xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” เมินดีเบต ปัดกลัวแต่เห็นเอาแต่โจมตีไม่สนนโยบาย ย้ำไม่อยากให้ 5 ปีสูญเปล่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“ประยุทธ์” เผย ไม่เห็นถึงความจำเป็นดีเบต ปัดกลัว แต่เห็นเอาแต่โจมตีกันไม่สนนโยบาย รับไม่อยากเสียเวลาไปประดิดประดอยคำพูด เผยวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน พอเพียง มีเท่านี้ ไม่อยากให้ 5 ปีสูญเปล่า เตือนความจำก่อนหน้านั้น

วันนี้ (26 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวก่อนตอบคำถามสื่อมวลชนภายหลังการประชุม ครม.ว่า คำถามของสื่อแต่ละคำถามเจ็บๆ ทั้งนั้น แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรสื่อ เพราะนักข่าวก็ทำงานไป เราก็มีงานของเรา ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เห็นหนังสือประชารัฐสร้างชาติของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้เห็นแล้ว เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องจริงของนายกฯทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ทราบว่ามีการแจกเฉพาะผู้สมัคร ส.ส.และสมาชิกพรรค ขณะที่พรรค พปชร.ได้เสนอชื่อตนเป็นนายกฯ ก็เป็นเรื่องของพรรค

เมื่อถามว่า ได้เตรียมตัวขึ้นเวทีดีเบตกับแคนดิเดตนายกฯพรรคอื่นแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เตรียมตัวมานานแล้ว แต่วันนี้ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะไปดีเบต ไม่ใช่กลัวหรือไม่กลัว แต่เมื่อดูเวทีดีเบตตอนนี้ ก็จะเห็นว่าเป็นอย่างไร เพราะส่วนใหญ่เป็นการโจมตีกัน ไม่ค่อยมีสารัตถะ เถียงกันในตอนต้น แต่เมื่อเข้าสู่นโยบาย กลับไม่มีใครสนใจอะไร เนื้อหาก็ดิ้นกับการโจมตีคนนั้นคนนี้ เล่นไปถึงการทำงานของกระทรวงต่างๆ ซึ่งไม่เรียกว่าการดีเบต

“ขอให้ไปดูในต่างประเทศ ว่าเวทีดีเบตเป็นอย่างไร ผมคงไม่ไปหรอกตอนนี้ ไม่ว่าใครจะมากระตุ้นอย่างไร ผมก็ไม่ได้โกรธ ไม่ได้กลัวด้วย ข้อสำคัญคือผมกำลังทำงานอยู่ ซึ่งจะเสียเวลา ที่ผมจะต้องไปประดิดประดอยคำพูด ออกมาให้มันปวดหัว เพราะทำงานในระบบมันก็แย่พอแล้ว สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็เป็นข้อเท็จจริง ถ้าอยากทราบวิสัยทัศน์ของผม ในฐานะถ้าผมจะเป็นนายกฯต่อไป วิสัยทัศน์ของผมมีอยู่แล้วคือ มั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ วิสัยทัศน์ของผมมีเท่านี้”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับนโยบายของรัฐบาลในวันนี้ ทำแล้วทั้ง 11 ด้าน เช่นเดียวกับวาระของชาติในหลายอย่าง ก็แก้ไขปัญหาไปหมดแล้ว ที่แล้วมาก็ได้แสดงฝีมือของตนไปหมดแล้ว ถ้าถามว่าในอนาคต หากได้เป็นนายกฯ แล้วจะทำอะไรต่อ จะบอกว่า ตนได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทต่างๆ ขึ้นมา ทำกฎหมายการเงินการคลัง จัดซื้อจัดจ้าง การค้าการลงทุนและอีกหลายฉบับ ซึ่งไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ปลายทางอย่างเดียว ทุกอย่างมีกฎหมายกำกับไว้หมดแล้ว หากไม่มีกฎหมาย แต่พูดลอยๆ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไร ถ้ายกเลิกแล้วไม่ทำอย่างที่ตนทำก็ต้องไปดูกฎหมายกันใหม่ ดังนั้น สิ่งที่กำหนดไว้ใน 5 ปีแรก จึงถือว่าสำคัญที่สุด เราได้วางแผนแม่บทไว้อย่างชัดเจน โดยมีการทำในช่วงต่อๆ ไป แล้วแต่ว่ารัฐบาลใดจะเข้ามาบริหารงาน สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ ความทั่วถึงและเท่าเทียมเป็นธรรม โดยต้องมีกรอบเหล่านี้กำหนดไว้ และเราต้องมีคำตอบไว้ให้ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และประชาชน ในวันข้างหน้าด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้บางฝ่ายได้วิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่รัฐบาลทำนั้น ว่ามีการอนุมัติไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า และรถไฟรางคู่ แต่ที่ผ่านมานั้น ยังไม่เกิดขึ้น เพราะขั้นตอนการดำเนินงาน จะต้องนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง มีการอนุมัติโดย ครม.ทำประชาพิจารณ์ ก่อนจะอนุมัติการจัดซื้อจัดจ้าง ถึงจะสำเร็จ ถ้าอนุมัติไว้ก่อน แล้วรัฐบาลนี้ไม่ทำต่อ ก็ไม่มีทางได้ ตนไม่อยากโต้ตอบใคร และไม่ได้ว่าใคร เพียงแต่ต้องอธิบายให้คนเข้าใจ ว่าเมื่อกำหนดนโยบายแล้ว ต้องแปลงสู่การปฏิบัติให้ได้

“หลายเรื่องวันนี้ทุกคนหยิบมาเป็นประเด็นการเมือง เพราะทุกคนให้ความสำคัญกับการเลือกตั้ง หาเสียง แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ถ้าพูดกันไปมา จนไม่มีสาระอะไรเลย เดี๋ยวก็จะมีการฟ้องร้องกันอีก แล้วจะแก้ไขปัญหากันอย่างไร เช่นเมื่อมีการเลือกตั้งแล้วก็ยังมีการฟ้องร้องกันเละเทะ เข้าศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ แล้วจะทำอย่างไรต่อไป วันนี้ทุกคนต้องลดท่าทีบ้าง หากอยากพูดเรื่องนโยบายก็พูดกันไป แต่ต้องบอกถึงที่มาของการใช้จ่ายงบประมาณด้วย รัฐบาลนี้คำนึงถึงรายได้ของประเทศ ประเมินว่า 5 ปีจะทำอย่างไร ไม่ให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น จนถึงขีดจำกัด ถามว่าเคยมีใครทำงานแบบนี้บ้างไหม หลายเรื่องที่สามารถทำได้ในวันนี้ มาจากการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ ไม่ใช่การอนุมัติไว้แล้ว แม้จะมีการอนุมัติไว้แล้วบ้าง แต่ก็ทำได้น้อยมาก ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลทำวันนี้ ถือเป็นวิสัยทัศน์ ซึ่งอนาคตต้องทำแบบนี้ ต้องแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ดีกว่าการสร้างความทะเลาะเบาะแว้ง และประเทศเดินหน้าต่อไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลนี้พยายามสร้างโอกาสให้ทุกคน ซึ่งไม่ได้ช่วยเฉพาะคนรวย แต่เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ ดีกว่าออกมาพูดหาเสียง ว่าจะให้เท่านั้นเท่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องยาก ถ้าง่ายตนคงทำไปแล้ว ขอร้องอย่านำไปหาเสียง จนทำให้หลายคนหมดกำลังใจ จนไม่มีแรงกระตุ้น ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาล ทุกอย่างต้องแก้ด้วยเหตุผล

“ผมอยากบอกว่ารัฐบาลนี้ทำงานมาตลอดระยะเวลา 5 ปีใน 11 นโยบายและวาระแห่งชาติหลายวาระ ทุกอย่างเดินหน้าได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังมีอีกหลายระดับ ต้องทำต่อ การที่ผมออกมาพูดทุกวันนี้ ถามว่าผมมีวิสัยทัศน์หรือเปล่า สิ่งที่ผมคิดและทำนโยบายออกมา ได้หารือและตัดสินใจร่วมกันมา นั่นไม่ใช่วิสัยทัศน์ของผมหรืออย่างไร ในฐานะที่เป็นรัฐบาล และ คสช.ต้องใช้ คสช. มาช่วยเสริมทุกเรื่อง หากไม่เอามาเสริมคงทำอะไรไม่ทัน ทั้งการตรวจสอบ แก้ไขปัญหาหนี้สิน ถ้าไม่ใช้ทหารมาช่วย จะทำได้หรือ และขอถามกลับว่า แล้วเป็นหน้าที่ของใคร ทำกันไหวหรือไม่ ทหารเข้ามาช่วยด้านกำลังพล แต่ไม่ได้ก้าวล่วง ซึ่งมีเพียงเบี้ยเลี้ยง เงินเดือน สวัสดิการ ไม่มีโอที ทำงาน 5 อย่างได้เงินอย่างเดียว ซึ่งเราก็ลดงบประมาณตรงนี้อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงขอขึ้นเพิ่มแบบข้าราชการส่วนอื่น ทหารเราทำทั้งกลุ่มงานด้านความมั่นคงเศรษฐกิจ สังคม กฏหมาย กระบวนการยุติธรรม กฎหมายระหว่างประเทศ วัฒนธรรม ทั้งหมดก็เต็มกางเกงแล้ว คนวิจารณ์ก็หยิบแต่เรื่องเดียวขึ้นมา โดยไม่ทราบว่าภาพกว้างเป็นอย่างไร ทำให้คนสับสนอลหม่าน” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้เวลา 5 ปี เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ แล้วคนกลับมาโจมตีกัน เหมือนกลับไปสู่จุดตั้งต้นใหม่ เพราะตนเลยจุดนั้นมาแล้ว เลยจุดที่จะมาบอกว่าการเข้ามานี้ผิดหรือถูก เพราะเวลา 5 ปีนั้นเลยมานานแล้ว เราจะย้อนกลับไปที่เก่าอีกหรือ ตนพ้นเวลาเหล่านั้นด้วยกฎหมาย ซึ่งต้องอย่าลืมว่า ที่เข้ามานั้น เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาประเทศขณะนั้น และเมื่อเข้าบ้านแล้วก็ต้องมีอำนาจให้เพื่อทำงานแก้ไขปัญหาได้อย่างต่อเนื่อง แล้วเหตุใดจึงต้องมาตีกันไปมาอีกรอบ ลืมทั้งหมดแล้วหรือยัง ตั้งแต่ก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ลืมหมดแล้วใช่ไหมจ๊ะ


กำลังโหลดความคิดเห็น