เมืองไทย 360 องศา
“ผมคิดว่า จะทำให้ดีที่สุด เพราะผมก็เต็มตัว ลาออกจากงานมาเลย คือ ไม่ใช่มาเล่นๆ ยอมทิ้งงานทุกอย่าง ซึ่งเรารู้ว่าเราเก่งตรงไหน ไม่เก่งตรงไหน ซึ่งเชื่อว่า ทางพรรคเองก็ได้พิจารณาแล้ว ที่ต้องไปมองไกลถึงอนาคต อยู่ตรงนี้ก็สามารถช่วยได้ในทุกบทบาท”
“อาจจะสมัคร ผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งมีทางเลือกอีกมาก มีหลายบทบาท ยืนยันไม่น้อยใจ และไม่ว่าอย่างไรก็อยู่กับพรรคเพื่อไทยแน่นอน เพราะอุดมการณ์ไปด้วยกันได้”
“ผมลงมาเต็มตัวตลอด ไปมาหลายจังหวัดแล้ว คงไม่มีอะไรมากไปกว่านี้แล้ว ทั้งลาออกทิ้งทุกอย่าง ลงมาเต็มตัวเต็มที่แล้ว อย่างที่บอกมีหลายบทบาท ซึ่งเราไม่ต้องเล่นทุกบทบาท เอาที่เรามีความสามารถดีกว่า”
คำพูดข้างต้นของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หนึ่งในสามแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในบัญชีของพรรคเพื่อไทยนอกเหนือจาก คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ นายชัยเกษม นิติสิริ หลังจากมีคำถามตามว่าทำไมเขาถึงไม่มีชื่ออยู่ในบัญชี ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อของพรรค
แม้จะได้รับคำยืนยันว่า “ไม่ถนัดงานด้านนิติบัญญัติ” ในความหมาย ก็คือ ไม่อยากเป็น ส.ส. โดยอ้างว่าไม่มีความถนัดงานทางด้านนิติบัญญัติ แต่ยืนยันจะขอช่วยงานด้านบริหารอย่างเต็มที่ และยืนยันว่า ไม่มีการน้อยใจ
นั่นเป็นคำพูดที่กล่าวออกมาจากปากของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่เมื่อพิจารณาจากคำพูดรวมๆ แล้วสามารถมองเห็นท่าทีบางอย่างที่สะท้อนออกมาให้เห็นมากขึ้น ซึ่งอาจพิจารณาได้สองเรื่องหลักที่ “ซ้อน” และเชื่อมโยงกันอยู่ โดยพิจารณาจากการมีชื่ออยู่ในรายชื่อบัญชีนายกรัฐมนตรีจำนวนหนึ่งสามคนเท่านั้น แต่ไม่มีชื่อในระบบ ส.ส. บัญชีรายชื่อ
กรณีแรก แม้ว่าจะอยู่ในบัญชีนายกฯก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เส้นทางข้างหน้าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ แม้ว่าจะมีการคาดหมายกันว่า พรรคเพื่อไทย น่าจะชนะการเลือกตั้งจะได้จำนวน ส.ส. เข้ามาจำนวนมากที่สุดก็ตาม แต่โอกาสที่จะรวบรวมเสียงเพื่อเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลมันไม่ง่าย หรืออาจเป็นไปได้น้อยมาก ยกเว้นจะเข้ามาแบบถล่มทลาย ซึ่งจะเป็นแบบนั้นได้ก็ต้องมี “กระแส” อย่างน้อยก็ต้องเหมือนกับในยุคของ “นายกฯหญิงคนแรก” ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมถึงนโยบายประชานิยมที่แจกแถมเข้มข้นอย่าง “จำนำข้าว” เป็นต้น
แต่คราวนี้นอกจากกระแสดังกล่าวไม่มีแล้ว ยังมองไม่เห็นนโยบายที่แย้มออกมาให้เห็นเลย และที่น่าจับตาอย่างยิ่งก็ยังได้เห็น “บรรยากาศอึมครึม” ในพรรคเพื่อไทย ที่สะท้อนออกมาทางบัญชีรายชื่อ ส.ส. ที่จนบัดนี้ยังไม่อาจ “เรียงลำดับ” เพราะฉบับที่เห็นเป็นเพียง “การเรียงตามตัวอักษร” เท่านั้น เพราะหากเทียบกับ “ไทยรักษาชาติ” กลับปรากฏว่าลงตัวชัดเจน มีการเรียงลำดับยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว
จากสาเหตุนี้หรือเปล่าที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จึงต้องถอยฉากออกมา ไม่อยาก “เปลืองตัว” ในบรรยากาศที่ตัวเองไม่พร้อม เพราะต้องไม่ลืมว่าสำหรับในพรรคเพื่อไทยแล้ว เขาเป็นเพียง “หัวเดียวกระเทียมลีบ” ไม่มีพวกหรือกลุ่มก่อนการเมืองคอยสนับสนุน
ขณะเดียวกัน เมื่อมาพิจารณาจากเป้าหมายในสนามเล็กกว่าอย่างตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่น่าจะเป็นเป้าหมายหลักของคนอย่าง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มากกว่า และก่อนหน้านี้ ก็มีรายงานข่าวมานานแล้วว่า เขาได้เตรียมการสำหรับลงสมัครในสนามนี้มานานแล้ว และน่าจะเป็นตัวเต็งอีกด้วย ซึ่งในคำพูดข้างต้น ก็เปิดเผยท่าทีออกมาค่อนข้างชัดเจนแล้ว ที่สำคัญ การลงสมัคร ผู้ว่าฯ กทม. น่าจะมีความกดดันน้อยกว่า และมีอิสระมากกว่า
ดังนั้น หากให้ประเมินนาทีนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ น่าจะยังคงเป้าหมายเดิมเอาไว้ นั่นคือตำแหน่ง ผู้ว่าฯ กทม. มากกว่า ไม่พร้อมรับความกดดันและความขัดแย้งในระดับชาติที่ไม่มีโอกาสชนะ!!