หน.พลังประชารัฐ ระบุกำลังหารือพรรคอื่นจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดเพราะ กกต.ยังไม่ประกาศผลทางการ เย้ยอีกฝ่ายพูดว่ารวมเสียงได้เท่าไหร่ เข้าใจไปเอง แต่พยายามจัดตั้งรัฐบาลเป็นสิทธิทำได้ ด้านเลขาฯ พรรค อัดแค่ฉวยโอกาส ซัด “พรรคเพื่อไทย” อ้าง “ฝ่ายประชาธิปไตย” ดูถูกคนอื่น เอาแต่ได้ สร้างความแตกแยก วอนหยุดวาทกรรม
วันนี้ (27 มี.ค.) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวถึงความชัดเจนเรื่องการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล หลังพรรคเพื่อไทย นำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่คาดว่าไม่ได้รับเลือกให้เป็น ส.ส. ตามระบบจัดสรรปันส่วนผสม และผู้เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ร่วมกับ พรรคอนาคตใหม่, พรรคเสรีรวมไทย, พรรคประชาชาติ, พรรคเพื่อชาติ และ พรรคพลังปวงชนไทย ได้ลงนามในสัตยาบันร่วมหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และจัดตั้งรัฐบาล
นายอุตตม กล่าวว่า ขณะนี้พรรคพลังประชารัฐอยู่ระหว่างหารือกับพรรคการเมืองอื่นๆ ทั้งพรรคใหญ่และพรรคเล็ก ในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องคะแนนเสียง ขณะนี้ยังไม่เป็นที่ยุติ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็แถลงไปแล้วว่ายังไม่ถึงเวลา เพราะฉะนั้นจึงดำเนินการหารือ เชื่อว่ายังมีเวลาที่จะดำเนินการให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด และคาดหวังว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นไปด้วยความราบรื่น
“วันนี้ไม่มีกลุ่มไหน ซีกไหนที่พูดได้จริงจังว่ารวมเสียงได้เท่าไร เพราะ กกต. ยังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการ ฉะนั้นอย่ามาพูดว่าได้เสียงเท่าไรแล้วอะไรอย่างไร จะพูดก็พูดได้ แต่ก็เป็นการเข้าใจของตัวเอง ไม่ใช่อะไรที่เป็นทางการ ขณะนี้ยังไม่มีใครที่จะสามารถรวมเสียงที่เป็นทางการได้ทั้งนั้น เพราะกระบวนการยังไม่เสร็จ ก็พูดไปได้ว่าเสียงเท่าไร แสดงเจตจำนง เจตนารมณ์ที่จะร่วมกันพยายามจัดตั้งรัฐบาล อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำได้” นายอุตตม กล่าว
ด้าน นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ที่พรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นๆ บอกว่ารวมเสียงได้ ก็ยังไม่รู้ว่าเสียงที่ชัดเจนจริงๆ เท่าใด เพราะ กกต. ยังไม่ได้แถลงจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ตัวเลขเปลี่ยนทุกวัน ดังนั้นการรวมตัวกันแล้วอ้างความชอบธรรมนั้น เป็นเพียงกลไกทางการเมือง แต่ในข้อเท็จจริงยังไม่มีที่มาของข้อมูลที่ถูกต้องยืนยัน อีกทั้งเป็นการดำเนินการเพื่อจะช่วงชิง และกล่าวว่า กลุ่มพวกเขารวบรวมเสียงข้างมากได้ ทั้งที่ถ้าดูในการแถลงจริงๆ ยังไม่รู้ว่ามีกี่พรรคแน่นอน เป็นเพียงการฉกฉวยบนสถานการณ์ฉุกเฉินที่จะทำให้รู้สึกว่ามีความชอบธรรม
ทั้งนี้ กระบวนการยังไม่เสร็จสิ้น คะแนนที่แท้จริงและชัดเจนยังไม่ออกมา และระยะเวลาที่จะต้องดำเนินการนั้น ยังมีมากพอสมควร ประกอบกับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ มีการคิดคะแนนรวมทั้งประเทศ คิดปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับอดีตในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ เราดำเนินการทางการเมืองที่เหมาะสม และพรรคก็ยังมั่นใจว่าพรรคยังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพียงแต่ไม่ใช่เวลาที่จะออกมาแล้วอ้างประกาศชัยชนะในวันนี้ เวลานี้ ทั้งที่สถานการณ์ยังไม่มีอะไรเป็นที่ยุติ
นายสนธิรัตน์ ยังเรียกร้องไปยังสื่อและประชาชนทั้งประเทศ ว่า หยุดอ้างฝ่ายประชาธิปไตย เพราะไม่ว่าใครที่ได้คะแนนเสียง ทุกคนเข้าสู่การเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย ถ้าไม่ใช่ประชาธิปไตย ก็ต้องไม่ลงแข่งขันด้วยตั้งแต่วันแรก ถ้าอ้างว่าเป็นเผด็จการ สืบทอดอำนาจ ก็ต้องไม่ลงเลือกตั้ง และเอาชนะการเลือกตั้ง แต่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา และระหว่างหาเสียง ก็ใช้วาทกรรมฝ่ายประชาธิปไตย ทั้งที่ประชาชนที่เลือกพรรคพลังประชารัฐ 7.9 ล้านเสียง มีเสียงสนับสนุนมากที่สุด แปลว่าเสียงประชาชนที่เป็นประชาธิปไตย จะเป็นเฉพาะเสียงที่พรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์เท่านั้นหรือไม่ แล้วประชาชนที่เลือกพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีสิทธิมีเสียงหรือ
ทั้งนี้ ประชาธิปไตยที่แท้จริง คือ การเคารพเสียงของทุกคนและประชาชน แม้กระทั่งเสียงเพียงหนึ่งเสียง เป็นพื้นฐานของประชาธิปไตยใช่หรือไม่ แล้วใช้สิทธิอะไรมาเรียกตัวเองว่าเป็นฝั่งประชาธิปไตย แล้วเรียกคนอื่นที่ไม่ลงคะแนนให้ตัวเองว่าไม่ใช่ฝั่งประชาธิปไตย ถือว่าเป็นการดูถูกประชาชน และอ้างประชาธิปไตยเพื่อสร้างความแตกแยกของบ้านเมืองอีกครั้ง ไม่ใช่ประชาธิปไตยเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน แต่เป็นประชาธิปไตยเพื่อพวกพ้อง จึงอยากวิงวอนให้หยุดการกระทำดังกล่าว
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า บรรยากาศประชาธิปไตยกำลังเดินหน้าไปด้วยดี ต้องเคารพทุกเสียงของประชาชน ที่ตัดสินใจ วันนี้ไม่มีฝ่ายประชาธิปไตยและไม่มีฝ่ายเผด็จการ พรรคพลังประชารัฐดำเนินการตามครรลองของประชาธิปไตย เพียงแต่พรรคมองเห็นว่า บุคคลที่เหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบัน คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเรียนเชิญมา ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่พรรคพลังประชารัฐยืนยันว่า พรรคนี้คือพรรคประชาธิปไตย และเป็นประชาธิปไตยที่คิดถึงประชาชน พยายามอย่างยิ่งที่จะให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ไม่สร้างวาทกรรมแบ่งแยกให้เกิดความรู้สึกเป็นคนละฝั่ง คนละฝ่าย ตอกย้ำความแตกแยกของประเทศอย่างที่เป็นมา
คำต่อคำ
นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
สวัสดีทุกท่านนะครับ เมื่อเช้าเราก็ออกขบวนเพื่อแสดงความขอบคุณพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครที่ได้ให้การสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ จนทำให้เราได้จำนวน ส.ส.เข้ามาทำหน้าที่ให้พี่น้องประชาชนมากที่สุดในกรุงเทพมหานคร เมื่อเช้าก็เข้าใจว่ายังมีคำถามที่อยากจะถามพวกผมค้างคาอยู่ เพื่อไม่ต้องเดาใจคำถาม ใครมีคำถามก็ถามได้เลย
(คำถาม)
ในเรื่องของการรวมเสียง พรรคพลังประชารัฐก็ได้ดำเนินการ อยู่ในช่วงของการดำเนินการในการที่จะหารือกับพรรคการเมืองอื่นๆ ที่จะนำไปสู่กระบวนการของการจัดตั้งรัฐบาล แต่ทั้งนี้ผมเรียนว่าพรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนที่ชัดเจนว่า การดำเนินการของเรานั้นจะต้องมีความชัดเจนในเรื่องของคะแนน ซึ่งวันนี้ อย่างที่ทราบดี เรื่องของเสียง เรื่องของคะแนนเสียง จริงๆ แล้วก็ยังไม่เป็นที่ยุติอย่างเป็นทางการ ซึ่ง กกต. ก็ได้แถลงการณ์แล้วว่าวันนี้ยังไม่ถึงเวลานั้น เพราะฉะนั้นพรรคพลังประชารัฐเราก็ดำเนินการหารือไป โดยที่เราเชื่อว่ายังมีเวลาที่จะหารือ ที่จะดำเนินการให้เกิดความภาคภูมิ ให้เป็นประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชนที่ได้มาลงคะแนนเลือกตั้งในครั้งนี้ และคาดหวังว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นไปด้วยความราบรื่น เพราะฉะนั้นเราก็กำลังดำเนินการอยู่
(คำถาม)
เราคุยกับพรรคจำนวนหนึ่ง ขนาดก็แตกต่างกัน พรรคใหญ่ พรรคเล็ก
(คำถาม)
ยังอยู่ในกระบวนการ และอย่างที่ผมเรียนตอนต้น ผมคิดว่าประเด็นหลักคือวันนี้ ถ้าพูดถึงเสียง ไม่มีกลุ่มไหน ซีกไหนที่พูดได้จริงจังว่ารวมเสียงได้เท่าไร เพราะ กกต.ยังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการ เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดว่าได้เสียงเท่าไรแล้ว อะไร อย่างไร จะพูดก็พูดได้ แต่มันก็เป็นการเข้าใจของตัวเอง แต่ไม่ใช่อะไรที่เป็นทางการ
(คำถาม)
เราก็ทำต่อเนื่อง ตามหลักการแล้วเราก็จะรวบรวมเสียงให้ได้มากที่สุด
(คำถาม)
ขั้วไหน
(ถาม : ที่มีการประกาศรวมตัวกันแล้ว กับพรรคเพื่อไทย)
ตอนนี้เรายังอยู่ในกระบวนการ อย่างที่ผมเรียนว่าเราคุยกับพรรคการเมืองต่างๆ อยู่ ยังอยู่ในขั้นตอนนั้นอยู่
(ถาม : มีรายชื่อของพรรคการเมืองที่จะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่)
ตอนนี้เรายังไม่มีข้อสรุปใดๆ ทั้งนั้น เราได้เริ่มพูดจาแล้ว แล้วเราก็ดำเนินการต่อ เพราะเราถือว่าเวลายังมี เวลายังมีพอสมควร ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเกินไป เราทำแล้ว ทำให้ออกมาดีๆ
(ถาม : ทางเพื่อไทยเขาเปิดหน้ามาชัดเจนแบบนี้แล้ว ทางพลังประชารัฐมีแนวร่วม...)
หน้าอะไรครับ ที่เปิด
(ถาม : สมมติว่าถ้าเขารวมเสียงได้ก่อน)
อย่างที่ผมเรียนว่า คำว่ารวมเสียงได้ก่อน ขณะนี้ยังไม่มีใครที่จะสามารถรวมเสียงที่เป็นทางการได้ทั้งนั้นนะ เพราะกระบวนการยังไม่เสร็จ ก็พูดไปได้ว่าเสียงเท่าไร แสดงเจตจำนง เจตนารมณ์ที่จะร่วมกันพยายามจัดตั้งรัฐบาล อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำได้นะ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ
ผมขอชี้แจงอย่างนี้ วันนี้ที่พูดกัน บอกรวมเสียงได้ ก็ยังไม่รู้ว่าเสียงที่ชัดเจนจริงๆ เท่าไร เพราะขณะนี้ กกต.เองก็ยังไม่ได้มีการแถลงการณ์ชัดเจนว่าพรรคที่บอกว่าได้เท่านั้นเท่านี้ จริงๆ แล้ววันนี้ได้เท่าไร ตัวเลขเปลี่ยนทุกวัน นั่นคือประเด็นที่หนึ่ง ดังนั้นการที่เกิดการรวมตัวกัน แล้วอ้างความชอบธรรมนั้น เป็นเพียงกลไกทางการเมืองเพื่อจะแสดงความชอบธรรม แต่ในข้อเท็จจริง ความชอบธรรมที่แสดงนั้นยังไม่มีที่มาของข้อมูลที่ถูกยืนยัน ประเด็นที่สอง การดำเนินการอย่างนี้ เป็นการดำเนินการเพื่อจะช่วงชิง จะพยายามสร้างว่าพรรคของกลุ่มของพวกเขาเป็นพรรคที่รวบรวมเสียงข้างมากได้ ทั้งที่ประกาศวันนี้ ถ้าดูในการแถลงจริงๆ แล้ว ยังไม่รู้ว่าจะเรียกกี่พรรคแน่เลยว่ามีกี่พรรคแน่นอน เป็นเพียงการฉกฉวยบนสถานการณ์ฉุกเฉินที่จะทำให้รู้สึกว่ามีความชอบธรรม ผมเรียนอย่างนี้นะครับ กระบวนการยังไม่เสร็จสิ้นเลย คะแนนที่แท้จริงและชัดเจนยังไม่ออกมาเลย และระยะเวลาที่เราจะต้องดำเนินการนั้น ยังมีระยะเวลาที่มากพอสมควร ประกอบกับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ มีการคิดคะแนนรวมทั้งประเทศ คิดปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับอดีตในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ เราดำเนินการทางการเมืองที่เหมาะสม ดำเนินการทางการเมืองที่เป็นไปตามความเป็นจริง และพรรคก็ยังมั่นใจว่าพรรคยังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพียงแต่ไม่ใช่เวลาที่จะออกมาแล้วอ้างประกาศชัยชนะในวันนี้ เวลานี้ ทั้งที่สถานการณ์ยังไม่มีอะไรเป็นที่ยุติ อันนี้เป็นจุดที่สำคัญ
ประเด็นที่สอง ก็ถือโอกาสเรียนพี่น้องสื่อมวลชน และเรียนไปถึงพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ หยุดได้แล้วครับกับการอ้างฝ่ายประชาธิปไตย เพราะว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้คะแนนเสียงจะเป็นพรรคไหนก็ตาม ทุกคนเข้าสู่การเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย ถ้าไม่ใช่ประชาธิปไตย พวกเขาก็ต้องไม่ลงแข่งขันด้วยสิ ตั้งแต่วันแรก ถ้าอ้างว่าเป็นการเผด็จการ สืบทอดอำนาจ พรรคเหล่านั้นก็ต้องไม่ลงเข้าสู่การเลือกตั้ง พรรคเหล่านั้นก็กระเหี้ยนกระหือรือที่จะเอาชนะการเลือกตั้งไม่ใช่หรือครับ แต่พอผลการเลือกตั้งออกมา และระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ก็ใช้วาทกรรมฝ่ายประชาธิปไตย คำถามครับ พี่น้องประชาชนที่เลือกพรรคพลังประชารัฐ 7.9 ล้านเสียง และถือว่ามีเสียงการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศมากที่สุด แปลว่าคนเหล่านั้นไม่ต้องเคารพเสียงประชาชนเลยหรือครับ แปลว่าเสียงประชาชนที่เป็นประชาธิปไตย จะเป็นเฉพาะเสียงที่พวกเขาได้ประโยชน์เท่านั้นหรือ ถึงเป็นประชาธิปไตย แล้วพี่น้องประชาชน 7.9 ล้านคน ที่เลือกพรรคพลังประชารัฐ เขาไม่มีสิทธิมีเสียงหรือครับ อีกประมาณ 17 ล้านคน ที่ไม่ได้ไปแถลงข่าววันนี้ พวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่ฝั่งประชาธิปไตยหรือครับ ประชาธิปไตยที่แท้ คือการเคารพเสียงของทุกคน เคารพพี่น้องประชาชน เคารพแม้กระทั่งเสียง 1 เสียง มันเป็นพื้นฐานของประชาธิปไตยใช่หรือไม่ แล้วใช้สิทธิอะไรมาเรียกตัวเองว่าเป็นฝั่งประชาธิปไตย แล้วเรียกคนอื่นที่ไม่ลงคะแนนให้ตัวเอง ว่าไม่ใช่ฝั่งประชาธิปไตย ผมถือว่าเป็นการดูถูกพี่น้องประชาชน และเป็นการอ้างประชาธิปไตยเพื่อสร้างความแตกแยกของบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง ประชาธิปไตยอย่างนี้ ไม่ใช่ประชาธิปไตยเพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน แต่เป็นประชาธิปไตยเพื่อพวกพ้อง
ก็อยากวิงวอนว่า ขอให้หยุดเถอะครับ สิ่งที่พวกท่านทำนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตย สิ่งที่เรากำลังทำนั้น บรรยากาศประชาธิปไตยกำลังเดินหน้าไปด้วยดี เราต้องเคารพทุกเสียงของพี่น้องประชาชนที่ตัดสินใจ และวันนี้ไม่มีฝ่ายประชาธิปไตย และไม่มีฝ่ายเผด็จการ พรรคพลังประชารัฐดำเนินการตามครรลองของประชาธิปไตย เพียงแต่พรรคมองเห็นว่า บุคคลที่เหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ คือท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเราเรียนเชิญท่านมาในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่พรรคพลังประชารัฐยืนยันด้วยจุดยืนของพรรค ว่าพรรคนี้คือพรรคประชาธิปไตย และเราเป็นประชาธิปไตยที่คิดถึงพี่น้องประชาชน พยายามอย่างยิ่งที่จะให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สร้างวาทกรรมแบ่งแยกให้เกิดความรู้สึกเป็นคนละฝั่ง คนละฝ่าย ตอกย้ำความแตกแยกของประเทศอย่างที่เป็นมา ถือโอกาสแถลงเรื่องนี้ เพราะว่า รวมทั้งสื่อมวลชนนะครับ เราปล่อยให้วาทกรรม "ฝั่งประชาธิปไตย" แม้กระทั่งพี่น้องสื่อมวลชนเอง ก็ต้องกราบวิงวอนให้พี่น้องสื่อมวลชนกลับมาฉุกคิดว่าการที่พี่น้องสื่อมวลชนเขียนว่าฝั่งประชาธิปไตย กับฝั่งเผด็จการนั้น พี่น้องสื่อมวลชนมั่นใจหรือว่า การใช้ การเรียกอย่างนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องในหลักการของประชาธิปไตย ถือโอกาสวิงวอน เรียนพี่น้องสื่อมวลชน ไปถึงพี่น้องประชาชนด้วย
(คำถาม)
อุตตม - การพูดคุย อย่างที่ผมเรียน หลายพรรค แต่ว่าเราขอยังไม่เปิดเผยชื่อว่ามีพรรคไหนบ้างที่ได้มาร่วมหารือกัน
(คำถาม)
อุตตม - คือเรามั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐจะสามารถร่วมกับพรรคที่เห็นตรงกัน ร่วมอุดมการณ์ และจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนเสียงเป็นเท่าไร เดี๋ยวรอดู
(คำถาม)
เราจะพยายามรวบรวมเสียงให้ได้มากที่สุด ตอนนี้ยังอยู่ในกระบวนการ เราคงไม่ไปตั้งเป้าก่อนว่าเราจะเป็นรัฐบาลเสียงอย่างไร เพราะว่าเราก็ต้องฟังจากพรรคการเมืองอื่นด้วยที่เรามาร่วมหารือกัน
(คำถาม)
อุตตม - ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก เราพูดคุยกันอยู่ เราพูดคุยกันได้สักระยะหนึ่งเท่านั้นเอง ยังไม่มีอะไรตายตัว เพราะอย่างว่า เสียงก็ยังไม่ลงตัวเลย ถ้าจะไปคิดเรื่องตำแหน่ง เก้าอี้ มันก็ยังไปคุยกันไม่ได้ตอนนี้
(คำถาม)
อุตตม - เรามีความตั้งใจที่จะทำให้ได้มากที่สุด
(คำถาม)
อุตตม - ก็เป็นปกตินะครับ ก็เป็นลักษณะของรัฐบาลผสม เพียงแต่ว่าที่เราเรียนว่าวันนี้คะแนนยังไม่นิ่ง จะพูดคุยอะไรกันก็ต้องคำนึงว่า คะแนนยังไม่เป็นทางการ พอเป็นทางการแล้ว คราวนี้ก็จะเห็นชัดแล้ว ถ้าจะพูดคุยเรื่อง การมาร่วมงานกัน การจัดโครงสร้างรัฐบาล ตรงนั้นก็จะชัดเจน ซึ่งวันนี้ยังพอมีเวลา กกต.ยังไม่ได้แถลงตัวเลขที่เป็นทางการ เราก็ยังมีเวลา เราจะใช้เวลาให้ดีที่สุดในการหารือ เราจะไม่เร่งออกมาแถลงสิ่งใด ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่แน่ใจว่าเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน หรือจะทำให้เกิดความสับสนยิ่งขึ้น เราจะไม่ทำเช่นนั้น ถ้าเราแถลง เราจะแถลงด้วยความชัดเจน เราจะแถลงในสิ่งที่มีสาระ เป็นประโยชน์ ตั้งแต่ต้นเราไม่เน้นวาทกรรมเป็นหลัก
(คำถาม)
อุตตม - ส่วนตัวผมยังไม่แน่ใจครับ ยังไม่ได้มีข้อมูลชัดเจนว่าท่าน กกต. พร้อมที่จะแถลงเมื่อไร เพราะท่านก็ทำงานกันอยู่เต็มที่ เราก็จะทำงานในส่วนของเรา พรรคพลังประชารัฐ ในการที่จะหารือนำไปสู่การเตรียมการในการจัดตั้งรัฐบาล
(คำถาม : กกต.แถลง 95 เปอร์เซ็นต์ เราสามารถนำไปประมวล)
อุตตม - ถ้าตัวเลขทุกอย่างพร้อม ผมคิดว่ามันก็จะชัดเจนว่า ส.ส.ในส่วนไหนเป็นเท่าไร
(คำถาม)
อุตตม - นี่คือประเด็นเลย ที่น้องพูด พรรคพลังประชารัฐเราถึงมาพูดกันวันนี้ว่า ตัวเลขวันนี้ยังไม่นิ่งเลย ประกาศไป ตั้งขั้ว ตั้งซีก ได้คะแนนแล้วเท่านี้ เกิดใบแดงขึ้นมา เกิดอะไรขึ้นมา มันเปลี่ยนได้เลยเหมือนกันนะครับ เพราะฉะนั้นเราถึงไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เท่าไร เรามาทำงานของเรา เตรียมให้พร้อม ตัวเลขนิ่งปุ๊บ เดินได้เลย ไม่ต้องมาใช้เวลาในเรื่องการแถลงนู่นนี่นั่น
(คำถาม)
อุตตม - ยังบอกไม่ได้ แต่เรามีความมั่นใจว่าเราจะสามารถดำเนินการเข้าสู่เป้าหมายได้ ส่วนผลเป็นอย่างไร ในส่วนของ กกต. ทุกคนรอดูอยู่
(คำถาม : บอกตัวเลขเป้าหมายคร่าวๆ ไม่ได้หรือที่คาดหวัง)
อุตตม - ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเป้าหมาย อย่างที่เรียนว่า วันนี้ตัวเลขก็ยังไม่นิ่ง
(คำถาม)
อุตตม - ก็เท่าที่ตัวเลขมี เขาก็บอกว่า ตัวเลขเป็นเช่นนี้ เราได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนมาในเสียงคะแนนนิยมถึงประมาณนี้ เราก็พูดตามตัวเลขซึ่งมีในขณะนี้ แต่ว่า เมื่อตัวเลขถูกยืนยันมาแล้วโดย กกต. มันก็ชัดเจนทุกฝ่าย ว่าเป็นเท่าไร
(คำถาม)
อุตตม - รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็เป็นฉบับใหม่ที่กำหนดกลไกว่าเป็นแบบสัดส่วนผสม เพราะฉะนั้นคะแนนนิยม หรือคะแนนรวม ย่อมมีความสำคัญ ไม่ใช่มีแต่เขต เพราะว่าคะแนนิยม คะแนนรวมนั้น เป็นสื่อซึ่งสะท้อนเสียงของพี่น้องประชาชนทุกคนที่มาลงคะแนน ทุกคนที่มาลงคะแนน เพราะฉะนั้นอันนี้พรรคพลังประชารัฐจึงยึดมั่นอยู่ในจุดที่ว่า คะแนนตรงนี้มีความสำคัญ เป็นเสียงของพี่น้องประชาชนคนไทย เป็นจุดเริ่มต้น
(คำถาม)
อุตตม - อันนี้แล้วแต่มุมมองนะ แต่เราพูดไว้แต่ต้นว่า การที่จะรวบรวมเสียง พรรค หรือกลุ่มพรรคไหน รวบรวมเสียงได้ ก็มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้ เราไม่ได้ไปปิดกั้นใคร เราไม่มาออกเสียงเรียกร้องว่าให้เราตั้งก่อน ไม่มี คนอื่นอาจจะเคยพูด เราไม่เคยพูด กลุ่มไหนก็ตั้งได้ ตัวเลขนิ่งแล้ว ได้เลย
(คำถาม)
อุตตม - อยู่ในกระบวนการอย่างที่ผมเรียน เราขอสงวนชื่อไว้ก่อนว่าพรรคไหนบ้างที่เราคุยกันอยู่ ให้เกียรติเขาด้วยนะครับ ให้เขาตัดสินใจ
(คำถาม)
อุตตม - ผมคิดว่าในช่วงของการเลือกตั้ง การแสดงความเห็นของตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ มันก็มีได้ โดยใช้ข้อมูลตอนนั้นล่ะ เท่าที่มี เท่าที่รับฟังกัน ถึงเวลาเจรจาพูดคุยกัน มันมีเวลาที่จะลงรายละเอียดมากกว่านั้น
(คำถาม)
อุตตม - ก็คงจะต้องมาพูดคุยกัน แต่เรื่องนี้พรรคก็เคยพูดไปว่าเราก็มีแนวทางของเราว่าในที่สุดแล้วเรื่องของการใช้กัญชาเพื่อทางเลือกการแพทย์ อันนี้เราสนับสนุน ส่วนรายละเอียดเดี๋ยวก็ต้องมาคุยกันเป็นเรื่องๆ มีนโยบายหลายชุดนะแต่ละพรรค ต้องมาคุยกันว่าคืออะไร ผมเชื่อว่าทุกพรรคถ้าอุดมการณ์ร่วมกัน ก็สามารถมาคุยกันได้ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างได้ อันนี้ขึ้นอยู่กับการเจรจาแล้ว
(คำถาม)
อุตตม - เดี๋ยวเราคุย อยู่ในกระบวนการ แน่นอนเราก็ต้องคุยกับพรรคร่วมอุดมการณ์ มีเป้าหมายด้วยกัน ซึ่งในส่วนของพรรคพลังประชารัฐเราก็สนับสนุนท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จุดนี้เราก็จะใช้เป็นจุดยืนที่พูดคุยกับทุกพรรคที่มีการหารือกับเรา
(คำถาม)
อุตตม - ก็อย่างที่ผมพูดนะ เราขอยังไม่เปิดเผยว่าเราคุยกับใครบ้าง หรือใครมาคุยกับเราบ้าง
(คำถาม)
อุตตม - คือเราคุยกับหลายพรรค
(คำถาม)
อุตตม - เราดำเนินการของเราอย่างเต็มที่ เรามีแนวทางอยู่แล้วว่าเราจะคุยกับพรรคต่างๆ เพื่อก้าวไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล เราเอาอันนั้นเป็นหลักก่อน ให้ได้ตามนั้นก่อน
(คำถาม : คะแนนที่ออกมาเป็นไปตามคาดการณ์ไหม)
อุตตม - ตรงนี้อย่างที่ผมเรียน ประการแรก คาดการณ์ไปได้หมด แต่อย่าเพิ่งไปถือว่าคาดการณ์แล้ว นั่นล่ะคือตัวเลขที่แท้จริง กกต.ท่านก็พูดออกมาแล้ว เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้ววันนี้ผมถึงเรียนว่า พูดถึงตัวเลข สำหรับพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่ใช่แก่นสารสำคัญเลย มันก็เปลี่ยนได้ทุกวันนะตามที่ผมเข้าใจ การคำนวณยังไม่สิ้นสุด อีกส่วนหนึ่งของคำตอบผมก็คือ เราพูดตั้งแต่ต้นว่าพรรคพลังประชารัฐ เราเกิดมาเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว เรามีเป้าหมายว่าเราจะพัฒนาเป็นสถาบันการเมืองถาวร เพราะฉะนั้นสุดท้ายแล้วผลออกมาเป็นอย่างไร เราก็จะดำเนินการทางการเมืองตามบทบาทนั้นๆ ที่พี่น้องประชาชนได้ชี้ออกมา แต่ขอให้คะแนนชัดเจนก่อนว่าเป็นอย่างไร ใครได้จัดตั้งรัฐบาล
(คำถาม)
สนธิรัตน์ - ผมขอเรียนอย่างนี้ดีกว่า ครั้งนี้ตัวคะแนนที่แท้จริงยังไม่เป็นที่ยุติ ยังเปลี่ยนแปลงทุกวัน ประเด็นที่สอง ณ สถานการณ์ขณะนี้ ผมคิดว่าเป็นสถานการณ์ที่มีคะแนนก้ำกึ่งกันทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม ฉะนั้นขอต้องใช้เวลาในการดำเนินการสิ่งเหล่านี้ แต่ขอให้มั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐดำเนินการอย่างเต็มที่ที่จะดำเนินการให้การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การเลือกตั้งและนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลนั้น ดำเนินการไปได้ตามสิ่งที่พี่น้องประชาชนต้องการ ก็คิดว่าต้องใช้เวลาระดับหนึ่ง และทุกอย่าง ถ้าชัดเจนก็จะแถลงให้ทราบ