xs
xsm
sm
md
lg

วาทกรรม “เจ๊หน่อย” อยู่กับเรากระเป๋าตุงฯ กับคำถาม “ตุง” แบบไหน!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เมืองไทย 360 องศา

มาตามแนวถนัดกับความพยายามคิดค้นวาทกรรมออกมาเรียกร้องความสนใจอยู่เสมอสำหรับคนในพรรคเพื่อไทย ล่าสุด “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย พยายามเน้นย้ำคำพูดในแบบที่ว่า “อยู่กับเรากระป๋าตุง อยู่กับลุงกระเป๋าแฟบ” ฟังเผินๆ ตอนแรกๆ ก็มันดี มีความอธิบายในตัวเองในแบบ “โชว์เหนือ” ให้เห็นว่าในยุคของเรา หรือหากจะเลือกพรรคของเราเป็นรัฐบาลก็จะมีกินมีใช้ มีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นทุกวัน ไม่จนกรอบเหมือนกับในยุค “ลุง” (ตู่) อย่างในปัจจุบัน

ฟังดูก็เหมือนกับว่าเมื่อพูดแล้วชาวบ้านติดหูนำไปขยายผลซึ่งน่าจะได้ผลบ้าง แต่กลายเป็นว่ามันยังไม่เปรี้ยงปร้าง หรือยัง “ไม่ปัง” อยู่ดี เพราะเมื่อมีการสำรวจตรวจสอบดูแล้วถือว่า “ยังแผ่วเบา” อยู่มาก สาเหตุอาจเป็นเพราะกระแสของพรรคเพื่อไทยในยุคปัจจุบันแผ่วลงไปมากแล้วก็ได้เมื่อเปรียบเทียบกับยุคก่อนหน้านี้ หรือก่อนยุค “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือก่อนที่มีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ในความเป็นจริงจะว่าไปแล้ว พรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่พรรคที่แตกตัวออกไป (ตามแผน) ไม่ว่าจะเป็นในชื่อไทยรักษาชาติ หรือชื่อใดก็ตามเวลานี้ถือว่า “ไม่มีอะไรใหม่” ไม่มีอะไรที่โดดเด่นให้ฮือฮา ไม่เชื่อก็ลองพิจารณาจากตัวบุคคลโดยเฉพาะ “พรรคแม่” อย่างพรรคเพื่อไทย ที่เวลานี้แกนหลักล้วนแต่เป็นคนหน้าเดิม เก่า (แก่) แทบทั้งสิ้น ที่สำคัญที่ผ่านมาคนพวกนี้ไม่เคยมีความคิดในเชิงนโยบายที่ก้าวหน้าแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะพวกเขาล้วนเคยชินกับการอยู่ใต้ร่มเงาของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ออกมาในแบบ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”

ขณะเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบกับพรรคอื่น ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ในยุคปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่อย่างน้อยก็มีความเคลื่อนไหวในเรื่องนโยบายที่นำเสนอออกมาให้เห็นตลอดเวลา ล่าสุดในวันครู 16 มกราคม พวกเขาก็เสนอนโยบายในการช่วยเหลือคุณครูออกมาเป็นแพกเกจ พรรคภูมิใจไทยก็มีออกมาอย่างต่อเนื่อง หรือแม้แต่พรรคพลังประชารัฐที่เน้นในเรื่องการสานต่อนโยบายประชารัฐ เรื่อง “บัตรสวัสดิการ” เป็นต้น ซึ่งแต่ละพรรคก็นำเสนอมาให้พิจารณา ส่วนจะโดนใจชาวบ้านหรือไม่นั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง

แต่คำถามคือแล้วพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงพรรคไทยรักษาชาติที่ถูกมองว่าเป็นพรรคสาขา กลับไม่เคยเห็นการนำเสนอนโยบายออกมาให้เห็นเลย หรือแม้แต่ “แย้มๆ” ออกมาบ้างก็ยังไม่มี นอกจากมีแต่คำพูดเหน็บแนม โจมตีคนอื่น หรือคำพูดแบบว่า “อยู่กับเรากระเป๋าตุง อยู่กับลุงกระเป๋าแฟบ” ซึ่งจะแฟบจริงหรือไม่ยังไม่รู้ รู้แต่ว่าเมื่อตอนอยู่กับพรรคเพื่อไทยในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ออกนโยบายรับจำนำข้าวทุกเมล็ดนั้นกระเป๋าใครตุงกันแน่ แล้วคนที่กระเป๋าตุงจริงๆ นั้นเผ่นไปนอกกันหมดแล้วใช่หรือไม่ ปล่อยให้พวกลิ่วล้อที่ “กูพูดไม่ได้” ต้องติดคุกรับกรรมอยู่ในเวลานี้หรือเปล่า

หากให้สรุปกันตามความเป็นจริงในเวลานี้ ถือว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคเครือข่ายและพรรคบริวารล้วนไม่มีนโยบายที่โดดเด่นมานำเสนอออกมาให้เห็นเลย มีแต่คำพูดโจมตีด่าทอเหน็บแนมฝ่ายตรงข้าม หรือไม่ก็ประเภทสถาปนาตัวเองว่าเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” ซึ่งก็น่าจับตาอย่างยิ่งว่านี่อาจเป็นประชาธิปไตย “สายพันธุ์ใหม่” ที่ใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องพิสูจน์ในการวัดความเข้มข้น

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งมันก็น่าเห็นใจเหมือนกันหากมองกันว่าจุดขายของพรรคเหล่านี้ คือนโยบาย “ประชานิยม” แต่เมื่อภายใต้กติกาใหม่มีการบังคับให้ต้องชี้แจงที่มาที่ไปของนโยบายว่าทำได้จริงหรือไม่ ผิดวินัยการคลังหรือไม่ ไม่ใช่คิดจะเสนออะไรแบบส่งเดช-เกทับฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ก่อน เหมือนกับโครงการรับจำนำข้าวที่ถือว่า “ปิดตาย” ไปแล้ว หรือแม้แต่นโยบาย 30 บาท ที่เวลานี้ก็ถูกแทนที่ด้วยการรักษาฟรีไม่ต้องเสียสักบาทแล้ว

แม้ว่าในที่สุดแล้วทุกพรรคการเมืองต้องนำเสนอนโยบายมาแข่งขันกัน พรรคเพื่อไทยก็ต้องนำเสนอออกมาจนได้ แต่ในเมื่อโครงการประชานิยมประเภทลดแลกแจกแถมถูกเข้มงวดตรวจสอบจากกติกาใหม่ มันก็ทำให้ “คิดใหม่ทำใหม่” ในแบบที่เคยเป็นทำได้ยากเหมือนกัน แต่เท่าที่เห็นในเวลานี้มันมีแต่ “ขายของเก่า” สร้างวาทกรรมให้ชาวบ้านเชื่อแค่ว่าอยู่กับเราแล้วจะดีกว่า หรือที่ว่า “กระเป๋าตุง”

แต่คำถามก็คือ “ใครตุง” และ “ตุงแบบไหน” กันแน่!


กำลังโหลดความคิดเห็น