xs
xsm
sm
md
lg

"เจ๊แดง" ตั้งทนายฟ้องสื่อหมิ่นฯพัวพัน "ทุจริตขายข้าว จีทูจี" ต้องจับตาเจ๊จะไปศาลฯ หรือเผ่นตามพี่ชายและน้องสาวไปแล้ว **ประจานคมนาคมดีแต่ผลาญงบ "ใบขับขี่ดิจิทัล" เท่ แต่ใช้ไม่ได้ **เตรียมฟ้องแพ่งและอาญา กระบวนการลุยถั่วตั้ง"กมลศักดิ์" นั่งผอ.ท่าเรือ

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว



** ยึด "แม้วโมเดล" เป็นตัวอย่าง... "เจ๊แดง" ตั้งทนายฟ้องสื่อฯ "เป๊ปซี่" เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ ที่ขุดคุ้ย โพสต์หมิ่นฯ พัวพันทุจริตโครงการระบายข้าว "จีทูจี ลอต 2" และเผ่นหนีไปแล้ว หลังมีข่าวป.ป.ช. จะฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาอีกรอบ หลังได้ข้อมูลใหม่ ซึ่ง ศาลได้รับคำฟ้องไว้พิจารณาแล้ว หลังจากนี้ก็ต้องจับตาว่า "ความจริง" จะปรากฏ ออกมาว่า เจ๊ยังอยู่ หรือเผ่นไปตั้งหลักอยู่กับพี่ชาย และน้องสาวแล้ว

ช่วงปลายปีที่แล้ว พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยว่า จะมีการขยายผล พิจารณาคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ "จีทูจี ลอต 2" และจะเรียกไต่สวนผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากฝ่ายสืบสวนสอบสวนไปได้ข้อมูลใหม่เพิ่มมา แต่ไม่บอกว่าจะเรียกใคร มาไต่สวน ... หลังมีข่าวนี้ออกมา บุคคลที่ได้รับการคาดการณ์จากสื่อฯ ว่าจะเป็น "ตัวละครเอก" ของเรื่อง ก็คือ "เจ๊แดง" เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เจ้าแม่วังบัวบาน น้องสาวของทักษิณ ชินวัตร ที่มี ส.ส.อยู่ในสังกัดหลายคน รวมทั้ง "บุญทรง เตริยาภิรมย์" อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ตอนนี้มีสถานะเป็นนักโทษในเรือนจำไปแล้ว ด้วยคดี "ทุจริตขายข้าว จีทูจี"
เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และ เสริมสุข กษิติประดิษฐ์
ผู้สื่อข่าว คอลัมน์นิสต์ จากหลายสำนักก็ได้เสนอข่าว วิเคราะห์ วิจารณ์ถึง เรื่องนี้กันอย่างแพร่หลาย ในจำนวนนั้นก็มี "เป๊ปซี่" เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ นักข่าวอาวุโส ที่เกาะติดเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ช่วงนี้ "เจ๊แดง" เก็บตัวเงียบ ไม่ออกมาปรากฏตัวในสังคม แม้จะเป็นช่วงที่การเมืองกำลังคึกคัก มีการเปิดตัวพรรคการเมืองในเครือขายของ"ทักษิณ ชินวัตร" กันหลายพรรค แต่"เจ๊แดง" ก็ไม่โผล่มาให้เห็นหน้า จึงคาดการณ์ว่าน่าจะเผ่นออกนอกประเทศไปตั้งหลักก่อนแล้ว นอกจากนี้ยังนำเสนอ เบื้องลึก เบื้องหลัง ขุดคุ้ย เรื่อง "จีทูจี ลอต 2" ผ่านทางเฟซบุ๊ก Sermsuk Kasitipradit อย่างต่อเนื่อง

ในที่สุด"เจ๊แดง"ซึ่งไม่แน่ชัดว่า เผ่นออกนอกไปแล้ว หรือยังอยู่ในประเทศไทย ก็ได้ตั้งทนาย ยื่นฟ้อง"เป๊ปซี่" ต่อศาลอาญาไปแล้ว เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง ศาลได้รับคำฟ้องไว้พิจารณา และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ในช่วงบ่าย วันที่ 4 มี.ค.นี้ ซึ่งกรณี ของ "เจ๊แดง" นี้ สามารถตั้งทนายฟ้องบุคคลอื่นได้ เพราะไม่ได้เป็นผู้ต้องคดีอาญา หรือหลบหนีคดีออกนอกประเทศ ดังนั้นก็ต้องจับตาว่า วันที่ 4 มี.ค.นี้ "เจ๊แดง" จะโผล่ไปศาลเพื่อให้ปากคำในฐานะโจทก์ หรือไม่ จะได้รู้กันว่า ยังอยู่สบายดี หรือเผ่นหนี ตามที่ "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ได้ทำเป็นตัวอย่างให้ดูแล้ว

** "โบแดง"กลายเป็น"โบดำ" ประจานคมนาคม ยุค“อาคม”ดีแต่ผลาญงบ "ใบขับขี่ดิจิทัล" เท่ แต่ใช้ไม่ได้! เหตุตำรวจไม่เอาด้วย สังคมถาม“ถ้าไม่พร้อมแล้วจะให้ใช้ไปทำไม?” ผงะ! ระบบลงทะเบียนสุดหละหลวม แค่ขโมยบัตร ก็ดูดข้อมูลส่วนตัวได้เพียบ
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ
ต้องขอบอกว่า วุ่นวายกันเลยทีเดียว สำหรับ“ใบขับขี่ดิจิทัล”ชื่อว่า DLT Smart License ที่กรมการขนส่งทางบก ภายใต้การนำของอธิบดี “พีระพล ถาวรสุภเจริญ” คิกออฟให้ดาวน์โหลดลงมือถือ ตั้งแต่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา หวังที่จะอำนวยความสะดวก ไม่ต้องพกใบขับขี่ รองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล “บิ๊กตู่” ซึ่งหน้าตา ถือว่าถอดแบบใบขับขี่ตัวจริงเปี๊ยบ ทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง พร้อมบอกข้อมูลผู้ถือบัตร แบบครอบจักรวาล และยังบอกว่า ใช้แสดงแทนใบขับขี่ตัวจริงได้ ทำเอาผู้คนแห่บอกต่อ และดาวน์โหลดจำนวนมาก กว่า 2 แสนครั้ง ภายในเวลาไม่กี่วัน เพราะคิดว่า เมื่อผ่านด่านตรวจเมื่อไหร่ แค่ชูใบขับขี่จากแอปฯ บนมือถือก็พอ ไม่ต้องเสียเวลาค้นหา หรือพกใบขับขี่ให้หนักกระเป๋าอีกต่อไป

แต่แล้วก็ถูกเบรกกันแบบตัวโก่ง เพราะ "พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ" รองผู้บัญชาการศึกษา กองบัญชาการศึกษา (รอง ผบช.ศ.) ออกมาระบุว่า ถึงตำรวจจะเห็นด้วยกับใบขับขี่ดิจิทัล แต่ก็ขัดกับกฎหมายระหว่าง พ.ร.บ.จราจรทางบก กับ พ.ร.บ.ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ถ้าให้ใช้ใบขับขี่ดิจิทัล เวลาออกใบสั่งให้คนทำผิดกฎจราจร แทนที่จะ"ยึดใบขับขี่" ก็ต้อง"ยึดโทรศัพท์มือถือ" ซึ่งทำไม่ได้ อีกทั้งตำรวจยังมีอำนาจเรียกตรวจใบขับขี่ตัวจริง เพื่อว่ากล่าวตักเตือน หรือ ออกใบสั่ง แต่ถ้าไม่มีใบขับขี่ตัวจริง หรือปฏิเสธไม่ทำตาม ก็เจอข้อหาไม่พกใบขับขี่ อีกกระทง โทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ซึ่งตอนนี้กำลังจะเสนอสนช. เพื่อแก้กฎหมาย ยังต้องรอพิจารณาอีกอย่างน้อย 6 เดือน
พีระพล ถาวรสุภเจริญ และ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ
พอมาแบบนี้ กรมขนส่งฯ ถึงกับเสียงอ่อย บอกว่าให้ประชาชน"พกใบขับขี่ตัวจริง" ควบคู่กันไปพลางๆ ก่อน จนกว่ากฎหมายจะแก้ไขเสร็จและประกาศบังคับใช้ แต่ไม่วาย ทั่นอธิบดี ยังออกมาบอกว่า ใบขับขี่ดิจิทัลที่กรมขนส่งฯ พัฒนาขึ้นน่าเชื่อถือ เพราะมีประกาศรองรับตามกฎหมายเอาไว้แล้ว อีกทั้งยังสามารถนำไปแสดงแทนบัตรตัวจริงได้ ที่สำนักงานขนส่งทุกแห่ง ส่วนที่ตำรวจบอกว่าใช้แทนใบขับขี่ตัวจริงไม่ได้ ก็รับไว้จะไปหารืออย่างใกล้ชิด ร้อนถึงคนที่ดาวน์โหลดไปแล้วต่างก็ออกมาโวยวายว่า ทำไม "กรมขนส่งฯ กับตำรวจ" ไม่ตกลงกันให้ดี ก่อนที่จะประกาศอย่างเป็นทางการ ถ้าไม่พร้อมแล้วจะให้ใช้ไปทำไม ? เสียเวลาดาวน์โหลดแล้ว ยังต้องพกไว้ให้หนักเครื่อง หนำซ้ำถ้าคิดไปว่า ใช้แทนใบขับขี่ตัวจริง ถ้าถูกจับใครจะรับผิดชอบ ?

นี่ยังไม่นับรวมขั้นตอนลงทะเบียนแบบ"หละหลวม" ที่คอไอทีเห็นแล้วถึงกับอึ้ง เพราะใช้แค่เลขที่บัตรประชาชน และ อีเมลลงทะเบียน รอรับรหัสใช้ครั้งเดียว (OTP)เพื่อเปิดแอปฯ แล้วสแกนคิวอาร์โค้ด จากใบขับขี่มาลงไว้บนมือถือ แบบนี้บรรดามิจฉาชีพก็ "หวานปาก" จะไปขโมยรูปหน้าบัตรของใครมาสวมรอย แล้วใช้อีเมล ตาสี ตาสา ก็ทำได้ แม้ในตอนนี้จะใช้ได้เฉพาะคนที่มีใบขับขี่รุ่นใหม่ แบบคิวอาร์โค้ดก็ตาม เพราะ"ใบขับขี่ดิจิทัล" จะบอกข้อมูลเจ้าของบัตรละเอียดยิบ ทั้งประวัติการแพ้ยา, กรุ๊ปเลือด, โรคประจำตัว, สิทธิรักษาพยาบาล, เบอร์ผู้ติดต่อกรณีฉุกเฉิน แถมยังแชร์การเดินทางให้ครอบครัว หรือใครก็ได้ ทราบอีก เห็นอย่างนี้แล้วได้แต่เสียวไส้ อยากให้คนที่พัฒนาระบบนี้ อย่าเห็นแก่ความสะดวกสบายอย่างเดียว "ต้องมีระบบยืนยันตัวตน" ที่แน่นหนากว่านี้ เหมือนลงทะเบียนพร้อมเพย์ตามธนาคาร ยังต้องกดรหัส ดูว่าเบอร์มือถือ ตรงกับเลขที่บัตรประชาชนที่ลงทะเบียนซิมการ์ดไหม ตัวจริงหรือไม่

อย่าปล่อยให้นโยบาย"ไทยแลนด์ 4.0" ของลุงตู่ ออกระบบไอทีแบบหน้ามืดตามัว ใช้งบประมาณสุรุ่ย สุร่าย จากโบแดง กลาย เป็นโบดำ ทำงานกันแบบนึ้ "รมว.อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" ไม่อายบ้างหรือ

**เอาแล้ว!! ผู้สมัครสรรหา แฉกระบวนการลุยถั่ว จะตั้ง"กมลศักดิ์" นั่งผอ.ท่าเรือ ผิดกฎหมาย เตรียมฟ้องแพ่งและอาญา -ฟาก รมว.อาคม เมินมั่นใจได้แบ็กดี ล่าสุดเล่นใหญ่เลยเถิด อ้าง"หลังบ้านลุงตู่"
ร.ท.กมลศักดิ์ พรหมประยูร และ ปฏิมา จีระแพทย์
ไหนๆ พูดถึง รัฐมนตรี "อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" กันแล้ว ก็อยากจะยกอีกหนึ่งผลงาน ที่สังคมผิดหวังตั้งคำถามกันมากคือ การ"ลุยถั่ว"จะเอาคนที่มีปัญหาขึ้นเป็นผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยให้ได้ ทั้งๆที่เสียงคัดค้านดังขรมจากคนท่าเรือเอง และสื่อต่างๆ ขุดคุ้ย ชี้ให้เห็นถึงปมขัดแย้งในผลประโยชน์ จะพาให้องค์กรโลจิสติกส์ ที่สำคัญของประเทศกลายเป็น"บริษัทกงสี ผัวเมีย" ก็ไม่อาจทัดทาน กรรมการสรรหาเองยังทนไม่ไหว ลาออก 2-3 คน ก็ไม่รู้สึกรู้สา ถึงความผิดปกติของเรื่องนี้

ล่าสุด "ปฏิมา จิรแพทย์" หนึ่งในผู้ลงสมัครรับการสรรหา ได้ทำหนังสือถึง สำนักนโยบายรัฐวิสาหกิจ ลงวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ซัดตรงๆ ถึงการกระทำผิดกฎหมายของ คณะกรรมการสรรหา ... ในหนังสือร้องเรียน ปฏิมา บอกว่า ตั้งแต่การท่าเรือได้ประกาศการสรรหาคนเข้ามารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการ เมื่อวันที่ 17ก.ค. 61 ลงนามโดย นายกฤชเทพ สิมลี ประธานบอร์ด ต่อมามีผู้มาสมัคร 4 คน และมีการประกาศคนผ่านคุณสมบัติ และให้แสดงวิสัยทัศน์ เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ตามลำดับ 1-4 คือ 1. นายปฏิมา จิรแพทย์ 2. พลตรีภารดร จินดาลัทธ 3. นายพีรกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา และ 4. เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ... จากนั้นสื่อหลายสำนักที่ได้ข่าวจากวงใน รายงานว่าคณะกรรมการสรรหาได้เลือก เรือโท กมลศักดิ์ ให้รับตำแหน่ง ผอ.การท่าเรือ ทั้งๆ ที่มีประเด็นหลายเรื่อง รวมถึงที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งในหนังสือของเขา มีข้อสังเกตแนบกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาเป็นข้อๆ เสนอต่อสำนักนโยบายรัฐวิสาหกิจครั้งนี้ด้วย ว่าขัดอย่างไร ... "ปฏิมา" ระบุด้วยว่า กระบวนการสรรหาครั้งนี้ไม่ถูกต้อง ไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ตามด้วยการ "ไม่เกรงกลัวกฎหมาย" ของกรรมการสรรหา ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ คณะกรรมการฯ ประเด็นการสรรหาแล้วลาออก

สรุปในความเห็นของปฏิมา คือ กรณีนึ้เป็นการทุจริตของคณะกรรมการสรรหา ที่ได้กระทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง จึงขอให้สำนักนโยบายรัฐวิสาหกิจ ทบทวน ตรวจสอบกฎหมาย และเนืองจากมีกระบวนการกำลังจะทำผิดกฎหมาย และมีผลกระทบในมุมกว้าง และกรรมการหลายคนได้ลาออกไปแล้ว และยังไม่ลาออกจะเดือดร้อนกันหลายคน จากการกระทำผิดของ"คณะกรรมการสรรหา" ในครั้งนี้ ขอให้ดำเนินการคัดเลือก และสรรหาบุคคลให้ถูกต้องใหม่ภายใน 7 วัน ถ้าไม่ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือเพิกเฉย จะดำเนินการทางกฎหมาย ทั้งแพ่ง และอาญา

มาถึงวันนึ้ถ้านับจากวันที่ 3 ม.ค. ถือว่าเลยกำหนดที่ ปฏิมา ได้เรียกร้องต่อสำนักนโยบายรัฐวิสาหกิจแล้ว เรื่องนึ้ก็ยัง"เงียบกริบ" อาจเพราะเป็นอย่างที่"ข่าวปนคนฯ" เคยเขียนหลายครั้งว่า งานนี้คนที่เป็น "ป๋าดัน" เรือโทกมลศักดิ์ ตัวจริงคือ รมว.อาคม ... ทุกครั้งที่มีข้อขัดแย้งในบอร์ดสรรหา คนนั่งหัวโต๊ะ ก็ชอบอ้าง"อาคม" และ เสียงลือเสียงเล่าอ้างเลยเถิดไปถึง "นายกลุงตู่" แต่ตอนหลังโดนต้อนหนักๆ ขณะที่ลุงตู่ ชักไม่พอใจที่ถูกอ้างชื่อ ก็แว่วว่าขบวนการนี้อ้างคนที่ใหญ่กว่านายกฯ ลากเอา"หลังบ้านลุงตู่" ออกมาข่มฝ่ายตรงข้าม และบอกกันอย่างไม่เกรงใจ อาคมนั้นเป็น รมว.ของหลังบ้านลุงตู่ ... ไม่ได้งานนี้งานเดียวหลังๆ อ้างบ่อยอ้างกันหลายเรื่อง ... เล่นใหญ่กันอย่างนี้ หลังบ้านลุงตู่จะแฮปปี้มั้ย ไม่ต้องไปรอถาม รมว.อาคม เพราะเสียงลือลอยไปในอากาศที่ขมุกขมัว ฝ่าหมอกพิษ แว่วว่าตอนนี้หลังบ้านลุงตู่ ชักไม่พอใจบ้างแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น