xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ปราศรัยทิ้งทวน ลั่นพร้อมเป็นนายกฯ ไม่ร่วม พปชร.-พท. “หม่อมเต่า” โผล่แซวข้างเวที

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“อภิสิทธิ์” ยึดลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการ กทม.ประกาศพร้อมนั่งเก้าอี้นายกฯ ยืนไม่จับมือ พปชร.-พท. ด้าน “หม่อมเต่า” ดอดสอดแนมหน้าเวที แซวหนักรอดู “มาร์ค” หางกุด ขณะที่ “ชวน” ยกทุกผลงานตอกย้ำขอคะแนนเสียง



วันนี้ (22 มี.ค.) เวลา 17.00 น. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จัดปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งที่บริเวณลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร บนแนวคิด “ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต เศรษฐกิจเข้มแข็ง : เลือกประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาล” โดยมีแกนนำพรรคมาร่วมอย่างคึกคัก อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค และผู้สมัคร ส.ส.ใน กทม. ทั้ง 30 เขต โดยมีประชาชนมาร่วมฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น

ทั้งนี้ นายจุรินทร์ กล่าวปราศรัยช่วงหนึ่งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีบุคคลเสนอชื่อเป็นนายกฯทั้งหมดที่ 68 คน และคนกว่าร้อยละ 60 ตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกพรรคใด แต่ยังไม่ตัดสินใจอยู่อีกเกือบครึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ดังนั้น การพบปะประชาชนจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้คนที่ยังไม่ตัดสินใจหันมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์ และมีพรรคการเมืองเพียง 3 ขั้วเท่านั้น ที่มีโอกาสจะตั้งรัฐบาล เพื่อไทย หรือไทยรักไทยเดิมซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเสนอชื่อบุคคลใดใน 3 คน เป็นนายกรัฐมนตรี, ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ก็ประกาศจะเอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งต่างไปจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเลือกนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย หรือว่าไทยรักไทยเดิม เคยมีนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 4 คน ไปทัศนศึกษาต่างประเทศแล้ว 2 คน ถูกยึดอำนาจไป 2 ครั้ง พร้อมชี้ว่ารัฐบาล 5 ปีที่ผ่านมา มีความล้มเหลวได้เศรษฐกิจรวยกระจุกจนกระจาย

ด้าน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้สมัครเขตวังทองหลาง-บางกะปิ เบอร์ 8 กล่าวปราศรัยถึงเหตุผลที่ร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นพรรคที่ให้โอกาสกับคนรุ่นใหม่ แต่ความสนใจของคนรุ่นใหม่กับพรรคประชาธิปัตย์ ยังมีไม่ค่อยสูง จึงจำเป็นต้องมีผู้รับฟังคนรุ่นใหม่ เพื่อร่วมสืบทอดอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ขอย้ำความชัดเจนว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างแน่นอน หากประเทศนี้ไม่ใช่นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่เชื่อว่าประเทศนี้จะเป็นเสรีนิยมประชาธิปไตยได้ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะพยายามอ้างว่าสร้างความสงบตลอด 4 ถึง 5 ปีที่ผ่านมา แต่หากเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปจะกลายเป็นชนวนก่อให้เกิดความขัดแย้ง และฝากให้คนรุ่นใหม่กว่า 7 ล้านคน กลับไปคิดตัดสินใจระหว่างความสะใจชั่วครู่กับการเปลี่ยนแปลงที่ทำได้จริงและยั่งยืน

ต่อมาเมื่อเวลา 19.00 น. นายชวน ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยว่า การหาเสียงครั้งนี้ลงพื้นที่มาแล้ว 47 จังหวัด 127 เขต และขอขอบคุณประชาชนทุกจังหวัดด้วยความเคารพอย่างยิ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่ได้รับฟังมาทั้งหมดร้อยละ 100 มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ รายได้ไม่พอรายจ่าย ปัญหาความยากจน ปัญหาข้าวของแพง ขายของไม่ได้ ซึ่งปัญหาเกิดจากรายได้ที่ลดน้อยลงเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา ตลอดรัฐบาลชุดปัจจุบัน เพราะพรรคประชาธิปัตย์ตามตัวเลขนี้มาตั้งแต่ต้น และตนเองเป็นตัวแทนพรรคทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ส่งรายละเอียดรายได้แต่ละจังหวัดทุกภาค ซึ่งค่าเฉลี่ยแล้วรายได้ลดลง สวนทางกับสิ่งที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ว่าจะแก้ปัญหาความยากจน แม้รัฐบาลจะประกาศว่าให้คนจนหมดไป แต่ในที่สุดแล้วประเทศไม่สามารถก้าวพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลางและส่วนใหญ่รายได้ลดลง ถ้าเทียบกับปี 2554 มาถึงปีนี้รายได้ต่อครัวเรือนลดลงกว่า 14,131 บาท พร้อมเน้นย้ำการสร้างโอกาสทางการศึกษาโดยกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา และต้องสร้างจิตสำนึกให้ใช้ทุนคืน ปลูกฝังการสร้างคนดีเพื่อเป็นหัวใจการพัฒนาบ้านเมือง ตามนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ที่เรียกว่า “สร้างคน”

นายชวน กล่าวถึงนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจาก 800 เป็น 1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งมีที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ในสมัยตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก ตั้งแต่ได้รับเดือนละ 200 บาท และพัฒนามาเป็น 500, 600, 800 บาท และในสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ขยายโอกาสให้ผู้สูงอายุได้รับเบี้ยยังชีพทุกคน, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตั้งแต่สมัยตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยการตัดถนน 4 เลน ทั่วภูมิภาคในประเทศไทย โดยไม่เลือกปฏิบัติ และยกถึงวิธีการทำนโยบาย ที่ต้องคำนึงถึงภาระงบประมาณและการเก็บรายได้ภาษีของประเทศด้วย

นายชวน ยังกล่าวถึงสมัยแพ้เลือกตั้งให้พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เพียง 2 คะแนนเท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วสามารถรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้มากกว่า แต่เมื่อเคยกล่าวไว้ว่าพรรคที่ได้คะแนนอันดับที่ 1 จะต้องเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลก่อน จึงเลือกที่รักษาคำพูดแทนการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงระหว่างที่นายชวนกำลังปราศรัยอยู่นั้น ปรากฏว่า ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) บิดา ม.ร.ว.อภิมงคล โสณกุล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 ยานนาวา บางคอแหลม ได้เดินมายืนฟังที่หน้าเวที เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่ามาทำไม ม.ร.ว.จัตุมงคล ตอบเพียงสั้นๆ ว่า “มาดูว่าอภิสิทธิ์หางกุดหรือยัง” แต่เมื่อถามย้ำอีกครั้ง ม.ร.ว.จัตุมงคล กล่าวว่า มาดูเพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเท่านั้น เมื่อถามต่อว่าวันนี้ไม่มีคิวปราศรัยที่ไหนหรือ หัวหน้าพรรค รปช.กล่าวว่า ไม่มี



กำลังโหลดความคิดเห็น