เมืองไทย 360 องศา
แน่นอนว่า การเดินทางยกคณะไปภาคเหนืออีกรอบเที่ยวนี้ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กับการตรวจราชการและประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่จังหวัดเชียงใหม่ และ ลำปาง ในวันที่ 14-15 มกราคม เรียกว่าเป็นการเปิดฉากกันตั้งแต่ต้นปีใหม่กันเลย
สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คงยืนยันเหมือนกับทุกครั้ง ว่า “ไม่ใช่มาการเมือง” หรือ “มาหาเสียง” เพียงแต่ว่าจะมีใครเห็นคล้อยตามหรือไม่เท่านั้นเอง ตราบใดที่หลายคนยังเชื่อว่า เขา “จะไปต่อ” นอกเหนือจากว่าสุดท้ายแล้วจะประกาศว่า “พอแล้ว” เท่านั้นแหละที่จะทำให้คนเชื่ออย่างที่พูด
อีกทั้งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนว่าจะเอาหรือไม่เอา เพียงแต่บอกว่า “ยังมีเวลาตัดสินใจ” และตอนนี้พูดได้แค่ว่า “สนใจการเมือง” เท่านั้น ประกอบกับที่ผ่านมา มีพรรคการเมืองที่ประกาศตัวสนับสนุนให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งอย่างเต็มที่ รวมไปถึงกติกาต่างๆ ที่ออกแบบมาที่มองว่าเอื้อประโยชน์ให้เขาทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง
ดังนั้น นาทีนี้ตราบใดที่ “บิ๊กตู่” ยังไม่ประกาศท่าทีให้ชัดว่าจะต้องการไปต่อหรือไม่ คนก็ยังสงสัยอยู่วันยังค่ำว่าทุกการเคลื่อนไหวมันย่อมต้องมีการเมืองแฝงอยู่ไม่มากก็น้อย ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ที่ชาวบ้านจะเข้าใจแบบนั้น หรือฝ่ายตรงข้ามจะมองแบบเดียวกันและรุมถล่มโจมตี เพราะถือว่า “เป็นคู่แข่ง”
ขณะเดียวกัน ในมุมของ “บิ๊กตู่” การที่ไม่รีบร้อนประกาศท่าทีให้ชัดมันก็เหมือนเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองซ้อนการเมืองอีกทีหนึ่ง เพราะจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีได้ไม่เต็มที่ แม้ว่าจะค่อนข้างมั่นใจว่าเขา"เอาแน่" แต่ตราบใดที่ยังไม่ชัด มันก็ยังทำได้ไม่ตรงเป้า ขณะเดียวกัน ในทางกลับกันแค่ยังไม่ประกาศท่าทีให้ชัดก็ยังเป็นแบบ “ตำบลกระสุนตก” ยังหนักขนาดนี้ เพราะแทบทุกพรรครุมถล่มกันแบบไม่ยั้ง
วกมาที่การเดินสายประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ประชุมมาแล้วหลายครั้งไปตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ สำหรับภาคเหนือที่หลักๆ แล้ว ถือว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง โดยก่อนหน้านี้เคยไปประชุมที่พะเยาและเชียงรายเมื่อปลายปีที่แล้ว
สำหรับพื้นที่ภาคเหนือแน่นอนว่าย่อมต้องได้รับการจับตามองเป็นพิเศษทุกครั้ง เพราะรับรู้กันอยู่ว่าในทางการเมืองย่อมเป็นพื้นที่ฐานเสียงหลักของ นายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวชินวัตร ผ่านทางพรรคการเมืองของพวกเขามาตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทยเรื่อยมาจนถึงพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี จะเป็นเพราะสาเหตุที่ นายทักษิณ ชินวัตร ต้องหลบหนีคดีทุจริตไปอยู่ต่างแดนนานนับสิบปีแบบต่อเนื่องกัน และล่าสุด ก็ยังมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวต้องหลบหนีตามไปอีกคน ก็ทำให้เหมือนกับว่าขาดช่วง “ตัวแทน” หรือหากเป็นหุ่นเชิดก็ “ไม่ใช่สายตรง” ประกอบกับเมื่อมาเจอคู่ต่อสู้กับ “บิ๊กตู่” ที่ทันเกม และมีทุกอย่างรอบตัว ทำให้ นายทักษิณ ต้องเจอศึกหนักที่สุดในทางการเมืองเท่าที่เคยเจอมา
ทั้งปรากฏการณ์ที่ทำให้เกิดการแยกสลายคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย การผลักดันให้คดีของนาย ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวเข้าสู่กระบวนการทางศาล ก็เหมือนกับเป็นชนักปักหลังเอาไว้ตลอดไป
ส่วนความเคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคเหนือเวลานี้ หากพิจารณาจากสภาพความเป็นจริง แม้ว่าความนิยมของ นายทักษิณ ชินวัตรและเครือข่ายจะยังมีอยู่สูง แต่หากเปรียบเทียบกับเมื่อสี่ห้าปีก่อนก็ต้องบอกว่าลดลงไปจากเดิมมากแล้ว
ขณะเดียวกัน สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สำหรับภารกิจขึ้นเหนือ ที่เชียงใหม่และลำปางเที่ยวนี้ก็รับรองว่าจะต้องยืนยันแบบเดิมว่า “ไม่ได้มาหาเสียง” หรือไม่ได้มาการเมือง แต่ก็คาดหมายไว้ล่วงหน้าไว้เลยว่าจะมีการอนุมัติโครงการสำคัญตามมามากมาย โดยเฉพาะการซื้อใจชาวบ้านในแบบ “จัดหนัก” แน่นอน อย่างน้อยก็เพื่อสร้างความจดจำให้ได้ ก่อนที่จะถึงช่วงเวลาสำคัญที่เขาจะตัดสินใจว่าจะเอาแบบไหน เพียงแต่ว่าเวลานี้ทุกคนก็คาดเดาล่วงหน้ากันไปแล้ว!!