“ทีม ปชป.พะเยา” ปลื้มเสียงตอบรับดี มั่นใจเจาะที่นั่งได้ เชื่อมีลุ้นถึงเหมาทั้ง 3 เขต หากสื่อสารนโยบาย ปชป.ตรงจุด “อนุพงษ์” เขต 1 ชูภาพ “คนรุ่นใหม่” สู้ศึก ขณะที่ “มาร์ค” มอบ “อัศวิน - ศิริวรรณ” ดูแลภาคเหนือทั้งภาค ไม่มีเจ้าภาพรายจังหวัด
นายอนุพงษ์ มาคำ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา เขต 1 (อ.เมือง-แม่ใจ) พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเลือกตั้งในพื้นที่ว่า ที่ผ่านมาส่วนตัวได้ลงพื้นที่ทำงานอาสาสมัครต่างๆมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีแล้วก่อนที่จะตัดสินใจเข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว ตามความฝันตั้งแต่เมื่อครั้งอายุ 18 ปีมีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก จนปัจจุบันอายุ 36 ปี ที่อาจจะยังเป็นผู้น้อยในวงการการเมือง แต่ก็ได้เก็บเกี่ยวความรู้ประสบการณ์และก้าวตามความฝันมาตลอด โดยเลือกเรียนปริญญาตรีในคณะรัฐศาสตร์ และคณะรัฐประศาสนศาสตร์ ในระดับปริญญาโท เพื่อให้ตรงสายเพื่อไล่ตามความฝันของเด็กหนุ่มลูกชาวนา หลังจากได้รับโอกาสขจากพรรคประชาธิปัตย์สถาบันการเมืองที่เก่าแก่ของบ้านเมือง พรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ที่ตนศรัทธามาตลอด 10 กว่าปี ให้เป็นผู้สมัคร ส.ส.ในครั้งนี้ ก็พร้อมที่จะอาสามารับใช้พ่อแม่พี่น้องชาวพะเยาบ้านเกิด อีกทั้งยังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในเวลาที่ลงพื้นที่เพื่อสอบถามปัญหาความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนด้วย

“ผมพร้อมแล้วที่จะนำความรู้และประสบการณ์ในการทำงานพร้อมกับแนวคิดนวัตกรรมและองค์ความรู้ใหม่ๆ กลับมาพัฒนาบ้านเกิด ด้วยหลักคิด "คนรุ่นใหม่ เข้าถึงปัญหา กล้าที่จะเปลี่ยน" สำหรับผมคำว่า คนรุ่นใหม่ ไม่ได้ใหม่ที่หน้าตาหรืออายุ แต่ใหม่ที่วิธีคิดซึ่งจะนำไปสู่วิธีการในทางปฏิบัติ ให้เราได้ก้าวข้ามสิ่งเดิม ๆ ที่ทำให้บ้านเมืองหยุดอยู่กับที่หรือการถอยหลังของประเทศชาติ ให้เราได้ก้าวข้ามสังคมของผู้นำคนโกง ก้าวผ่านผู้นำอำนาจนิยม มาก้าวไปด้วยกันกับผมและคนรุ่นใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ เราจะเดินเคียงข้างกัน จับมือกันเพื่อนำพาพะเยาบ้านเกิดของเราให้พัฒนาไกล สู่พะเยาเมืองน่าอยู่ควบคู่ไปกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยที่เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นายอนุพงษ์ ระบุ
นายอนุพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการทำงานของทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จ.พะเยา เราได้มีการประสานงานกันโดยตลอด ทั้ง นายกาจพล เอิบสุขศิริ ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 (อ.เชียงคำ-จุน-ภูซาง) ซึ่งท่านเป็นอดีตรองผู้ว่าฯพะเยา และเติบโตในสายงานราชการที่ จ.พะเยามายาวนาน รวมไปถึง นายมนัสศักดิ์ บุญมีตระกูล อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลสโมสรพะเยาเอฟซี ที่เขต 3 (อ.เชียงม่วน-ปง-ดอกคำใต้-ภูกามยาว) ที่ก็เป็นคนท้องถิ่นคลุกคลีกับชาวบ้าน ตลอดจนกิจกรรมสาธารณประโยชน์ และการส่งเสริมด้านกีฬามาอย่างต่อเนื่อง จึงถือว่าทั้ง 3 เบตเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์มีความหวังที่จะได้ที่นั่ง ส.ส. แม้จะมีเจ้าของพื้นที่จากพรรคอื่นจะเป็นผู้มากประสบการณ์ แต่ก็มีบางส่วนที่ย้ายสังกัดพรรค อาจทำให้ฐานเสียงของคู่แข่งกระจัดกระจาย จึงเป็นโอกาสที่ดีของทีมพรรคประชาธิปัตย์ในการเร่งทำคะแนน เชื่อว่าหากสามารถสื่อสารให้ชาวบ้านเข้าใจในนโยบายของพรรคได้ อาทิ เกิดปั๊บรับแสน สวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 1,000 บาท/ต่อเดือน เบี้ยผู้มีรายได้น้อย 800 บาท/ต่อเดือน หรือการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินได้ ก็เชื่อว่าจะสามารถปักธงที่ จ.พะเยา ได้ หรืออาจจะสามารถชนะได้ทั้ง 3 เขตเลือกตั้งเลยทีเดียว
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวระบุว่า นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ จ.พะเยา ของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ในความเป็นจริง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้มอบหมายรองหัวหน้าพรรค 2 ราย ได้แก่ นายอัศวิน วิภูศิริ และนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ร่วมกันดูแลในพื้นที่ภาคเหนือโดยภาพรวม ไม่ได้แบ่งงานเป็นรายจังหวัด ส่วนกรณี นางมัลลิกา ในฐานะอดีตผู้สมัคร ส.ส.พะเยา นั้นอาจจะดูแลโดยตรงเฉพาะในส่วนของพื้นที่เขต 3 ที่ นายมนัสศักดิ์ น้องชายของนางมัลลิกาลงสมัครเท่านั้น.
นายอนุพงษ์ มาคำ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา เขต 1 (อ.เมือง-แม่ใจ) พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเลือกตั้งในพื้นที่ว่า ที่ผ่านมาส่วนตัวได้ลงพื้นที่ทำงานอาสาสมัครต่างๆมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีแล้วก่อนที่จะตัดสินใจเข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว ตามความฝันตั้งแต่เมื่อครั้งอายุ 18 ปีมีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก จนปัจจุบันอายุ 36 ปี ที่อาจจะยังเป็นผู้น้อยในวงการการเมือง แต่ก็ได้เก็บเกี่ยวความรู้ประสบการณ์และก้าวตามความฝันมาตลอด โดยเลือกเรียนปริญญาตรีในคณะรัฐศาสตร์ และคณะรัฐประศาสนศาสตร์ ในระดับปริญญาโท เพื่อให้ตรงสายเพื่อไล่ตามความฝันของเด็กหนุ่มลูกชาวนา หลังจากได้รับโอกาสขจากพรรคประชาธิปัตย์สถาบันการเมืองที่เก่าแก่ของบ้านเมือง พรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ที่ตนศรัทธามาตลอด 10 กว่าปี ให้เป็นผู้สมัคร ส.ส.ในครั้งนี้ ก็พร้อมที่จะอาสามารับใช้พ่อแม่พี่น้องชาวพะเยาบ้านเกิด อีกทั้งยังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในเวลาที่ลงพื้นที่เพื่อสอบถามปัญหาความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนด้วย
“ผมพร้อมแล้วที่จะนำความรู้และประสบการณ์ในการทำงานพร้อมกับแนวคิดนวัตกรรมและองค์ความรู้ใหม่ๆ กลับมาพัฒนาบ้านเกิด ด้วยหลักคิด "คนรุ่นใหม่ เข้าถึงปัญหา กล้าที่จะเปลี่ยน" สำหรับผมคำว่า คนรุ่นใหม่ ไม่ได้ใหม่ที่หน้าตาหรืออายุ แต่ใหม่ที่วิธีคิดซึ่งจะนำไปสู่วิธีการในทางปฏิบัติ ให้เราได้ก้าวข้ามสิ่งเดิม ๆ ที่ทำให้บ้านเมืองหยุดอยู่กับที่หรือการถอยหลังของประเทศชาติ ให้เราได้ก้าวข้ามสังคมของผู้นำคนโกง ก้าวผ่านผู้นำอำนาจนิยม มาก้าวไปด้วยกันกับผมและคนรุ่นใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ เราจะเดินเคียงข้างกัน จับมือกันเพื่อนำพาพะเยาบ้านเกิดของเราให้พัฒนาไกล สู่พะเยาเมืองน่าอยู่ควบคู่ไปกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยที่เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นายอนุพงษ์ ระบุ
นายอนุพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการทำงานของทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จ.พะเยา เราได้มีการประสานงานกันโดยตลอด ทั้ง นายกาจพล เอิบสุขศิริ ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 (อ.เชียงคำ-จุน-ภูซาง) ซึ่งท่านเป็นอดีตรองผู้ว่าฯพะเยา และเติบโตในสายงานราชการที่ จ.พะเยามายาวนาน รวมไปถึง นายมนัสศักดิ์ บุญมีตระกูล อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลสโมสรพะเยาเอฟซี ที่เขต 3 (อ.เชียงม่วน-ปง-ดอกคำใต้-ภูกามยาว) ที่ก็เป็นคนท้องถิ่นคลุกคลีกับชาวบ้าน ตลอดจนกิจกรรมสาธารณประโยชน์ และการส่งเสริมด้านกีฬามาอย่างต่อเนื่อง จึงถือว่าทั้ง 3 เบตเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์มีความหวังที่จะได้ที่นั่ง ส.ส. แม้จะมีเจ้าของพื้นที่จากพรรคอื่นจะเป็นผู้มากประสบการณ์ แต่ก็มีบางส่วนที่ย้ายสังกัดพรรค อาจทำให้ฐานเสียงของคู่แข่งกระจัดกระจาย จึงเป็นโอกาสที่ดีของทีมพรรคประชาธิปัตย์ในการเร่งทำคะแนน เชื่อว่าหากสามารถสื่อสารให้ชาวบ้านเข้าใจในนโยบายของพรรคได้ อาทิ เกิดปั๊บรับแสน สวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 1,000 บาท/ต่อเดือน เบี้ยผู้มีรายได้น้อย 800 บาท/ต่อเดือน หรือการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินได้ ก็เชื่อว่าจะสามารถปักธงที่ จ.พะเยา ได้ หรืออาจจะสามารถชนะได้ทั้ง 3 เขตเลือกตั้งเลยทีเดียว
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวระบุว่า นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ จ.พะเยา ของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ในความเป็นจริง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้มอบหมายรองหัวหน้าพรรค 2 ราย ได้แก่ นายอัศวิน วิภูศิริ และนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ร่วมกันดูแลในพื้นที่ภาคเหนือโดยภาพรวม ไม่ได้แบ่งงานเป็นรายจังหวัด ส่วนกรณี นางมัลลิกา ในฐานะอดีตผู้สมัคร ส.ส.พะเยา นั้นอาจจะดูแลโดยตรงเฉพาะในส่วนของพื้นที่เขต 3 ที่ นายมนัสศักดิ์ น้องชายของนางมัลลิกาลงสมัครเท่านั้น.