xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ปลดล็อกแบะท่าแตะมือพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลผสม !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมืองไทย 360 องศา




จะเรียกว่าปรับลุคใหม่อ่อนโยนลงไปเรื่อยๆ เพื่อให้รับกับสถานะใหม่ในฐานะ “นักการเมือง” เต็มตัว สำหรับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทุกอย่างถือว่ากำลังเปลี่ยนแปลงในแบบที่เรียกว่า “หักมุม” ไปจากเดิมจนแทบไม่เหลือภาพเก่าๆ ให้เห็นเลย

การปรับเปลี่ยนบุคลิกใหม่ การแต่งตัวใหม่ให้ดูอ่อนโยนลง ขณะเดียวกัน ยังปรับท่าทีที่เป็นกันเองกับชาวบ้าน แม้ว่าจะมีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด แต่เจ้าหน้าที่ก็มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เอาเป็นว่าภาพของ “บิ๊กตู่” หรือ “ลุงตู่” ในเวลานี้เป็นภาพของนักการเมืองเต็มตัวมาในแบบ “ใจถึงพึ่งได้” อะไรประมาณนั้น

ก่อนหน้านี้ หลายคนเริ่มวิตกกันไม่น้อยว่าการเมืองหลังการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม อาจเข้าสู่ภาวะ “เดดล็อก” หลังจากที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศท่าทีการเมือง โดยย้ำว่าจะขอเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ไม่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งไม่เอาทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคเพื่อไทย โดยพร้อมเป็นฝ่ายค้านโดยอ้างหลักประชาธิปไตยแบบสากล

อย่างไรก็ดี หลายคนเชื่อว่านั่นเป็นมุมมองของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า จะมีเสียงสนับสนุนเพียงพอสำหรับเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่เมื่อพิจารณาจากสภาพความเป็นจริงและปัจจัยรอบข้างแล้วแทบมองไม่เห็นทางเลยก็ตาม อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากทุกผลสำรวจทุกโพลก็ยังออกมาตรงกัน นั่นคือไม่มีสักสำนักเดียวที่ชี้ว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับความนิยมสนับสนุนให้เป็นนายกฯมาเป็นอันดับหนึ่ง รวมไปถึงพรรคประชาธิปัตย์อีกด้วย
 
ดังนั้น สิ่งที่ต้องลุ้นกันตามมา ก็คือ ประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.เกินร้อยคนหรือไม่ต่างหาก เพราะนั่นเท่ากับการชี้อนาคตทางการเมืองของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลังการเลือกตั้งคราวนี้ด้วย

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งในมุมของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เวลานี้ต้องยอมรับว่าเป็น “เต็งหนึ่ง” สำหรับนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หากพิจารณาจากผลสำรวจ และกติกาใหม่ที่รองรับ โดยเฉพาะการมีเสียงของ ส.ว.สนับสนุนอยู่ในมือแล้ว 250 เสียง ซึ่งยังเหลืออีกปัจจัยก็คือจำนวนเสียง ส.ส.สนับสนุนเพื่อ “สร้างความชอบธรรม” ในการกลับมา

แน่นอนว่า จำนวนเสียงสนับสนุนนายกรัฐมนตรีของจำนวนสมาชิกรัฐสภาต้องรวมกันไม่น้อยกว่า 376 เสียง ซึ่งในเงื่อนไขแบบนี้ย่อมทำให้แคนดิเดตนายกฯจากพรรคการอื่น ไม่ว่าจะเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จากพรรคเพื่อไทย ที่จะรวบรวมเสียง ส.ส.ให้ได้จำนวนดังกล่าวโดยไม่พึ่ง ส.ว.และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศชัดไม่เอาด้วยมันก็เหมือนดับฝันทันที

แม้ว่าเวลานี้สิ่งที่พรรคเพื่อไทยพยายามเน้นย้ำในเรื่อง “ความชอบธรรม” เนื่องจากยังมั่นใจว่าจะได้รับเลือกมาเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลก่อน พร้อมกับดักคอ ส.ว.ไว้ล่วงหน้าว่าห้ามโหวตสวนความต้องการของประชาชนก็ตาม แต่ในความเป็นจริงก็แทบหลับตานึกภาพได้ตั้งแต่ตอนนี้ได้แล้วว่า บรรดา ส.ว.ดังกล่าวจะโหวตสนับสนุนให้ใคร

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทีล่าสุดของ “ลุงตู่” ที่แบะท่าพร้อมร่วมมือกับพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่หลังการเลือกตั้ง แม้ว่าจะไม่ได้ระบุชัดเจนเป็นการพูดตามหลักการ แต่เหมือนกับส่งสัญญาณขอแตะมือให้น้ำหนักไปทางพรรคประชาธิปัตย์ไว้ก่อนล่วงหน้า (โดยถึงเวลานั้นอาจไม่มี อภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรค) เพราะถึงอย่างไรประชาธิปัตย์ก็ยังเป็นตัวแปรหลักที่ปฏิเสธความจริงข้อนี้ไม่ได้

สอดรับกับคำพูดของ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่มีแคนดิเดตนายกฯคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กล่าวในเชิงหลักการเช่นเดียวกันว่าต้องยอมรับในกติกาและเคารพในการตัดสินใจของประชาชน แม้ว่าตามหลักการพรรคที่ได้เสียงอันดับหนึ่งมีโอกาสตั้งรัฐบาลก่อน และถึงตอนนั้นพรรคพลังประชารัฐอาจเป็นอันดับหนึ่งก็ได้

ดังนั้น นาทีนี้เมื่อพิจารณาจากทุกบริบทแล้ว ยังต้องถือว่า “ลุงตู่” ยังเต็งหนึ่งสำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หลังการเลือกตั้ง และยังมีโอกาสได้ร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ในแบบที่อาจไม่มี หัวหน้าพรรคชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น