หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงโอนหุ้น-ทรัพย์สินเข้ากองทุน blind trust ก่อนเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง คาดเสร็จ พ.ค.นี้ ไม่มีสิทธิยุ่งเกี่ยวหรือมองเห็นทรัพย์สินออกต่อไป ป้องกันครหานักธุรกิจเล่นการเมืองเอื้อประโยชน์ส่วนตัว อ้างเป็นมาตรฐานใหม่ ทำมากกว่ารัฐธรรมนูญกำหนด ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนทำมาก่อน พร้อมระบุลาออกจากกรรมการ “ไทยซัมมิท-มติชน” แล้ว ส่วนแม่จะขายหุ้นเร็วๆ นี้
วันนี้ (18 มี.ค.) ที่พรรคอนาคตใหม่ อาคารไทยซัมมิท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่แถลงข่าวการบริหารจัดการทรัพย์สินของหลังการเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง ว่า ได้บันทึกข้อตกลงร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนส่วนบุคคลให้เข้ามากำกับดูแลทรัพย์สินส่วนใหญ่ของตนที่เป็นหุ้นในบริษัทมหาชน ซึ่งวิธีการนี้เรียกว่า Blind trust หรือการทำให้ตนเองไม่เข้าไปมีส่วนยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สิน เพื่อแสดงออกถึงความโปร่งใสและลบข้อเคลือบแคลงใจของสาธารณะ ทีเข็ดหลาบกับการที่นักธุรกิจเข้ามาทำงานการเมืองแล้วเอื้อประโยชน์ใหตัวเอง
นายธนาธร กล่าวว่า ตนเองมีความตั้งใจสร้างมาตรฐานทางการเมืองใหม่ให้เทียบเท่ากับนานาประเทศ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 184 (2) ระบุว่า ผู้ที่จะดำรงตำแหน่ง ส.ส. และรัฐมนตรี จะต้องไม่เป็นคู่สัญญากับรัฐ หน่วยงานราชการ ทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งให้โอนทรัพย์สินไปยังบริษัทจัดการกองทุนเท่านั้น แต่ในกฎหมายยังไม่ระบุชัดเจนให้เจ้าของทรัพย์สินไม่มีสิทธิ์มองเห็นทรัพย์สินของตนเอง ตนต้องการจะให้เป็นมาตรฐานใหม่ที่มากกว่ารัฐธรรมกำหนดจึงมอบหมายให้ บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด เข้ามาบริหารจัดการแทน โดยที่ตนไม่มีสิทธิรู้เห็นและไม่สามารถสั่งได้ พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่ได้มีความสัมพันธ์เป็นการส่วนตัวกับบริษัทดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่เลือกบริษัทดังกล่าว เพราะความไว้ใจและยอมรับในความโปร่งใสของบริษัท ส่วนบุคคลที่สามที่จะเข้ามากำกับดูแลทางการเงินนั้น ตนเองยังไม่ระบุชัดเจนว่าเป็นธนาคารใด
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังกล่าวว่า ทรัพย์สินของตนมีหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่จะนำเข้า blind trust กับ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนภัทร ทั้งหมดคือ หุ้นในบริษัทมหาชนหรือที่ดิน เหลือเก็บไว้ในนามส่วนตัวเล็กน้อย คือ บ้าน รถที่ใช้ในชีวิตประจำวัน การโอนทั้งหมดจะเสร็จในปลายเดือน พ.ค.ซึ่งจะเป็นมาตรฐานใหม่ที่ทำ Blind trust ด้วยความสมัครใจ ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนทำมาก่อน และจะมองเห็นทรัพย์สินของตนอีกทีเมื่อเลิกทำงานการเมืองและต้องรออีก 3 ปี จึงจะได้กรรมสิทธิ์ในกองทุนกลับมาบริหารเอง
นายธนาธร กล่าวอีกว่า นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของตนที่ถือหุ้น บมจ.มติชน อยู่ จะขายหุ้นดังกล่าวในระยะอันใกล้นี้ ยืนยันว่า ไม่เคยมีส่วนร่วมการตัดสินใจกับมารดาตั้งแต่ต้น เมื่อนางสมพรซื้อหุ้นจึงให้ตนให้ไปเป็นกรรมการ ซึ่งไม่เคยแทรกแซงการทำงานของกอง บก. มีแต่ช่วยแนะนำอย่างเต็มที่ เมื่อปีที่แล้ว ตนลาออกจากธุรกิจของไทยซัมมิท รวมถึงกรรมการบริษัท มติชน ด้วย และไม่เคยส่งใครไปแทนอีก
ส่วนกลุ่มบริษัท ไทยซัมมิท อยู่ในกลุ่มที่เปิดเสรี และไม่เคยเข้าไปเป็นคู่สัญญารายใหญ่กับรัฐ รายได้เกือบ 100% มาจากบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ ไม่เกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์กับการทำงานการเมืองของตน ตั้งแต่ตนลาออกเมื่อปีที่แล้ว ก็ไม่เคยเข้าไปแทรกแซงการทำงานของผู้บริหารชุดใหม่อีกเลย หากในอนาคต ไทยซัมมิทจะเป็นคู่สัญญากับภาครัฐ ก็อยากให้สื่อช่วยกันตรวจสอบ แต่ตนไม่ได้อยู่ไทยซัมมิทแล้ว คงพูดแทนไทยซัมมิทไม่ได้