กกต.ยันใช้เวลา 45 วันประกาศรับรองผลดำเนินการได้ หากเลือกตั้ง 24 มี.ค. “จรุงวิทย์” แจงวิธีหาเสียงอะไรทำได้ไม่ได้ เตือนผู้สมัครกดไลก์-กดแชร์โพสต์ใส่ร้ายเสี่ยงใบแดง ติดป้ายหาเสียงเกินคุก 6 เดือน ช่วยซองงานบุญงานศพ วางหรีดดอกไม้ สุ่มเสี่ยงถูกตีความซื้อเสียง เจ้าของสื่อเอื้อหาเสียงเจอคุกอ่วม
วันนี้ (16 ม.ค.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้แจงกรณีราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ส.ส. และประกาศ กกต. จำนวน 9 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการเลือกตั้ง โดยระเบียบดังกล่าวจะใช้บังคับเมื่อ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งมีผลใช้บังคับ ทั้งนี้ การออกระเบียบดังกล่าว กกต.คำนึงถึงการที่กฎหมายกำหนดให้การหาเสียงของผู้สมัครและพรรคการเมืองต้องเป็นไปอย่างเท่าเทียมกัน อีกทั้งให้รัฐสนับสนุนการหาเสียงให้พรรคการเมือง จึงทำให้ กกต.กำหนดค่าใช้จ่ายแบบแบ่งเขตไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และแบบบัญชีรายชื่อไม่เกิน 35 ล้านบาท
โดยรายละเอียดของวิธีหาเสียงที่น่าสนใจ ในเรื่องโซเชียลมีเดียกำหนดให้ผู้สมัครหาเสียงได้ทั้งในเฟซบุ๊ก ไลน์ และแอปพลิเคชันต่างๆ โดยคิดเป็นค่าใช้จ่ายซึ่งผู้สมัครต้องแจ้งต่อ กกต.ก่อนการหาเสียง เพื่อป้องกันการแอบอ้าง อวตาร หรือการสวมรอยสวมชื่อเฟซบุ๊กแล้วนำไปใช้หาเสียงโจมตีผู้อื่น หาก กกต.ตรวจสอบพบจะได้แจงไปยังผู้สมัครให้ลบทิ้ง ถ้าไม่ลบ กกต.จะดำเนินการเอง กรณีหาตัวไม่ได้ก็ลบออกจากโซเชียลมีเดียเช่นกัน เพราะกรณีเช่นนี้ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งทำให้เสียหาย
“ประเด็นโซเชียลมีเดีย ประธานให้ความสำคัญจะลงมาดูแลเอง สำนักงาน กกต.ก็ตั้งวอร์รูมตรวจสอบ และทำความตกลงกับเจ้าของเว็บไซต์ เว็บเพจ เช่น เฟซบุ๊ก ยูทูป เมื่อพบมีการโพสต์ข้อความไม่ถูกต้อง ใส่ร้ายป้ายสีจะประสานให้ผู้โพสต์ลบทิ้ง หากไม่ลบจะประสานให้กระทรวงดิจิทัลฯ ดำเนินการ กรณีเป็นการโพสต์มาจากต่างประเทศจะประสานตัวแทนในประเทศไทยให้ลบ หากเป็นเว็บใต้ดินหาที่มาไม่ได้ก็จะลบเลย แต่เตือนไปยังผู้สมัครให้ระวังการกดแชร์ กดไลก์ กองเชียร์ กองแช่งมีเยอะ เพราะถ้าเป็นการกดแชร์หรือไลก์ข้อความใส่ร้าย นอกจะผิดอาญาข้อหาหมิ่นประมาทแล้ว ยังจะมีความ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และผิดกฎหมายเลือกตั้ง มีโทษใบแดง”
เมื่อถามถึงนายทักษิณ ชินวัตร จะจัดรายการ “กู๊ดมันเดย์” ซึ่งอาจมีเนื้อหาช่วยหาเสียงให้แก่บางพรรคสามารถทำได้หรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์หลีกเลี่ยงที่จะตอบ โดยอ้างว่าถ้าเป็นเรื่องของการกระทำว่าอย่างนี้แล้วผิดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตีความ จะให้มาตอบในขณะนี้คงไม่ได้ ยกเว้นเป็นคดีขึ้นมาเราก็จะไปตรวจสอบ
ส่วนการติดป้ายประกาศหาเสียงเลือกตั้ง ผู้สมัครสามารถจัดทำป้ายขนาดเอ 3 จำนวนไม่เกิน 10 เท่าของหน่วยเลือกตั้ง หรือประมาณ 270 ต่อเขตเลือกตั้ง ส่วนป้ายขนาด 130 X 245 ซม. ติดได้ไม่เกิน 2 เท่าของหน่วยเลือกตั้ง หรือ 540 แผ่นต่อเขตเลือกตั้ง ซึ่งป้ายทั้ง 2 แบบดังกล่าวจะติดได้ในสถานที่ที่ ผอ.กกต.เขต กำหนดเท่านั้น
ส่วนแผ่นป้ายหาเสียง ขนาด 400 X 750 ซม. ติดได้ที่หน้าที่ทำการพรรคหรือสาขาพรรค เขตเลือกตั้งละ 1 ป้าย และขอให้พึงระวัง อย่าพิมพ์หรือติดป้ายเกินเพราะอาจถูกคู่แข่งไปแจ้งความ เนื่องจากมีโทษทางอาญา จำคุกไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนป้ายติดรถหาเสียงและเวทีหาเสียงจะถูกควบคุมด้วยค่าใช้จ่าย เนื้อหาและรูปภาพในป้ายหาเสียง เช่น คำขวัญ นโยบาย รูปของผู้สมัคร กรรมการบริหารพรรค และผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯ หัวหน้าและสมาชิกพรรคเท่านั้น ส่วนใบปลิวและวีดิทัศน์ห้ามโปรยห้ามวาง ต้องแจกกับมือผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น ส่วนผู้ช่วยหาเสียงหรือคนเดินแจกใบปลิว ตามระเบียบฯให้ผู้สมัครแบบแบ่งเขตมีผู้ช่วยหาเสียงได้ไม่เกิน 20 คน พรรคการเมืองละไม่เกิน 10 เท่าของเขตเลือกตั้งที่ส่งผู้สมัคร อนุญาตให้เปลี่ยนได้ไม่เกิน 3 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1 ใน 3 เพราะผู้ช่วยหาเสียงต้องรับค่าแรง กฎหมายจึงต้องป้องกันการเอาเงินค่าซื้อเสียงไปแบ่งให้ผู้ช่วยหาเสียง และป้องกันคนที่มีทุนเยอะ มีเงินจ้างผู้ช่วยหาเสียงได้มาก
เลขาธิการ กกต.กล่าวด้วยว่า การหาเสียงทางวิทยุ และโทรทัศน์ ผู้สมัครจะพรรคดำเนินการเองไม่ได้ กกต.จะจัดสรรเวลาออกอากาศให้ พรรคละไม่เกิน 10 นาที การดีเบตประชันนโยบายของพรรคการเมือง มีการจัดเป็นกลุ่มพรรคการเมือง 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นพรรคที่ส่งผู้สมัครตั้งแต่ 300-350 เขต กลุ่มที่ 2 ส่งผู้สมัครตั้งแต่ 200-299 เขต และกลุ่มที่ 3 ส่งผู้สมัครตั้งแต่ 199 เขตลงมา ซึ่งในส่วนของสถาบันการศึกษาหรือองค์กรวิชาชีพต่างๆ ก็สามารถจัดดีเบตได้ แต่ต้องยึดหลักความเท่าเทียมกันดังกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีบางพรรคการเมืองมีเครือข่ายเป็นเจ้าของสื่อโทรทัศน์และให้น้ำหนักนำเสนอข่าวให้กับบางพรรคจะทำอย่างไร พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า หากมีการร้องเข้ามากกต.ต้องไปตรวจสอบ สำหรับเจ้าของสื่อกฎหมายเขียนห้ามไว้แล้ว การนำเสนอข่าวต้องเท่าเทียมกันทุกพรรคการเมือง ทำข่าวได้ แต่ใช้หาเสียงไม่ได้
พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวอีกว่า ส่วนลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงห้ามผู้สมัคร ห้ามผู้สมัครพรรคการเมืองใช้ผู้ประกอบอาชีพ เจ้าของกิจการวิทยุโทรทัศน์ สื่อมวลชน สื่อโฆษณา เอื้อประโยชน์ในการหาเสียงให้กับตน เว้นแต่ถ้าบุคคลนั้นเป็นผู้สมัครสามารถใช้ความรู้ความสามารถทางศิลปะของตนเองในการหาเสียงได้ แต่ต้องไม่ใช้อุปกรณ์ในการแสดง กรณีการช่วยซองงานบุญ งานบวช หรืองานศพ แม้จะเป็นงานตามประเพณีนิยมหรือเป็นจารีตประเพณีปกติก็ไม่สามารถทำได้ แม้แต่การวางพวงหรีดดอกไม้ ก็ทำไม่ได้เพราะเป็นทรัพย์สินที่ตีเป็นมูลค่าได้ อาจเข้าลักษณะหาเสียง และเป็นพฤติการณ์ที่สุ่มเสี่ยง
พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวถึงเรื่องการขอใช้สถานที่ราชการในการหาเสียงของพรรคการเมืองว่า สามารถทำได้ แต่เจ้าของสถานที่ก็ต้องให้ทุกพรรคสามารถใช้สถานที่ได้อย่างเท่าเทียม และเจ้าของสถานที่ยังต้องวางตัวเป็นกลาง มีจิตสำนึกว่าตัวเองเป็นข้าราชการ ไม่ใช่ไปเดินช่วยแจกใบปลิวหรือขึ้นเวทีหาเสียง
เมื่อถามถึงกรณีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จะเชิญกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องถิ่น มาเตรียมความพร้อมในเรื่องการจัดการเลือกตั้ง เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่า กอ.รมน. ได้ประสานมายัง กกต.หรือไม่ แต่ กกต.ไม่มีอำนาจจะเข้าไปดูตรงนี้ และโดยปกติ กกต.เองก็มีหน้าที่จัดอบรมให้ความรู้กับหน่วยงานต่างๆ อยู่แล้ว แต่ลักษณะดังกล่าวจะเป็นการใช้อำนาจหน้าที่จูงใจให้เลือกพรรคใดพรรคหนึ่งหรือไม่ ก็ต้องติดตามดูกันต่อไป
พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณากำหนดวันเลือกตั้งว่า ขณะนี้ กกต.ยังรอการประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีเมื่อไหร่ ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้ประสานมา มีเพียงการประสานถึงงานพระราชพิธีว่าจะมีในวันใดบ้าง ในส่วนของ กกต.ได้พูดคุยกันว่าจะจัดการเลือกตั้งและประกาศผลภายใน 150 วัน นับแต่ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.ใช้บังคับ หรือภายใน 9 พ.ค. ส่วนถ้ามีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. ระยะเวลาการพิจารณาประกาศผลก่อนวันที่ 9 พ.ค. รวม 45 วัน ก็น่าเชื่อว่า กกต.สามารถทำได้ แม้ว่าระยะเวลาดังกล่าวค่อนข้างจะบีบและกฎหมายยังกำหนดให้กกต.ต้องรับฟังความเห็นของผู้ตรวจการเลือกตั้งว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตหรือไม่ด้วย
พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวถึงการยกร่างคำร้อง 4 รัฐมนตรีถือครองหุ้นสัมปทานรัฐขัดรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งยกร่างคำร้อง อย่างช้าไม่น่าเกินสัปดาห์หน้าจะเสนอให้ประธาน กกต.พิจารณาลงนามได้