“บิ๊กตู่” ออกคำสั่ง คสช.วันนี้ ส่งทหารตรวจทุกโรงงานแก้ฝุ่น ขู่ปิดทำการเช้าบ่ายเย็น ออกมาตรการใช้รถวันคู่-คี่ ผุดห้ามนั่งรถยนต์คนเดียว ฉุนถูกด่าทุกเรื่องว่านิ่งเฉยไม่ทำอะไร ทั้งที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันและต้องมีจิตสำนึก
วันนี้ (30 ม.ค.) ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวตอนหนึ่งระหว่างการเป็นประธานเปิดงานมหกรรมยุทธศาสตร์ชาติ “อนาคตไทย อนาคตเรา : our country our future” ตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่เกษตรกรรมจำนวนมาก แต่ต้นไม้ใหญ่กลับเหลือน้อยมาก เหลือเพียงประมาณ 30% ในพื้นที่อุทยานและป่า เราจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปอีกไม่ได้ จึงต้องร่วมมือกันหาวิธีการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ เพิ่มพื้นที่ป่าให้มากขึ้น รวมถึงปลูกต้นไม้ใหญ่ในหลายพื้นที่ มิเช่นนั้นเราจะประสบปัญหาน้ำแล้ง ฝนตกท้ายเขื่อน จนอนาคตฝนจะไม่ตกในประเทศไทย รัฐบาลจึงมีโครงการปลูกป่า ปลูกต้นไม้
“วันนี้เรามีปัญหาเรื่องฝุ่นละอองเพิ่มขึ้นมา ทั้ง pm 2.5 และ pm 10 ปัญหาเหล่านี้มาจากหลายภาคส่วน ผมไม่ได้พูดหรือโจมตี หรือตัดรอนเกษตรกรอย่างที่มีคนกล่าวหา เพียงแต่บอกว่าการเผาวัชพืชหรือตอซังข้าว ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดฝุ่นละออง ผมไม่ได้คิดไปรังแกใคร แต่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหามากขึ้นอีก เราต้องรู้ที่มาของปัญหา”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า วันนี้มีการนำเรื่องฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานมาหาเสียงโจมตีรัฐบาล ที่ผ่านมาเราพยายามทำทุกอย่าง ตอนนี้มาตรการระยะสั้นคือใช้น้ำแก้ปัญหา ให้ข้อมูลประชาชน มีการจัดหาหน้ากากให้ แต่ก็ยังมีคนบ่นว่าถ้าเด็กทำหน้ากากหลุด แล้วจะทำอย่างไร จึงต้องถามกลับไปว่าแล้วตนจะต้องไปใส่หน้ากากให้เด็กหรืออย่างไร นี่คือคนที่เขียนตามโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ต่างๆ ถามว่ามันเป็นหน้าที่ตนหรือไม่ที่จะต้องไปใส่หน้ากากให้เด็ก เพราะทุกคนมีหน้าที่ของตัวเองอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวได้สั่งการแล้วว่าให้มีการแจ้งเตือนประชาชนในเขตพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ซึ่งในกรุงเทพมหานครพื้นที่ใดไม่ได้รับการแก้ไขเลยและไม่มีคำชี้แจงว่าได้ดำเนินการไปแล้วอย่างไรบ้าง ตนจะสั่งลงโทษผู้อำนวยการเขต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมควบคุมมลพิษ เป็นต้น
“ในด้านการจราจรต้องมีการตรวจรถควันดำ แต่เมื่อตรวจมากก็จะโดนด่า หาว่าทำให้รถติด ทั้งที่เจ้าของรถจะต้องมีจิตสำนึก ต้องรู้อยู่แล้วว่ารถตัวเองเป็นอย่างไร ถ้าก่อมลพิษก็อย่าขับออกมา สามารถตรวจเช็กสภาพรถจากศูนย์ได้อยู่แล้ว ดังนั้น รถดีเซลไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถบัส ต้องตรวจเช็กสภาพรถจากอู่มา ต่อไป ถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ เจอผิดตรงไหนต้องจอดตรงนั้น แล้วให้หาคนมารับเอง ถ้าทุกคนต้องการให้ผมเข้มงวด ผมจะทำให้ ควันดำตรงไหนจอดตรงนั้น ลากเอาไปเก็บจนกว่าจะปรับปรุงแล้วค่อยวิ่งได้ ผมจะสั่งแบบนี้นะ ถ้ายังแก้ไม่ได้ ดูซิจะเดือดร้อนกันหรือไม่ ผมไม่ได้ต้องการให้เดือดร้อน แต่อยากให้ทุกคนมีจิตสำนึก และต่อไปรถที่วิ่งเข้ามาในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ถ้าแก้ไขยังไม่ได้ ผมจะให้วิ่งรถเป็นวันคู่-วันคี่ และต่อไปจะห้ามไม่ให้รถดีเซลวิ่งบนถนนเส้นเหล่านี้ มันจะมีปัญหากันอีกหรือไม่ เมื่อทุกคนบอกว่าผมอ่อนเกินไปในเรื่องนี้ ไม่เข้มงวดจริงจัง แต่ความจริงผมพร้อมทำทุกอย่าง ทุกคนต้องร่วมมือกัน รีบไปแก้เสียในวันนี้”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนในต่างจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร ต้องทำให้ค่าฝุ่นละอองลดลงให้ได้ ส่วนภาคอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรมอาจต้องปิดโรงงานในช่วงเช้า บ่าย หรือเย็น หรือช่วงที่ค่าฝุ่นละอองสูงขอให้เตรียมตัวไว้ และจะมาบอกว่านายกฯ ไม่เอาใจใส่อีกไม่ได้ คอยดูก็แล้วกันว่าจะมีอะไรกลับมาหรือไม่ จะยอมเสียสละกันหรือไม่ วันนี้จะขอให้รณรงค์กัน โรงงานหยุดทำการในช่วงเช้าหรือเย็นได้หรือไม่ วันละ 1 ชั่วโมงก็ยังดี แล้วจะต้องตรวจโรงงาน โดยใช้อำนาจ คสช.ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน.แต่ละจังหวัดเข้าไปตรวจสอบทุกโรงงาน วันนี้ได้ออกคำสั่งแล้วเพื่อให้ดำเนินการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากโรงงานใดไม่ได้รับการดูแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบ ไปชี้เป้ามา เรามีหน่วยตรวจสอบอยู่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ความจริงทุกโรงงานต่างมีระบบการตรวจสอบของตัวเองอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหามลพิษ การขจัดน้ำเสีย แต่โรงงานเก่ากลับไม่ค่อยแก้ไขปัญหา วันนี้ต้องปรับปรุง ความจริงแล้วควรจะมีกฎหมายรวมว่างานอุตสาหกรรม การจราจร การเกษตร ทั้งหมดควรทำอย่างไร เพราะการเผาวัชพืชต่างๆ นั้นมีกฎหมายกำกับดูแลอยู่แล้ว จึงต้องควรเอาจริงเอาจังในกฎหมายเหล่านี้
“เดี๋ยวผมจะออกคำสั่ง คสช. แต่ไม่ใช้มาตรา 44 เพราะมาตรา 44 นั้นมีอำนาจอยู่แล้ว พอใจหรือไม่ ที่ผมประกาศแบบนี้ ต่อไปนั่งรถคนเดียวไม่ได้ ต้องมีเพื่อนนั่งรถไปด้วย 2-3 คน เอากันสิครับ ด่าผมดีนัก ว่าอย่างนี้ทำหรือไม่ทำ เด็กไอจะเป็นเลือดอยู่แล้ว วันนี้ผมจะทำให้ ต่อไปนี้ไปไหนต้องชวนเพื่อนไปด้วย จะนั่งแท็กซี่คนเดียวไม่ได้ ต้องลากคนขึ้นไปด้วย 2-3 ที่หมาย ถ้าไม่แก้กันผมจะทำแบบนี้ เดี๋ยวจะทบทวนว่าจะทำอะไรได้บ้าง แต่วันนี้จะออกคำสั่งไปก่อน กอ.รมน. และทหารทุกคนต้องเข้าไปตรวจทุกโรงงาน น้ำเสีย ขยะ ใครทำสารพิษไปจี้ไปดูแล้วรายงานให้ผม ผมจะลงโทษหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งกรุงเทพมหานครและทุกจังหวัด 76 จังหวัด จะมีใครคัดค้านผมบ้าง ใครไม่เห็นชอบให้บอกมา เงียบแสดงว่าทุกคนเห็นชอบร่วมกับผม หากมีอะไรสะท้อนกลับมาก็ช่วยกันรับผิดชอบด้วย ยุให้นายกฯ ทำดีนัก แต่พอมีเรื่อง กูไปก่อน”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้ต้องการทำให้เกิดความขัดแย้ง หรือเดือดร้อน เพราะนี่ถือเป็นเรื่องยากในการบริหารราชการ ยิ่งช่วงนี้อยู่ในช่วงกระแสการเลือกตั้งยิ่งไปกันใหญ่ เดิมทีมีการโจมตีนโยบายต่างๆ แต่วันนี้กับทุกพรรคมีนโยบายร่วมกันคือโจมตีรัฐบาล แปลกดีเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร สู้ได้ วันนี้เสียดายที่มีรัฐมนตรีลาออกไป 4 คน ทั้ง 4 คนต่างมีผลงาน แต่เมื่อไม่ได้ทำงานกับรัฐบาลก็ปล่อยเขาไป เพราะอย่าลืมว่าประเทศชาติเป็นของเรา อนาคตก็เป็นของเรา ถ้าไม่ช่วยกันทำก็จะเป็นของคนอื่น พวกเราก็ไม่ดีขึ้น ทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเรา