xs
xsm
sm
md
lg

** เปิดตัว"ไอ้โม่ง" อยู่เบื้องหลังกระบวนการลุยถั่วดัน “ผอ.การท่าเรือ” ที่แท้วางหมากล็อกคนในและพวกพ้องบริหารจัดการผลประโยชน์หลายหมื่นล้านไว้ล่วงหน้าแล้ว **เปิดโผ "เพื่อไทย" ที่นายใหญ่ "ทักษิณ" มีใบสั่งจากแดนไกล ให้ล็อกเป้าทวงแค้นพวกย้ายพรรค

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว


** เปิดตัว"ไอ้โม่ง" อยู่เบื้องหลังกระบวนการลุยถั่วดัน “ผอ.การท่าเรือ”ไม่สนผิดกฎหมายหรือไม่ เร่ง สคร.ปิดดีลค่าตอบแทนเช้า-เย็น เผยเหตุอ้าง“ลุงตู่-อาคม-คนใกล้ตัวนายกฯ”ปักธงต้องเป็นคนใน ที่แท้วางหมากล็อกคนในและพวกพ้องบริหารจัดการผลประโยชน์หลายหมื่นล้านไว้ล่วงหน้าแล้ว

มหากาพย์การสรรหา ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.)ข้ามจากปีที่แล้ว มาถึงวันนี้มีความเตลื่อนไหวอีกครั้ง โดยข่าวล่าสุด ระบุว่า กำลังอยู่ในขั้นพิจารณาของสำนักงานนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง เพื่อดูเรื่องผลตอบแทน ค่าจ้าง "เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร" รอง ผอ.สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ ตามที่บอร์ดการท่าเรือ เสนอมา ... ว่ากันว่า เรื่องนี้ชงให้ สคร.นานพอสมควร แต่ สคร.กลับพิจารณาช้า เพราะรู้มาว่า กระแสข่าวฉาวโฉ่เรื่องการสรรหาครั้งนี้ส่อไปในทำนองจะ "ผิดกฎหมายหลายข้อ" จนกรรมการสรรหาลาออกไปหลายคน สคร.ไม่อยากเป็นแค่ "ตรายาง"ร่วมกระบวนการไปด้วย ... เมื่อ สคร.ทำช้า ก็มีคนโทรศัพท์ถามไถ่เร่งวันเร่งคืนให้พิจารณาโดยด่วน ขีดเส้นตายเสร็จสรรพ ภายในวันศุกร์นี้ (1ก.พ.) ต้องเรียบร้อย ! เพื่อที่จะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
เรือโทกมลศักดิ์-อัฌนา พรหมประยูร
คนวงในไปสืบทราบมาว่า สายโทรศัพท์ที่โทรข้ามห้วยไปเร่ง สคร. คล้ายกับเสียงของ "ไพรินทร์ ชูโชติถาวร" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เสียงที่สั่ง "กระตือร้น" จนเกินปกติ ท่าทีที่แสดงออกลงมากำกับเร่งรัดทุกขั้นตอนนี้ เหมือนต้องการปิดดีลนี้ให้จบๆไป ...โป๊ะเลยแตก ถึงบางอ้อกันทั้งบางว่า เบื้องหลังการผลักดันจะเอา เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร ให้ได้ ที่แท้ก็เป็นท่านนี่เอง ? ...ใช่หรือไม่ คนต้องอดคิดย้อนไปไม่ได้ว่า “ไอ้โม่ง”ที่หากันมานาน ปักธงจะเอาคนในการท่าเรือเท่านั้น แล้วทำทุกอย่างโดยมี "สมศักดิ์ ห่มม่วง" ประธานบอร์ดร่วมด้วยช่วยกัน เป็นคนเดินและคอยคัดท้าย “ล็อกสเปก”ผอ.ท่าเรือ = เรือโทกมลศักดิ์ ... ผลที่ออกมาก็อย่างที่เป็นข่าว อ้างว่า มีใบสั่งจากผู้ใหญ่ ต้องการให้ เรือโทกมลศักดิ์ เป็นผู้อำนวยการท่าเรือคนใหม่ โดยไม่ต้องไปสนใจข้อครหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน กระบวนการสรรหาส่อผิดกฎหมาย กรรมการจะลาออกอย่างไร...

ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระบวนการสรรหาเสร็จสิ้น ตัวละครสำคัญถูกหยิบยกมากล่าวอ้างกัน สับขาหลอก ข่มขู่กันในที่ประชุมต่างๆ นานา ... แรกเริ่มอ้างเป็นใบสั่งของ "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" เบอร์หนึ่ง ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พอ"อาคม"ไม่ขลัง ก็เพิ่มน้ำหนักไปที่“เสธ.นายกฯ”ต่อมาอ้าง “เลขาฯนายก”จนกระทั่งอ้างตัว "ลุงตู่" พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ลงมาลุยถั่วเอง ... คนที่ที่ถูกอ้างอย่าง อาคม , เสธ.นายก หรือ กระทั่งเลขาฯลุงตู่ มีเสียงยืนยันว่า ต่างคนต่างไม่รู้เลยถึงเรื่องราว กระบวนการสรรหา และ เจาะจงจะแต่งตั้งเรือโท กมลศักดิ์ ...ถามว่า ทำไมกระบวนการนี้ถึงอยากจะได้เรือโทกมลศักดิ์ เท่านั้น อย่างที่เคยฉายภาพตรงนี้หลายครั้ง ก็ต้องย้ำอีกทีว่า "ผลประโยชน์" ของการท่าเรือนั้นมีมูลค่ามหาศาล โครงการที่อยู่ในแผนที่จะดำเนินงาน รออยู่ข้างหน้าไม่ไกลก็หลายหมื่นล้าน...
ไพรินทร์ ชูโชติถาวร- อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
ต้องไม่ลืมว่า การท่าเรือ ถือเป็นลอจิสติกส์ ที่กำลังมีอนาคต เป็น"จิ๊กซอว์" สำคัญในแผนพัฒนาขนส่งทางน้ำ โดยเฉพาะท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นหัวใจของ"อีอีซี" ...เรือโทกมลศักดิ์ ดูแลสายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ ภรรยาคือ นางอัฌนา พรหมประยูร ปัจจุบันเป็น ผช.ผอ.การท่าเรือฯ สายบริหารทรัพยากรบุคคล และบรรษัทภิบาล และมีโอกาสขึ้นเป็น "รอง ผอ." ... ดังนั้น เหมือนวางพล็อตกันไว้ล่วงหน้านานแล้ว การบริหารจัดการ ผลประโยชน์ทับซ้อนในเชิงอำนาจการบริหารงาน (Conflict of interest)เพื่อ “กงสี”พรรค และ พวก ไม่มีใครจะรู้เส้นสนกลในได้ทะลุปรุโปร่งเท่ากับ เรือโทกมลศักดิ์ งานนี้ผู้กำกับ กำกับให้ดีๆ เงินทองมีแต่ไหลมาเทมา...เฮง เฮง...

ประเทศชาติกำลังอมฝุ่น ควันพิษกำลังตลบ ฉวยจังหวะนี้ ต้องรีบจบดีลนี้โดยพลัน ส่วนการสรรหาจะผิดกฎหมายหรือไม่ ไว้ว่ากันภายหลัง แต่หากมีผู้ร้องเรียน ย่อมต้องมีการสอบสวน และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม กฎหมายรัฐวิสาหกิจ มาตรา 11 มีโทษตั้งแต่ปรับ และจับติดคุกหนักสุดถึง 11 ปี กรรมการ หรือบอร์ดทั้งหลายที่ยังคงอยู่ก่อนนี้ ไม่คิดก็ต้องเผื่อคิดทางนี้ไว้ด้วย เพราะสุดท้ายตอนจบของเรื่อง ทำนองนี้ มักมี “แพะ”ขึ้นมา“รับปาบ”...คนที่อยู่เบื้องหลังมาแล้วก็จากไป ...บอร์ดทั้งหลายเตรียมตัวได้เลย

** เปิดโผ "เพื่อไทย" ที่นายใหญ่ "ทักษิณ" มีใบสั่งจากแดนไกล ให้ล็อกเป้าทวงแค้นพวกย้ายพรรค ต้องทวงคืนพื้นที่กลับมาให้ได้ ... แต่ต้องไม่ลืมว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีตัวแปรสำคัญคือ "บัญชีนายกฯ" พ่วงเข้ามาด้วย เชื่อว่าการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ก่อน "กาบัตร" ต้องมองที่ตัวนายกฯ ก่อนผู้สมัคร ส.ส.เป็นส่วนใหญ่
ทักษิณ ชินวัตร
หลังจากที่กลุ่ม "3ส." สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ -สมศักดิ์ เทพสุทิน -สุชาติ ตันเจริญ ออกเดินสายชักชวน อดีตส.ส. ระดับ "ดาวฤกษ์"ของจังหวัดต่างๆ มาเข้าสังกัด "พลังประชารัฐ" เพื่อเป็นฐาน ในการสานต่อนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งในจำนวนนั้น มีไม่น้อยที่เป็นคนในสังกัดพรรคเพื่อไทย สร้างความแค้นเคืองให้กับ "นายใหญ่" ทักษิณ ชินวัตร ถึงกับมีคำสั่งจากแดนไกล กำชับให้ทวงคืนพื้นที่กลับมาให้ได้ ... การวางตัวผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ จะส่งส.ส.เขต เพียง 250 เขต เพื่อหลบการชนกันเอง กับ พรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งเป็นพรรคเครือข่ายเดียวกัน ที่แตกตัวออกไป แต่ถึงอย่างไรก็มีบางจังหวัดที่ยังคงทับซ้อนกันอยู่ ...

เริ่มที่ภาคอีสาน มีพื้นที่ให้ชิงเก้าอี้ ส.ส. 116 เขต พรรคเพื่อไทย ส่งเกือบครบทุกเขต พร้อมกับตั้งเป้ากวาดส.ส.ให้ได้มากกว่าการเลือกตั้ง เมื่อปี 2554 โดยเฉพาะในจังหวัดพื้นที่สีแดง จ.ขอนแก่น เต็มไปด้วยอดีต ส.ส.เจ้าของพื้นที่เดิม นางอรอนงค์ สาระผล ภรรยา นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ ที่ถูกจำคุก จากคดีรับจำนำข้าว ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งใน เขต 2 นายนวัธ เตาะเจริญสุข ที่เคยมีปัญหาอย่างรุนแรงกับสมาชิกพรรคบางคน เรื่องการแย่งชิงลง ส.ส. แต่สุดท้าย ก็ยังได้รับความไว้วางใจ ให้ลง เขต 7 ตามเดิม ตระกูล อรรณนพพร ยังคงแข็งแกร่ง แม้ก่อนหน้า นายพงศกร ตัดสินใจไปร่วมงานกับพรรคเพื่อธรรม แต่ต่อมาได้ลาออกมา โดยน.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร บุตรสาว นายพงศกร ลงสมัครรับเลือกตั้ง เขต 8 นายบัลลังก์ อรรณนพพร น้องชาย นายพงศกร ลงสมัครรับเลือกตั้งใน เขต10

จ.บุรีรัมย์ ที่เป็นพื้นที่อิทธิพลของ พรรคภูมิใจไทย มี 8 เขตเลือกตั้ง ในอดีตพรรคเพื่อไทย เคยเจาะพื้นที่มาได้บางส่วน แต่ครั้งนี้ ตัดสินใจส่งผู้สมัครลงเพียง 4 เขต คือ นายสุรศักดิ์ นาคดี เขต 2 นายพีระพงษ์ เฮงสวัสดิ์ เขต 3 นายประกิจ พลเดช เขต 4 นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน เขต 6

จ.เลย มี 3 เขตเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย เสียตระกูล "เร่งสมบูรณ์สุข" ที่ไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ในรอบนี้ พรรคเพื่อไทยเคาะแล้ว ส่งผู้สมัครลงครบทั้ง 3 เขต โดยได้รับสัญญาณจากทางไกล ต้องทวงคืนพื้นที่ทั้งหมดกลับมาให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา - คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
จ.อุดรธานี ที่ถือเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง มี 8 เขตเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ประกาศจะต้องกวาด ส.ส. ยกจังหวัด ผู้สมัครที่ส่งล้วนเป็นอดีต ส.ส.หน้าเดิม มีเพียงเขต 4 ที่พรรคส่ง "นางอาภรณ์ สาราคำ" ภรรยา นายขวัญชัย สาราคำ หรือ"ขวัญชัย ไพรพนา" ประธานชมรมคนรักอุดร ลงสมัครแทน นายทองดี มนิสสาร อดีต ส.ส.เจ้าของพื้นที่ ที่เสียชีวิตไป

จ.ร้อยเอ็ด นายนิสิต สินธุไพร แกนนำคนเสื้อแดง ผลักดันให้ น.ส.จิราพร สินธุไพร บุตรสาว ลงสมัครรับเลือกตั้งใน เขต 5 เป็นผลสำเร็จ แม้ก่อนหน้านี้ นางจุรีพร สินธุไพร น้องสาวนายนิสิต จะย้ายไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ก็ตาม

ส่วนในภาคเหนือ จ.พิษณุโลก เขต 5 นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ที่ย้ายมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย มีบทบาทอย่างแข็งขันในการปกป้อง นายทักษิณและพรรคเพื่อไทย ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้สมัครส.ส. เขต 5

จ.เพชรบูรณ์ ที่ทางพรรค เสียตระกูล"พร้อมพัฒน์" ที่ไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ แม้จะมีถึง 5 เขตเลือกตั้ง แต่ทางพรรคตัดสินใจส่งเพียง 3 เขต คือ นายสุทัศน์ จันทร์แสงศรี ลงสมัครใน เขต 1 นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เขต 3 พ.อ.ท.กิตติคุณ นาคะบุตร ลงเขต 4

ที่ จ.กำแพงเพชร หลังจาก "นายวราเทพ รัตนากร"แกนนำกลุ่ม "ชากังราว" นำสมาชิกยกทีมไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ มีสัญญาณจากคนแดนไกล และแกนนำพรรคมา สั่งสู้ถึงที่สุด โดยส่งผู้สมัครครบ ทั้ง 4 เขต คือ นายวีระศักดิ์ สุ่นสา เขต 1 นายอดุลย์รัตน์ แสงประชุม เขต 2 นายจรัญ อิสระบัณฑิตกุล เขต 3 นายปรีชา เพ็งภู่ เขต 4 ในส่วนของฐานที่มั่นหลัก จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ส่งผู้สมัครครบทุกเขต ส่วนใหญ่ล้วนเป็นอดีต ส.ส. เจ้าของพื้นที่เดิม

ในภาคกลาง และพื้นที่ภาคตะวันออก มีหลายจังหวัด ที่ส่งไม่ครบทุกเขต มีเพียงเขตที่เสียอดีต ส.ส.ของพรรคไปให้พรรคพลังประชารัฐ ที่ส่งลงครบทุกเขต เช่น จ.ลพบุรี ส่งครบ 4 เขตเลือกตั้ง จ.สมุทรปราการ นายภิญโญ กิจเลิศไพโรจน์ บุตรชายนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ได้รับความไว้วางใจให้ลงสมัครที่ เขต 2 นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล มือกฎหมายของพรรคและตระกูลชินวัตร ได้รับความไว้วางใจลงสมัคร ส.ส.เขต 1 ประจวบคีรีขันธ์ ส่วนที่ จ.สุพรรณบุรี
วราเทพ รัตนากร - ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข
พรรคเพื่อไทย ส่งนายสหรัฐ กุลศรี อดีตส.ส.เจ้าของพื้นที่ ลงสมัคร เขต 4 ขณะที่ จ.สระแก้ว พื้นที่อิทธิพลของ"ตระกูลเทียนทอง" แม้จะมีลูกหลาน"นายเสนาะ เทียนทอง" ไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ทางพรรคเพื่อไทย ก็ยังส่งลูกหลาน เทียนทอง ลงสมัครครบทั้ง 3 เขต โดยเขต 1 ส่ง นายสนธิเดช เทียนทอง เขต 3 ส่ง นายสรวงศ์ เทียนทอง

พื้นที่ กทม. มี 30 เขตเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย มีสัญญาใจกับพรรคไทยรักษาชาติ ที่ส่งผู้สมัคร 8 เขต พรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัคร 22 เขต ประกอบด้วย น.ส.ลีลาวดี วัชรโรบล เขต 1 นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ เขต 5 นายประพนธ์ เนตรรังษี เขต 6 ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ เขต 7 รท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต เขต 8 นายสุรชาติ เทียนทอง เขต 9 นายการุณ โหสกุล เขต 10 นอ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เขต 11 นายอนุสรณ์ ปั้นทอง เขต 12 นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส เขต 13 นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ เขต 14 นายวิชาญ มีนชัยนันท์ เขต 15 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ เขต 16 นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ เขต 17 น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ เขต 18 นายวิตต์ ก้องธรณินทร์ เขต 19 นายธวัธชัย ทองสิมมา เขต 23 นายวัน อยู่บำรุง เขต 26 พ.ต.ท.วันชัย ฟักเอี้ยง เขต 27 นายวัฒนา เมืองสุข เขต 28 นางสุภรณ์ คงวุฒิปัญญา เขต 29 และ นายพงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ เขต 30

อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้ มีองค์ประกอบสำคัญ ที่เป็นปัจจัยในการตัดสินใจก่อน "กาบัตร" คือ "บัญชีนายกรัฐมนตรี" เพราะจุดหมายปลายทางของการเลือกตั้งครั้งนี้ เหมือนเลือกนายกรัฐมนตรีไปในตัว ซึ่งขณะนี้ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า พรรคพลังประชารัฐ จะมี "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น"เบอร์ 1" ในบัญชีนายกฯ ของพรรค ขณะที่พรรคเพื่อไทย ยังไม่ชัดเจนว่า จะเป็น "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์" หรือ "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ซึ่งถ้าถามกันตอนนี้ ว่าประชาชนจะเลือกใคร ตอบได้ไม่ยากว่า ในช่วงที่ผ่านมาโพลทุกสำนัก ชี้ไปที่ "บิ๊กตู่" เป็นอันดับ 1 "ทักษิณ"จะถอนแค้น หรือแค้นหนักกว่าเก่า รอหลังวันที่ 24 มี.ค.นี้ มีคำตอบ


กำลังโหลดความคิดเห็น