ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองภูเก็ต เป็นให้ยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งที่กำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวหมู่เกาะสิมิลัน
วันนี้ (29มี.ค.) ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งในคดีที่นายนิพนธ์ สมเหมาะ ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชและอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ขอให้ศาลเพิกถอนประกาศลงวันที่9ต.ค. 61เรื่อง การกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไปในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และประกาศลงวันที่ 9 ต.ค.61เรื่อง กำหนดอัตราค่าบริการสำหรับยานพาหนะประเภทเรือที่เข้าไปในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และมีคำขอให้ศาลทุเลาการบังคับตามประกาศทั้งสองฉบับ ซึ่งศาลปกครองภูเก็ตได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับ ตามประกาศลงวันที่ 9ต.ค.61เรื่องการกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไปในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันตามคำขอของนายนิพนธ์ ตั้งแต่วันที่ 1ม.ค.62-31มี.ค.62ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น และทั้งสองฝ่ายได้อุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยแล้วเห็นว่า อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช มีอำนาจกำหนดมาตรการเพื่ออนุรักษ์คุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในช่วงเวลาระหว่างปี พ.ศ. 60 ถึง ปี พ.ศ. 2561ก่อนที่จะมีประกาศพิพาทมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันเฉลี่ย 4,562 คนต่อวัน โดยเคยมีจำนวนสูงสุดถึง 7,302 คนต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากช่วงปีพ.ศ. 2557-2558 ที่มีนักท่องเที่ยว 626 คนต่อวัน และปรากฏข้อมูลว่ากิจกรรมการท่องเที่ยวส่งผลกระทบด้านระบบนิเวศ กรณีจึงมีเหตุผลที่อธิบดีกรมอุทยานฯจะใช้อำนาจออกประกาศกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวได้
ส่วนข้ออ้างของนายนิพนธ์ เกี่ยวกับผลการศึกษาวิจัยที่อธิบดีกรมอุทยานนำมาประกอบดุลพินิจซึ่งดำเนินการโดยไม่ชอบ ตามขั้นตอนและวิธีการนั้น เป็นประเด็นพิพาทที่ศาลปกครองชั้นต้นจะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติแล้วจึงจะมีคำวินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคดีต่อไป ในชั้นนี้จึงยังฟังไม่ได้ว่าประกาศกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชลงวันที่ 9ต.ค.61 เรื่อง การกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไปในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย อุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองฟังขึ้น
ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้ยกคำขอทุเลาคำบังคับตามกฎหรือคำสั่งทางปกครองของกรมอุทยานฯ