนาพรรคประชาธิปัตย์ต่อไปครับ

วันนี้สำหรับผม ส่วนตัวคำถามสำคัญไม่ใช่ว่าเราจะร่วมกับใคร คำถามสำคัญ คือ อุดมการณ์ของเรายังเหมือนเดิมอยู่หรือไม่ คำว่า “ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต” เราสามารถพูดประโยคนี้ได้อย่างเต็มปากเต็มคำอีกหรือไม่ เมื่อใดที่เราชัดเจนต่ออุดมการณ์ของเรา คำตอบมันจะออกมาเองครับ ว่าเราควรจะเลือกทำอะไร ไม่ใช่จะร่วม หรือจะไม่ร่วม แต่การเป็น #ฝ่ายค้านอิสระ ที่ยกมือให้กับพรรคที่รวบรวมเสียงได้มากที่สุด เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ และผ่านกฎหมายหรือนโยบายที่ตรงกับเจตนารมณ์ของเรา และ ควบคู่กับการใช้เวลาปฏิรูปพรรคของเราให้มีความ ชัดเจน รวดเร็ว และทันสมัย #SaveDem รวมถึงเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งผู้ว่ากทม. และการเลือกตั้งท้องถิ่นไปพร้อมๆ กันครับ

ผมเชื่อครับว่า เมื่อหลายๆ พรรคในปัจจุบันยอมที่จะบิดคำพูดเพื่อต่อต้านอีกฝ่ายได้ เราพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งยึดมั่นต่ออุดมการณ์ และแสดงให้ประชาชนเห็นว่าพรรคเราแตกต่างจากพรรคอื่นได้อย่างไร การรักษาสัจจะและซื่อตรงต่ออุดมการณ์นั้น เป็นไปได้ในทางการเมืองแล้วนั้น ประชาชนก็จะทราบเองครับ ว่าสินค้าของประชาธิปัตย์คืออะไร แล้วเราก็จะสามารถหลุดออกจาก no man’s land และมาอยู่ในใจของประชาชนได้อีกครั้งครับ

จนถึงวันนี้ ผมภูมิใจมากครับที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของพรรคการเมืองที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดพรรคหนึ่งของประเทศไทย ที่มีชื่อว่า “ประชาธิปัตย์” และขอยืนยันที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการกู้วิกฤตศรัทธา กลับมาครับ

สุดท้าย ผมขออนุญาตยกประโยค ประโยคหนึ่ง ของ อดีตหัวหน้าพรรคอภิสิทธิ์ ว่า

“คนที่ตัดสินใจ เก็บอุดมการณ์ใส่ไว้ในลิ้นชักแล้วนั้น ผมไม่เคยเห็นใคร เปิดมันออกมาอีก”
- อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

อีกหนึ่งสมาชิกกลุ่ม New Dem นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส. เขตบึงกุ่มและเขตคันนายาว (แขวงรามอินทรา) ก็ได้โพสต์จุดยืนเช่นกัน

มีรายละเอียดว่า

ถึง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนต่อไป…

หมดเวลา แทงกั๊ก
หมดเวลา ล้าสมัย
หมดเวลา ล่าช้า

ประชาธิปัตย์จะต้อง “ชัดเจน ยุคใหม่ ทันใจ”

เราเห็นได้ชัดว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตอนนี้คือเวลาที่เราจะต้องเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส ต้องถอยหนึ่งก้าวเพื่อทบทวนเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลับมาเป็นทางเลือกหลักของประชาชนอีกครั้ง และต้องทำให้ #ฟ้าหลังฝน กลับมาสดใสดังเดิม

ผมเห็นว่าประชาธิปัตย์ ...

“หมดเวลาแทงกั๊ก…ถึงเวลาชัดเจน”

3.9 ล้านเสียงที่ประชาชนมอบให้กับเราเพราะเชื่อมั่นในแนวทาง “ประชาชนเป็นใหญ่” ที่คัดค้านการสืบทอดอำนาจ และ “ประชาธิปไตยสุจริต” ที่ยึดถือหลักการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ เราจําเป็นต้องเคารพเสียงของประชาชนและรักษาสัจจะที่ได้ให้ไว้

เมื่อเราไม่สามารถที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตามแนวทางนี้ได้ บทบาทของพรรคต้องเป็น #ฝ่ายค้านอิสระ ทําหน้าที่ตรวจสอบโดยไม่ขัดขวางการเดินหน้าของประเทศ

“หมดเวลาล้าสมัย...ถึงเวลาของยุคใหม่”

เมื่อผลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่าพรรคไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ถึงเวลาที่ “ประชาธิปัตย์ต้องรีแบรนด์ตัวเอง” โดยต้องมีผู้บริหารที่ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองที่จะเข้ามาปรับปรุงและพัฒนาองค์กรให้ทันสมัย

“หมดเวลาล่าช้า...ถึงเวลาทันใจ”

การตัดสินใจต้องเด็ดขาด คณะกรรมการบริหารต้องมีขนาดเล็กลง ต้องกระจายอำนาจสู่สาขาพรรค เพื่อให้เราเป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง

หัวหน้าอภิสิทธิ์เป็นตัวอย่างที่ดีในการรักษาคำพูดและการยืนหยัดกับจุดยืนของตนเอง หัวหน้าคนใหม่ต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจนและรักษาสัจจะให้ได้เช่นเดียวกัน

ผมพร้อมจะสนับสนุนหัวหน้าพรรคที่จะมาเปลี่ยนวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาส ที่มีวิสัยทัศน์ตามที่ได้กล่าวมา และเป็นผู้นำที่จะทำให้ #ฟ้าหลังฝน กลับมาสดใสอีกครั้ง #SaveDem







กำลังโหลดความคิดเห็น