โฆษก “อนาคตใหม่” เผย ตร.เร่งสรุปสำนวนคดี “ธนาธร” พร้อม 2 กรรมการบริหารพรรค ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ กรณีไลฟ์สดวิจารณ์ “พลังดูด” พร้อมนัดจำเลยทั้งสามไปพบอัยการ 27 ก.พ.จับตา โดนฝากขังหรือไม่ หากฝากขังจริง เท่ากับ คสช.ต้องการมีอำนาจสูงสุด ปิดปากฝ่ายตรงข้ามคล้ายเลือกตั้งกัมพูชา
วันนี้ (20 ก.พ.) ที่พรรคอนาคตใหม่ น.ส.พรรณิการ์ วาณิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ แถลงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ และนายไกลก้อง ไวทยการ กรรมการบริหารพรรค ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แจ้งความดำเนินคดีต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ฐานผิดมาตรา 14 (2) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ กรณีการใช้เฟซบุ๊กไลฟ์รายการ “คืนวันศุกร์ให้ประชาชน” ผ่านแฟนเพจ “ธนาธรจึง รุ่งเรืองกิจ” วิพากษ์วิจารณ์พลังดูด เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2561 ว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมาทนายความของเราได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวนว่ามีความจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสรุปสำนวนส่งอัยการภายในวันที่ 22 ก.พ.นี้ และได้นัดหมายให้นายธนาธรและกรรมการบริหารพรรคอีก 2 คน ไปที่สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการตามขั้ตอนต่อไป จึงขอให้สื่อมวลชนร่วมกันจับตาว่าทั้ง 3 คนจะถูกนำตัวไปฝากขังหรือไม่
น.ส.พรรณิการณ์กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นที่ชัดเจนว่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เป็นเครื่องมือปิดปากประชาชน ไม่ให้วิจารณ์รัฐบาล แต่เรายืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่ทำให้การดำเนินการทางการเมืองของพรรคยุติลง ทั้งการหาเสียงและเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง นี่เป็นการแสดงเห็นว่า ทำไมเราต้องเข้าไปแก้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ หากได้รับเลือกตั้ง
โฆษกพรรคอนาคตใหม่กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ วันที่ 24 ก.พ.ซึ่งเป็นกำหนดวันเลือกตั้งเดิมก่อนถูกเลื่อน เราจะมีการแถลงข่าว 99 วัน หากอนาคตใหม่เข้าไปอยู่ในสภา เราจะทำอะไรก่อนภายใน 99 วันแรก และประเทศไทยจะได้อะไร พร้อมพิสูจน์ว่านโยบายของเราทำได้จริง
น.ส.พรรณิการณ์กล่าวว่า ทั้ง 3 คนปฏิเสธได้ทุกข้อกล่าวหา เรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์ก็มีการนำเสนอโดยสื่ออีกหลายฉบับ แต่พอเกิดการเร่งรัดคดี ทำให้พนักงานสอบสวนต้องตัดพยานไป 1 คน คือ นายอนุสรณ์ ธรรมใจ พยานสำคัญในคดี เนื่องจากเป็นนักวิชาการที่กว้างขวางและได้รับการยอมรับในสังคม
น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ถ้ามีการฝากขังจริงเป็นการแสดงให้เห็นว่า คสช.ต้องการมีอำนาจสูงสุด สถานการณ์แบบนี้คล้ายกับการเลือกตั้งในประเทศกัมพูชา ซึ่งไม่ได้นำไปสู่การยอมรับในระดับสากล หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น บอกได้เลยว่านี่เป็นการทำลายความหวังของประชาชน และส่งผลในเรื่องความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อ คสช.อย่างแน่นอน
อนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องนายธนาธรและพวกแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 143 พนักงานอัยการมีอำนาจวินิจฉัยว่าควรปล่อยผู้ต้องหา ปล่อยชั่วคราว ควบคุมไว้ หรือขอให้ศาลขัง แล้วแต่กรณี และจัดการหรือสั่งการให้เป็นไปตามนั้น