“ก่อแก้ว” ตะเพิด “ประยุทธ์” เคลียร์สถานะตัวเองให้ชัดก่อนริขึ้นเวทีหาเสียง แต่เชื่อล้ำเส้นแค่ไหนก็มี “เนติบริกร” คอยตีความเข้าข้าง เย้ยคงไม่กล้าร่วมดีเบต เหตุไร้กึ๋น-ถนัดพล่ามคนเดียว
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีความเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ สามารถร่วมหาเสียงและขึ้นปราศรัยได้ว่า ขอต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ สู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาเต็มตัวตั้งแต่ 22 พ.ค. 57 แล้ว จากนี้ไปพี่น้องประชาชนคงได้เห็นลีลาการปราศรัยและการโชว์วิสัยทัศน์บนเวทีการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เชื่อว่าคงไม่มีอะไรน่าแปลกใจหรือแตกต่าง เพราะเราได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์ พูดคนเดียวบนหน้าจอทีวีมาเกือบ 5 ปีแล้ว พูดแบบไม่มีใครถาม ไม่มีใครโต้เถียง อยากพูดอะไรก็พูด
“หาก พล.อ.ประยุทธ์ คิดจะขึ้นเวทีปราศรัยจริง ก็ต้องขอเอาใจช่วย เพราะคงต้องคอยระวังคำพูดและรู้สึกตัวอยู่เสมอว่า ในขณะนั้น พูดในสถานะไหน บุคคลสาธารณะ เจ้าหน้าที่รัฐ นายกฯ หัวหน้า คสช. แคนดิเดตนายกฯ ต้องเลือกสักสถานะ แต่ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมาพูดไหนสถานะใด ก็คงไม่มีความผิดอะไร เพราะเนติบริกรของรัฐบาล ช่วยตีความ ให้ทุกการกระทำไม่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว” นายก่อแก้ว ระบุ
ในส่วนกระแสเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์กับแคนดิเดตนายกฯหรือแกนนำพรรคการเมืองอื่นๆ นั้น นายก่อแก้ว กล่าวต่อว่า ส่วนตัวไม่แปลกใจที่ พล.อ.ประยุทธ์ เลือกที่จะไม่ร่วมเวทีดีเบต เพราะดูแล้วคงไม่ถนัด หากมีคนมาถาม มีคนมาตอบโต้ มีคนมาไม่เห็นด้วย ขนาดเวทีดีเบตสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ไปร่วมเอง แต่ผลการดีเบตออกมา เป็นผลลบกับรัฐบาล ยังเกิดปรากฏการณ์ปลดพิธีกรได้ และขณะนี้ตนสังเกตว่า มีเวทีดีเบตเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ช่วงหลังๆพรรคพลังประชารัฐไม่ค่อยส่งตัวแทนเข้าร่วม หรืออาจจะเป็นเหตุผลนี้ ที่พรรคพลังประชารัฐไม่อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ เข้าร่วม เพราะไม่สามารถตอบคำถามหรือชี้แจงประชาชนได้
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีความเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ สามารถร่วมหาเสียงและขึ้นปราศรัยได้ว่า ขอต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ สู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาเต็มตัวตั้งแต่ 22 พ.ค. 57 แล้ว จากนี้ไปพี่น้องประชาชนคงได้เห็นลีลาการปราศรัยและการโชว์วิสัยทัศน์บนเวทีการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เชื่อว่าคงไม่มีอะไรน่าแปลกใจหรือแตกต่าง เพราะเราได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์ พูดคนเดียวบนหน้าจอทีวีมาเกือบ 5 ปีแล้ว พูดแบบไม่มีใครถาม ไม่มีใครโต้เถียง อยากพูดอะไรก็พูด
“หาก พล.อ.ประยุทธ์ คิดจะขึ้นเวทีปราศรัยจริง ก็ต้องขอเอาใจช่วย เพราะคงต้องคอยระวังคำพูดและรู้สึกตัวอยู่เสมอว่า ในขณะนั้น พูดในสถานะไหน บุคคลสาธารณะ เจ้าหน้าที่รัฐ นายกฯ หัวหน้า คสช. แคนดิเดตนายกฯ ต้องเลือกสักสถานะ แต่ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมาพูดไหนสถานะใด ก็คงไม่มีความผิดอะไร เพราะเนติบริกรของรัฐบาล ช่วยตีความ ให้ทุกการกระทำไม่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว” นายก่อแก้ว ระบุ
ในส่วนกระแสเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์กับแคนดิเดตนายกฯหรือแกนนำพรรคการเมืองอื่นๆ นั้น นายก่อแก้ว กล่าวต่อว่า ส่วนตัวไม่แปลกใจที่ พล.อ.ประยุทธ์ เลือกที่จะไม่ร่วมเวทีดีเบต เพราะดูแล้วคงไม่ถนัด หากมีคนมาถาม มีคนมาตอบโต้ มีคนมาไม่เห็นด้วย ขนาดเวทีดีเบตสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ไปร่วมเอง แต่ผลการดีเบตออกมา เป็นผลลบกับรัฐบาล ยังเกิดปรากฏการณ์ปลดพิธีกรได้ และขณะนี้ตนสังเกตว่า มีเวทีดีเบตเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ช่วงหลังๆพรรคพลังประชารัฐไม่ค่อยส่งตัวแทนเข้าร่วม หรืออาจจะเป็นเหตุผลนี้ ที่พรรคพลังประชารัฐไม่อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ เข้าร่วม เพราะไม่สามารถตอบคำถามหรือชี้แจงประชาชนได้