เมืองไทย 360 องศา
หากรายงานข่าวที่ว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่รายงานโดย “สำนักข่าวอิศรา” ระบุว่า ป.ป.ช. ได้ลงมติเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ให้ไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มเติมได้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของ นายทักษิณ แกนนำพรรคเพื่อไทย โดยขยายข้อมูลมาจาก พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ และ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์
หลังจากก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้เข้าไปไต่สวน นายบุญทรง ถึงในเรือนจำ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีระบายข้าวและมันสำปะหลังแบบจีทูจี (รัฐต่อรัฐ)
หากรายงานข่าวนี้เป็นจริง ก็ต้องถือว่าสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นครั้งใหญ่แน่ โดยเฉพาะกับครอบครัวของ นายทักษิณ ชินวัตร
สำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร รายงานข่าวระบุว่า ในชั้นไต่สวนของ ป.ป.ช. ในคดีระบายข้าวจีทูจีล็อตแรกมีเอกชนบางรายให้ถ้อยคำต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน ว่า เคยบินไปพบกับนักการเมืองใหญ่ในดูไบ เพื่อเจรจาซื้อขายข้าว โดยนักการเมืองใหญ่รายนี้ บอกว่า ให้มาซื้อกับ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร (เสี่ยเปี๋ยง จำเลยคดีข้าวจีทูจีล็อตแรกที่เวลานี้รับโทษอยู่ในเรือนจำ) ได้โดยตรง
ส่วน นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ รับรู้กันว่า เป็นแกนนำกลุ่มวังบัวบานในพรรคเพื่อไทย และในทางการเมืองมองว่า เธอเป็นเสมือนเจ้านายของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์
ตามรายงานข่าวระบุเพียงแค่นี้ แต่อย่างไรก็ดี สามารถปะติดปะต่อและหาจุดเชื่อมโยงกันได้ เพื่อพิจารณาถึงสาเหตุความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบัน และต่อเนื่องไปถึงอนาคตอีกด้วย
หากพิจารณาจากจุดเริ่มต้นที่ทำให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวบางอย่าง ก็น่าจะพอเริ่มจับใจความได้ตั้งแต่การย้ายพรรคของ นายเดชณัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ ลูกชายของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ที่ย้ายออกจากพรรคเพื่อไทย มาซบพรรคพลังประชารัฐ ลงสมัคร ส.ส. ในเขตพื้นที่เดิมของพ่อที่จังหวัดเชียงใหม่ และที่น่าสนใจ ก็คือ คำพูดบางตอนของ นายเดชณัฐวิทย์ ระหว่างที่มีการเปิดตัวกับพรรคใหม่ เช่น
“อย่างที่ทุกคนทราบ และเห็นในข่าวได้ถูกโจมตีเสียๆ หายๆ จากฝั่งทนายของอดีตนายกฯ ซึ่งตนมองว่า บทบาททางการเมืองของพ่อผมได้จบไปตั้งแต่วันที่ศาลตัดสินจำคุก ตลอดระยะเวลาที่ท่านติดคุก ไม่เคยมีข่าวว่าท่านออกมาเลย พอมาถึงเวลาที่ท่านเจ็บป่วยและได้รับการรักษา ก็ดันไปเอาข่าวท่านไปเชื่อมโยงกับคดีต่างๆ นานา ซึ่งส่งผลกระทบต่อท่านที่ต้องรับการรักษาตัว ถึงขั้นมีการพูดว่ามีการดีลวงในหรือเปล่า ทำให้คนอื่นที่ได้รับข่าวไม่อยากมาช่วย และเป็นการมองว่าป่วยจริงหรือไม่ เพราะเอาไปผูกกับเรื่องการเมืองไปหมด”
“โดยระหว่างที่ผมออกมาได้ปรึกษากับคุณพ่อว่าจะทำอย่างไรดีกับชีวิตการเมือง ซึ่งจุดประสงค์ของตนและครอบครัว คือ รักษาการป่วยของพ่อให้หายดี การที่คุณพ่อเป็นอยู่ทุกวันนี้ คงไม่ต้องตอบก็คงทราบว่าเป็นเพราะอะไร ทุกวันนี้พอเราต้องการความช่วยเหลือ ดันมาขี่ซ้ำ ผมก็ถามพ่อว่าเราจะเอาอย่างไรกันดี ถ้าอยู่มันโหดร้ายให้ผมทำการเมืองไหม พ่อให้ที่เหลือจากนี้เป็นการตัดสินใจของผมล้วนๆ ท่านบอกว่าชีวิตการเมืองของท่านจบไปแล้ว ต่อไปให้เป็นเรื่องของลูกตัดสินใจเอง”
นั่นเป็นคำพูดของ ลูกชาย นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนออกมาแบบระบายความอัดอั้น เป็นการสะท้อนให้เห็นในทำนองว่า “ไม่ได้รับการเหลียวแล” มิหนำซ้ำ ยัง “ถูกขี่ซ้ำ” เสียอีก เมื่อไปขอความช่วยเหลือ และมีการระแวงและมีคำพูดโจมตีจากฝ่ายของทนายอดีตนายกฯ ซึ่งน่าจะเป็นทนายความคนหนึ่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ
อีกด้านหนึ่งเมื่อพิจารณาจากท่าทีแบบนี้ของลูกชาย นายบุญทรง มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ที่ผ่านมา น่าจะ “มีการคายข้อมูล” บางอย่างออกมาแล้วหรือไม่ จากคำพูดที่มีการพูดกันก่อนหน้านี้ ว่า “กูพูดไม่ได้” นั้น แต่ตอนนี้อาจเป็น “กูพูดแล้ว” ก็ได้
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากการโพสต์ข้อความลงในสื่อโซเชียลของ นายทักษิณ ชินวัตร ก่อนหน้านี้หากยังจำกันได้ที่เขาใช้คำว่า “ยุติธรรมแบบป้อมๆ” มีเจตนาพุ่งเป้าดิสเครดิตสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยยกเอาเรื่องกรณี “นาฬิกาเพื่อน” ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณหรือ “บิ๊กป้อม” มาถล่ม หลังจากที่มีการจุดพลุเรื่องข้อเสนอให้เจรจากับ นายทักษิณ โดยอ้างถึงความปรองดองในชาติ ซึ่ง บิ๊กป้อม ได้บอกปัดอย่างสิ้นเชิง และให้กลับมาสู้คดีในศาลตามกระบวนการยุติธรรม
แน่นอนว่า เป้าหมายที่ นายทักษิณ ชินวัตร ต้องการสื่อให้เห็นถึงกระบวนการที่ไม่น่าเชื่อถือ โดยเน้นย้ำไปที่ ป.ป.ช. และ พล.อ.ประวิตร โดยไม่พูดถึงว่าคดีของเขานั้นเวลานี้อยู่ในชั้นศาลแล้ว กลายเป็นจำเลยแล้ว โดยหวังว่าการมุ่งโจมตีไปที่ “จุดอ่อน” ของรัฐบาล ก็คือ บิ๊กป้อม นั่นเอง ซึ่งก็อาจจะได้ผลอยู่บ้าง
แต่ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากรายงานข่าวข้างต้น ที่ระบุว่า ป.ป.ช. เริ่มการไต่สวนคดีระบายข้าวจีทูจีล็อต 2 มาตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมปีที่แล้ว มันก็น่าหวาดเสียว และเมื่อนำมาปะติดปะต่อกัน มันก็เห็นถึงร่องรอยความเคลื่อนไหวต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ทั้งเรื่องการเก็บตัวหรือการหายตัวไปของ “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ไปเป็นเวลานานแล้ว ตอกย้ำกับคำพูดปริศนาของ ลูกชาย นายบุญทรง ในเรื่องความระแวงและ “ถูกขี่ซ้ำ” จนมาถึง “ยุติธรรมแบบป้อมๆ” ที่มุ่งโจมตี ป.ป.ช.
มันก็น่าจะถึงบางอ้อว่า ทำไม นายทักษิณ ชินวัตร ถึงได้นั่งไม่ติด ต้องโผล่ออกมาทุกวันจันทร์ในรายการ “กู๊ดมันเดย์” แม้ยังไม่รู้ว่าผลจะออกมาแบบไหน แต่มันน่าจะสะเทือนยกครัวกันก็คราวนี้แหละ !!