“แรมโบ้อีสาน” ยื่น กกต.สอบ ภท.ทุจริตป้ายสี พร้อมโต้ “ศุภชัย” ปัดเอี่ยวจ้างวานใส่ร้าย ยัน “ประยุทธ์ บัวประดิษฐ์” ไม่ใช่หัวคะแนน แกนนำ ภท.หอบหลักฐานร้องเอาคืน งัดรูปโชว์เป็นหัวคะแนนคู่กรณีจริง จี้สอบให้ถึงต้นตอ
วันนี้ (22 มี.ค.) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน ผู้สมัครเขต 10 นครราชสีมาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต.ขอให้ตรวจการทุจริตใน 3 เรื่อง 1. การใช้เงินจ้างประชาชนเพื่อมารับฟังการปราศัยของพรรคภูมิใจไทย โดยมีหลักฐาน คลิป และตัวเงินของนายพรชัย อำนวยทรัพย์ ผู้สมัครในเขตเดียวกัน พรรคภูมิใจไทย 2. การปราศรัยเพื่อใส่ร้ายตนในทุกเวทีและ 3. มีการกระทำความผิดระเบียบกกต. กรณีการติดป้ายหาเสียงเกินจำนวนและมีขนาดไม่รบกับระเบียบกกต. รวมทั้งติดป้ายนอกสถานที่ที่กกต.กำหนด
นอกจากนี้ยังกล่าวกรณีนายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย แถลงข่าวว่าตนมีส่วนเกี่ยวของกับการกระทำทุจริตเลือกตั้งใน อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา และเป็นผู้วางแผนสร้างหลักฐาน จ้างวานให้นายดี สิมตะนะ เข้าให้การปรักปรำผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทยว่าซื้อเสียงนั้นยืนยันว่าตนและพรรค พปชร.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการใดๆ การจับกุมเป็นการดำเนินการของทหารและอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) จึงต้องการให้ตำรวจสอบสวนเพื่อให้ได้ความจริง โดยคดีดังกล่าวมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ดูแลการสอบสวนด้วยตนเองซึ่งในคดีก็มีเอกสารเงินและตัวผู้ต้องหาครบ ส่วนกรณีที่นายศุภชัย ให้สัมภาษณ์พาดพิงนั้น จะให้ฝ่ายกฎหมายเข้าไปตรวจสอบ หากพบว่ามีถ้อยคำใดที่ทำให้ตนและพรรคเสียหายตนก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เมื่อถามว่ารู้จักและสนิทสนมกับนายประยุทธ์ บัวประดิษฐ์ ซึ่งถูกระบุเป็นผู้จ้างวานนายดี ให้การปรักปรำผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย เป็นการส่วนตัวหรือไม่ นายสุภรณ์ กล่าวว่า นายประยุทธ์เป็นอดีตนายก อบต. เขาเป็นคนที่ชื่นชอบแนวคิดและอุดมการณ์ของตน แต่ยืนยันว่านายประยุทธ์ไม่ใช่หัวคะแนน และไม่เคยได้รับการไหว้วานให้ไปทำอะไร แต่ยอมรับว่านายประยุทธ์เป็นสมาชิกพรรค พปชร.จริง ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องการเก็บบัตรประชาชนที่พรรคภูมิใจไทยยื่นกล่าวหาตนนั้น ตนต้องการนำหลักฐานเข้าชี้แจงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ แต่นัดคดี 2 ครั้งล่าสุด นายศุภชัย ได้แจ้งขอเลื่อนเข้าให้ปากคำทั้ง 2 ครั้ง
จากนั้นในเวลา 13.00 น. นายศุภชัยได้นำนายพรชัยเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบคดี กล่าวหาว่ามีการซื้อเสียง ในพื้นที่เขต 10 จ.นครราชสีมา โดยระบุว่าการสอบสวนของ สภ.เสิงสางนายดี ผู้ต้องหาได้สารภาพว่ามีคนให้เงินมา 3,000 บาท เพื่อให้การปรักปรำ นายพรชัยว่าจ่ายเงินซื้อเสียง ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยคนที่จ่ายเงินคือนายประยุทธ์ หัวคะแนนของนายสุภรณ์ ตนคาดการณ์ว่านายสุภรณ์จะปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับนายประยุทธ์ จึงนำภาพถ่ายของนายสุภรณ์กับนายประยุทธ์มายืนยันว่า ทั้ง 2 คนมีความสนิทสนมกันเป็นมือขวาตั้งแต่นายสุภรณ์ เป็นแกนนำ นปช. อย่างไรก็ตาม มีข้อกังวลว่าตำรวจมีการสรุปสำนวนสั่งฟ้องไปแล้วโดยไม่มีการขยายผลว่าใครเป็นคนสั่งให้นายประยุทธ์ดำเนินการ ตนจึงเข้ามายื่นหนังสือขอให้กกต.สอบสวนให้เป็นที่สิ้นสุดว่านายสุภรณ์และกรรมการบริหารพรรค พปชร. รู้เห็นเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวหรือไม่ หากเป็นความผิดตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ในเรื่องการใส่ร้ายป้ายสี ผิดทั้งคดีอาญา และถ้าพรรครู้เห็นก็จะถูกยุบพรรคด้วย
“ขณะนี้ทุกพรรคมีการแข่งขันกัน แต่เมื่อต้องแข่งกับพรรคที่มีอำนาจรัฐในมือ จึงต้องหวังพึ่ง กกต. และขอฝากไปยังพรรคที่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ว่าอย่าใช้อำนาจเอาเปรียบในการเลือกตั้งวันนี้ในการเลือกตั้งทุกพรรคมีการแข่งขันกันเต็มที่ อย่าเพิ่งไปพูดถึงการรวมกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องของอนาคต”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการเข้ายื่นหลักฐานร้องเรียนต่อ กกต. นายสุภรณ์และนายศุภชัยได้เดินสวนกันที่ด้านหน้าสำนักงาน กกต. โดยทั้งสองฝ่ายได้จับมือทักทายกันตามมารยาท
