ข่าวปนคน คนปนข่าว
** "เพื่อชาติ" แตกยับ!! จากปัญหาลำดับปาร์ตี้ลิสต์ ที่ส่อลุกลามถึงขั้นยุบพรรค เพราะคนในออกมาสาวไส้กันเอง ทั้งเรื่องซื้อลำดับบัญชีรายชื่อ และปล่อยให้คนนอกครอบงำพรรค
หลังพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) มีแนวโน้มว่าจะถูก "ยุบพรรค" ทำให้มีการคาดหมายว่า กลุ่มที่จะลงคะแนนให้พรรคไทยรักษาชาติ จะหันมาเทคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นเสมือนพรรคแม่ และพรรคเพื่อชาติ ที่เป็นพรรคสาขา ในเครือข่าย "ทักษิณ ชินวัตร" ที่ยังเหลืออยู่ ... ทำให้ผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อที่อยู่ในลำดับต้นๆ ที่หวังเก็บเกี่ยวชัยชนะได้เป็น ส.ส. บนความพ่ายแพ้ ของ ส.ส.เขต ก็มีความหวังขึ้นมาทันที โดยเฉพาะกับพรรคเพื่อชาติ ที่ก่อนหน้านี้ถูกมองว่าเป็น เพียงไม้ประดับใน"สายเสื้อแดง" ... ขณะเดียวกันก็สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ที่เห็นว่าตัวเองมีตำแหน่งในพรรค มีความสำคัญในการขับเคลื่อนพรรค แต่ถูกจัดอยู่ในลำดับท้ายๆ ความขัดแย้งภายในจึงปะทุขึ้น ...
"พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ" อดีต ส.ส.เพื่อไทย ที่โยกมาเป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ คนที่ 1 กลับถูกจัดให้อยู่ในบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 45 ถึงกับ "ฉุนขาด" ออกมาแฉว่า มีการ "ซื้อลำดับปาร์ตี้ลิสต์" การคัดตัวผู้ลงสมัคร ส.ส.ทั้งระบบเขต และระบบบัญชีรายชื่อ มีการเล่นพรรคเล่นพวก การตัดสินใจขึ้นอยู่กับคนไม่กี่คน ไม่มีระบบ ไม่มีขั้นตอน พร้อมตั้งคำถามว่า การคัดเลือกที่ทำไปนั้น ผ่านกระบวนการคัดสรรตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ... เพราะดูจากรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 1. นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรค 2. น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช ลูกสาวนายยงยุทธ ติยะไพรัช 3. นายอารี ไกรนรา รองหัวหน้าพรรค คนที่ 2 และ ลำดับที่ 4. นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล รองหัวหน้าพรรค คนที่ 3 ซึ่งสองคนหลังนี้ เป็นแกนนำคนเสื้อแดง ที่มีความใกล้ชิดกับ "จตุพร พรหมพันธุ์ " ...
นอกจากออกมาแฉแล้ว พ.ต.ท.สมชาย ยังได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคด้วย เพราะหากยังขืนอยู่ต่อ ก็สุ่มเสี่ยงที่จะตกอยู่ใน"ร่างแห" ของผู้ที่ทำผิดกฎหมายไปด้วย พร้อมกันนี้ยังได้ทำจดหมายเปิดผนึก ถึงสื่อมวลชน เปิดโปงพฤติกรรมของคนในพรรค และคนนอกพรรค ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ "กองเชียร์" อย่าง "ตุ๊ดตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ ที่เข้ามามีบทบาท รวมทั้งการปราศรัย ที่ "พ.ต.ท.สมชาย" เห็นว่า สุ่มเสี่ยง ยั่วยุ ไม่ระมัดระวัง จะพากันเดือดร้อนไปหมด ... " การที่คุณจตุพรออกมาแถลงข่าวเป็นสิทธิ์ เหมือนทุกคนที่ทำได้ แต่การก้าวแต่ละก้าวของคุณจตุพร ต้องระมัดระวังมากกว่าคนอื่น เพราะคุณไม่ใช่สมาชิกพรรคเพื่อชาติ ออกไปกระทำการอันเป็นการครอบงำ ชี้นำกิจกรรมของพรรคมีความผิดตาม ม. 28, 29 ของพ.ร.บ. พรรคการเมือง คุณไม่ใช่สมาชิกพรรค และถูกห้ามทางการเมือง มันสุ่มเสี่ยงผิดต่อกฎหมายไงครับ" ตอนท้ายในหนังสือเปิดผนึกระบุ... ความระหว่างบรรทัด คือบอกว่า คุณจตุพร คุณเป็นคนนอกที่กำลังชี้นำ ครอบงำพรรค นะ...
ขณะที่ "ตุ๊ดตู่" ก็ออกมาตอบโต้แบบไม่ยี่หระ ว่า เรื่องบัญชีรายชื่อทุกพรรคมีปัญหาหมด และพรรคเพื่อชาติก็อยู่ในฐานะเหมือน "พรรคกระยาจก" ไม่มีเงิน ทุกคนอึดอัดเหมือนกันหมด แม้แต่ป้ายหาเสียงก็ติดกันไม่ครบ...พร้อมท้าทายว่า ถ้าพ.ต.ท.สมชาย จะเล่นแบบนี้ ก็อย่าหยุดนะ จะได้ไปพิสูจน์กัน ถ้าผิดตามข้อกล่าวหา จะยุบพรรคก็ยุบกัน หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค ก็ถูกดำเนินคดีอาญา รวมทั้งตัวพ.ต.ท.สมชาย ด้วย ในฐานะรองหัวหน้าพรรค...อันนี้ความระหว่างบรรทัดเหมือนกำลังบอกว่า ในเมื่อ "ท่อน้ำเลี้ยงมันตัน" อยากยุบ ก็ยุบไป .. .
ความแตกแยกภายในพรรคเพื่อชาติครั้งนี้ เห็นทียากประสาน เพราะแม้แต่ "ยุทธ ตู้เย็น" ยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่า เป็น "คู่หู" กับ "ตุ๊ดตู่" ในการขับเคลื่อนพรรค แม้จะบอกว่ามาในฐานะ "กองเชียร์" ก็ตาม ขณะนี้ได้หายหน้า และ ลดบทบาทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพรรคไปแล้ว ...แต่ความขัดแย้งครั้งนี้ อาจจะนำไปสู่การยุบพรรคก็คือ ในหนังสือลาออกจากกรรมการบริหารพรรค ที่ พ.ต.ท.สมชาย แจ้งกับกกต.นั้น ระบุว่า การทำบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อชาติ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งข้อความในหนังสือเปิดผนึก ที่ส่งถึงผู้สื่อข่าวนั้น มีข้อความที่บ่งบอกว่า "กองเชียร์เป็นพิษ" ได้เข้ามาชี้นำ ครอบงำ...ถึงคิว "เพื่อชาติ" พรรคในเครือข่ายทักษิณ ต้องลุ้นระทึกตาม”ไทยรักษาชาติ” ไปอีกพรรค ...
**ดรามาร้อนๆ จากจอแก้วทะลุจอมือถือ “อรวรรณ ชูดี” โอดครวญ ถูกปลดพ้นรายการดีเบตช่อง 9 “ใหญ่ เขมทัตต์” โร่เคลียร์ ไม่ได้ปลด แต่เรื่องสวัสดิการรัฐ ขอเปลี่ยนพิธีกรเชี่ยวชาญเศรษฐกิจได้ไหม ปธ.สหภาพได้ทีขย่ม “มีคนหนึ่งสับปลับ” งานนี้ความจริงมีหนึ่งเดียว!
กลายเป็นประเด็นร้อนจากจอแก้วทะลุจอมือถือ สำหรับรายการดีเบต “ศึกเลือกตั้ง 62”ทางช่อง 9 เมื่อลูกหม้อ อสมท อย่าง “อรวรรณ ชูดี”(กริ่มวิรัตน์กุล) ที่ครองตำแหน่ง ผู้จัดการส่วนสร้างสรรค์รายการข่าว สำนักข่าวไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ถูกบอร์ดและผู้บริหาร อสมท สั่งให้เลิกจัดรายการร่วมกับ “วีระ ธีรภัทร”หลังรายการสดในหัวข้อ “คนใหม่..การเมืองใหม่”เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ใช้รูปแบบ “เอาใจวัยโจ๋ดีเบตเกมโชว์”นำนิสิต นักศึกษา ที่เป็น “เฟิสต์โหวตเตอร์” 100 คนจาก 16 สถาบัน ยกมือโหวตคำถามที่ทางรายการกำหนด ถูกมองว่า “ชี้นำ-โจมตีรัฐบาล”เพราะแต่ละคำถามล้วนแทงใจดำรัฐบาล เช่น เห็นด้วยหรือไม่ที่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจไม่ร่วมดีเบต , เห็นด้วยหรือไม่ที่ให้ ส.ว. 250 คน โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี , เห็นด้วยหรือไม่ เรื่องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จำเป็นสำหรับประเทศไทย แม้กระทั่งเห็นด้วยหรือไม่ ว่าประเทศไทยจะมีการปกครองแบบประชาธิปไตยเต็มใบหรือครึ่งใบ ก็ได้ ถ้าทำให้ปากท้องประชาชนดีขึ้น พบว่า “เกือบร้อยคน” ในห้องส่งไม่เห็นด้วย ... จนเธอโวลั่นว่า กำลัง “ขย่มขวัญ”ไปถึงผู้มีอำนาจ...
งานนี้กระแสโซเชียลร้อนเป็นไฟลามทุ่ง แม้เจ้าตัวจะซ่อนโพสต์ไว้ไม่ให้เห็นเป็นสาธารณะ แต่ทั้ง “กองเชียร์-กองแช่ง”และนักการเมือง ต่างดาหน้าออกมาโจมตีรัฐบาล “ตีปี๊บ”ในช่วงโกยคะแนนเสียงเลือกตั้ง กล่าวหาว่า “แทรกแซงสื่อ-ปิดกั้นเสรีภาพ”พ่วงด้วยสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย โหนกระแสออกแถลงการณ์ตามฟอร์ม เรียกร้องให้บอร์ด อสมท ทบทวนคำสั่งอัปยศ ที่สุดแล้วคืนวันถัดมา “ใหญ่”เขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ต้องลงมาเคลียร์เรื่องนี้เอง ยืนยันว่า “ไม่ได้ปลด”แต่เสนอผู้บริหารสำนักข่าวไทยไปว่า รายการตอนที่ 3 วันที่ 7 มี.ค. เกี่ยวกับสวัสดิการรัฐ เกี่ยวพันด้านเศรษฐกิจ การเงินการคลังของประเทศ อาจจะเปลี่ยนไปใช้พิธีกรที่เชี่ยวชาญข่าวเศรษฐกิจสลับกันได้ไหม รายการจะได้หลากหลาย ซ้ำยังยืนยันว่า “ไม่เคยมีคำสั่ง” เป็นลายลักษณ์อักษรให้ปลดพิธีกร-แทรกแซงสื่อ “อรวรรณ” ยังจะได้จัดรายการดีเบตครั้งสุดท้าย 14 มี.ค. และรายงานผลเลือกตั้ง 24 มี.ค. เหมือนเดิม สอดรับกับหนึ่งในบอร์ด อสมท อย่าง ศ.ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์ นักวิชาการสื่อ ก็งงอยู่ว่าไปสั่งปลดพิธีกรตอนไหน ประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันอังคารที่แล้วก็ไม่มีเรื่องนี้ แถมยังบอกอีกว่า ถ้าสั่งปลดจริง รายการย้อนหลังก็ต้องถูกถอดออกหมดแล้ว
แม้ฝ่ายบอร์ดและผู้บริหาร อสมท จะออกมาเคลียร์ข้อสงสัยกันไป แต่ก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ยังคาใจ หนำซ้ำ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ อสมท คนปัจจุบันอย่าง “สุวิทย์ มิ่งมล”ก็ออกมากระซิบกระซาบว่า “ระหว่างคน 2 คนฟังเพี้ยนกับมี 1 คนสับปลับ คน 3 คนรู้ดีที่สุด แต่สำหรับเรา สิ้นศรัทธาคนคนนึงมานานแล้ว” แม้ไม่ได้ระบุว่าพาดพิงถึงใคร แต่ก็อดนึกไม่ได้ว่า “คนที่ฟังเพี้ยน” กับ “คนที่สับปลับ” เป็นใคร ต้องรอความจริงที่มีเพียงหนึ่งเดียว แต่เอาเข้าจริง สื่อมวลชนเดี๋ยวนี้หาคนเป็นกลางยาก เข้าตำรา “นามของคน เงาของไม้” ใครเป็นใครสังกัดค่ายไหน มาเป็นแล้วจะเข้าข้างฝ่ายไหนก็เป็นอย่างนั้น ชาวบ้านก็ถูกยัดเยียดมอมเมา โดยไม่รู้ทันเกมสื่อพวกนั้น สื่อมวลชนด้วยกันเองอย่าง “เด้ง” บุญระดม จิตรดอน นักข่าวประจำรังนกกระจอก ก็มองว่า คำถาม 4 ข้อที่ “อรวรรณ” อ้างว่าคิดเอง ถ้าไม่เชียร์ก็โจมตีบิ๊กตู่ แถมมองข้ามทุกพรรคอย่างสิ้นเชิง กระแสกำลังไหลไปอย่างถาโถม แต่ขาดซึ่งการใคร่ครวญพิจารณาในข้อมูลเหตุและผล ถามกลับว่าพอแล้วหรือยังกับกระแสที่ลากจูงกันไป เพื่อความพอใจของตัวเอง!
**"ปรบมือรัวๆ ฮีโร่ถ้ำหลวง "ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์" เด็ดขาด สั่งพักงาน นายกอบจ.พะเยา และ พวก ส่อทุจริตจัดซื้อท่อคอนกรีต
อีกครั้งกับการทำงานอันเด็ดขาดที่ต้องปรบมือดังๆ ให้กับ "นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร" ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ที่ลงนามในคำสั่งให้ นายวรวิทย์ บุรณศิริ นายก อบจ.พะเยา หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบทุจริตที่ ป.ป.ช. ชี้มูลมาเดินหน้า ... ว่ากันว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจากการจัดซื้อท่อคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร จำนวน 129 ท่อน วงเงิน 241,800 บาท ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ป.ป.ช. สอบสวนข้อเท็จจริงพบว่ามีมูล จนนำไปสู่การยื่นฟ้องนายก อบจ.พะเยา กับพวกรวม 5 คน...
เรื่องนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แจ้งให้อัยการดำเนินการฟ้องคดี นายวรวิทย์ กับพวก ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ซึ่งศาลได้มีคำสั่งระหว่างกระบวนการพิจารณาคดีโดยประทับรับฟ้องเมื่อ 26 ก.พ. 62 ที่ผ่านมา สอดคล้องกับรายงานของ อบจ.พะเยา ลับที่ 51001.3/5 ลงวันที่ 27 ก.พ. 62 ... ดังนั้น ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์ ได้ลงนามในหนังสือ ลงวันที่ 27 ก.พ. 62 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ซึ่งนายวรวิทย์ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย อบจ.พะเยา ก็ต้องถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
ต้องบอกว่า ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์ อดีตผู้ว่าฯเชียงราย ที่โลกจดจำในฐานะผู้นำปฏิบัติการถ้ำหลวง ช่วยชีวิตเด็กนักเตะ และโค้ชทีมฟุตบอลหมูป่า และเมื่อครั้งที่ประเทศมีปัญหาฝุ่นพิษอย่างหนักเมื่อเร็วๆนี้ ก็เป็นผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ที่ถอดแบบโมเดลถ้ำหลวงมาใช้กับมาตรการป้องกันและยับยั้งการเผาป่าต้นเหตุซ้ำเติมมลพิษอากาศที่ดึงทุกภาคส่วน รวมทั้งประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมนับเป็นแบบฉบับของภาวะคนเป็นผู้นำที่ทรงคุณค่าต่อสังคมยิ่ง
คราวนี้เมื่อมีเรื่องที่ "ส่อทุจริต" แม้จะยังไม่มีผลชี้ขาด ผู้ว่าฯ ฮีโร่ถ้ำหลวง ก็ไม่ลังเลรีรอ เซ็นเปรี้ยง และแม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นถึง นายกอบจ. ซึ่งก็รู้ๆ กันว่าทรงอิทธิพลแค่ไหนในท้องถิ่น ... พลันที่มีข่าวออกมาเสียงเชียร์ก็กระหึ่ม แม้ตอนหลังจะสับสนวุ่นวายจนผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์ ต้องออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้ยังไม่จบ ยังไม่ได้ตัดสินชี้ขาด คำสั่งให้นายกฯอบจ.หยุดทำหน้าที่ ก็เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมสอบสวนทำได้เต็มที่ ... แต่นี่ก็เพียงพอให้สังคมโห่ร้องด้วยความชื่นชม เพราะเราขาดแคลนผู้นำที่เด็ดขาดเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชันมิใช่หรือ
กรณีอย่างนี้ให้นึกย้อนไปถึงตอนที่ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ยังอยู่เชียงราย เรื่องโรงไฟฟ้าขยะ หรือ จัดซื้อจัดจ้างอีกหลายกรณี ก็เคยมีข่าวถูกติดเบรกจากผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์มาแล้วหลายโครงการ ... จะอย่างไรจึงต้องขอคารวะต่อไอดอลของสังคมไทยคนนี้มา ณ ที่นี่