เมืองไทย 360 องศา
นาทีนี้ถึงอย่างไรก็ต้องรอคำตอบอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนว่า “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ จะสามารถขึ้นเวทีดีเบตประชันวิสัยทัศน์และนโยบายกับแคนดิเดตจากพรรคการเมืองอื่นได้หรือไม่ โดยตามข่าวระบุว่าจะมีการพิจารณาชี้ขาดกันวันจันทร์นี้ (25 กุมภาพันธ์) ก็จะรู้กันแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้ นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต.จะออกมาพูดว่าทำได้ แต่เพื่อความชัวร์ก็คงต้องรอให้เป็นทางการก่อน
ขณะเดียวกัน ก็ต้องรอลุ้นด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเอาด้วยหรือเปล่า เพราะถ้าเอาด้วยนั่นแสดงว่าเขาพร้อมเต็มพิกัดและมั่นใจว่า “สู้ได้” ในเรื่องของการประชัน “ฝีปาก” กับพวกนักการเมืองบนเวที
หรือว่าจะจำกัดบทบาทขีดวงอยู่เพียงแค่นี้ เพราะหากกระโดดลงไปแลกหมัดโดยตรงกับบรรดานักการเมืองก็จะกลายเป็น “จุดรวมศูนย์” ถูกรุมถล่มยิ่งกว่าที่ต้องเจอในเวลานี้อีกหลายเท่า
แน่นอนว่า การขึ้นเวทีดีเบตกับบรรดาหัวหน้าพรรค หรือพวกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากหลายพรรคการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากเกิดขึ้นจริง นั่นแสดงว่า เขาพร้อมอย่างเต็มที่ และจะ “เหนือความคาดหมาย” ของหลายคนที่มั่นใจว่าเขาจะไม่เล่นด้วยกับแนวทางแบบนี้
เพราะอย่างที่ประเมินกันในทางการเมือง สำหรับฝ่ายตรงข้ามก็คือ หากสามารถทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินขึ้นเวทีมาได้ ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว เนื่องจากหมายมั่นปั้นมือว่านี่คือ การ “ลากบิ๊กตู่ขึ้นมาฆ่าบนเวที” โดยเฉพาะสำหรับหัวหน้าพรรคบางพรรค หรือแคนดิเดตของหลายพรรคที่มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
เท่าที่สำรวจและมองเห็นเวลานี้อย่างน้อยก็มีอยู่สองสามพรรคที่แกนนำต่างออกมาเรียกร้อง ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นเวทีดีเบต คือ อภิสิทธิ์ เวชชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์ จาตุรนต์ ฉายแสง จากพรรคไทยรักษาชาติ และแม้ว่าจะยังไม่ชัด แต่เชื่อว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย ก็น่าจะต้องการแบบเดียวกันด้วย
อย่างไรก็ดี หากเกิดขึ้นจริง มันก็น่าจะแบ่งออกมาเป็น 3 กลุ่ม ที่ยืนประจันหน้ากัน คือ กลุ่มเพื่อไทย กลุ่มประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ
และแม้ว่านาทีนี้ยังไม่รู้ผลการหารือของที่ประชุม กกต.ในวันจันทร์นี้จะออกมาอย่างไร จะไฟเขียวให้ “บิ๊กตู่” ขึ้นเวทีดีเบตได้หรือเปล่า รวมไปถึงสามารถเดินหาเสียงได้หรือไม่ และถ้าได้เขาจะยอมเดินขึ้นเวทีหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาตามมาอีก
ขณะเดียวกัน เสียงท้าทาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ขึ้นเวทีดีเบต เพราะพวกนักการเมือง มั่นใจว่า หนึ่ง เขาคงไม่เอาด้วย คิดว่ามีแต่เสียไม่มีได้ จะถูก"รุมขย้ำ"บนเวทีแบบถึงไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสลงมาแน่นอน
สอง หวังผลต่อเนื่องตามมานั่นคือ คิดว่าเมื่อ “บิ๊กตู่” พ่ายแพ้หมดรูปลงมาแล้ว มันย่อมมีผลกระทบต่อคะแนนนิยมในทางลบตามมาด้วย ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งยังหวังว่าจะทำคะแนนนิยมดังกล่าวเทไปทางพวกเขา เพราะอย่างที่รับรู้กันว่า เวลานี้ทุกโพลที่สำรวจออกมาในทางเดียวกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีคะแนนนิยมเป็นอันดับหนึ่ง ที่ชาวบ้านอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่พรรคพลังประชารัฐก็มีคะแนนไล่จี้พรรคเพื่อไทยมาติดๆ แบบที่เรียกว่าหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว
นี่แหละอาจจะเป็นเหตุหลักที่ซ่อนอยู่ในใจว่าทำไมถึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นเวทีดีเบต เพราะคิดว่าถึงอย่างไรก็คงไม่มาแน่ จะได้ “ตีกิน” ฟรีๆ อย่างไรก็ดี อย่าได้ “ดูเบา” เขาเป็นอันขาด เพราะเขาอาจทำในสิ่งที่ “เหนือความคาดหมาย” ใครจะไปรู้ว่าในที่สุดแล้วเขาอาจขึ้นเวทีประชันกันก็ได้ และที่ผ่านมาเมื่อพิจารณาจากลีลาการพูดจาปราศรัยถือว่าใช้ได้ทีเดียว แต่หากมารับรองว่าเรตติ้งกระฉูด เวทีถล่มทลายแน่
ดังนั้น แม้ว่านาทีนี้ยังรอลุ้นอยู่ว่า กกต.จะว่าอย่างไร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเอาด้วยหรือไม่ ซึ่งก็เป็นไปได้ทุกทาง และที่สำคัญสำหรับเขานั่นคาดเดายาก แต่ถ้าออกมาในแบบยอมขึ้นเวทีรับรองว่าสนุกแน่ และยังไม่รู้ว่าใครจะเชือดใครกันแน่ เพราะเมื่อมีการจัดดีเบตมันก็ต้องมีกติกา มีการเลือกคำถาม กำหนดเวลา ไม่ใช่ว่าใครนึกจะจ้อได้ส่งเดชเรื่อยเปื่อย และยิ่งไปกว่านั้นชาวบ้านเขาสามารถตัดสินใจเองได้ ว่าใครเจ๋งหรือไม่เจ๋ง !!