เมืองไทย 360 องศา
เมื่อสองสามวันก่อน ได้ยิน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลสำรวจของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) ที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาลครบ 4 ปีและของขวัญปีใหม่ที่ต้องการจากรัฐบาล พ.ศ. 2562
ผลสำรวจออกมาดังนี้ โดยนโยบาย โครงการที่ประชาชนรับรู้การดำเนินงานของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมามากที่สุด คือ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ร้อยละ 97.7 รองลงมา คือ การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ร้อยละ 96.5
สำหรับความพึงพอใจต่อการดำเนินงานของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานในภาพรวมอยู่ในระดับมาก-มากที่สุด ร้อยละ 59.7 พึงพอใจปานกลาง ร้อยละ 34.5 ขณะที่ไม่พึงพอใจเลยร้อยละ 0.7
และพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานของรัฐบาลมากที่สุด คือ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ร้อยละ 63.4 ขณะที่เรื่องที่ชุมชน หมู่บ้านได้รับความเดือดร้อนในรอบปี 2561 มากที่สุด คือ สินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาแพง ร้อยละ 41.7 รองลงมา คือ การทำเกษตรกรรม เช่น ราคาผลผลิตตกต่ำ ราคาปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืชราคาแพง ร้อยละ 34.9
ส่วนของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2562 ที่ต้องการจากรัฐบาลมากที่สุด คือ การแก้ไขปัญหาสินค้าอุปโภคบริโภค ไม่ให้มีราคาแพง ร้อยละ 48.0 รองลงมา คือ การแก้ไขปัญหาด้านการเกษตร เช่น ราคาพืชผลตกต่ำ ราคาปุ๋ยอาหารสัตว์แพง จัดหาตลาดรองรับ ร้อยละ 30.4 และความเชื่อมั่นในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในระดับเชื่อมั่นมาก-มากที่สุด ร้อยละ 55.9 เชื่อมั่นปานกลาง ร้อยละ 37.2 ขณะที่ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ 0.9
ที่น่าสนใจก็คือเป็นการสำรวจจากตัวอย่างจำนวน 6,250 คนทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคมถึงวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และจากการแถลงของโฆษกรัฐบาลดังกล่าวข้างต้นทำให้ทราบว่าการทำโพลครั้งนี้ของกระทรวงดีอีได้รับการเห็นชอบจากรัฐบาล เพราะในการแถลงครังนี้ทำให้ได้รับรู้ว่าเป็นการนำผลสำรวจมาให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับทราบ
ในความหมายก็คือรัฐบาลสั่งให้กระทรวงดีอีทำโพลแบบนี้ออกมานั่นเอง และขณะเดียวกันยังเชื่อว่าในคำถามคงไม่น่าจะมีแค่คำถามแบบนี้ออกมาแน่นอน เพราะไหนๆต้องถามแล้วคงต้องถามให้มากกว่านี้ และลึกลงไปมากกว่านี้ค่อนข้างแน่ อย่างเช่น "จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯอีกหรือไม่"เป็นต้น หรือจะเลือกพรรคใด ในเขตนี้จะเลือกผู้สมัครจากพรรคไหนเป็นต้น ซึ่งก็เป็นไปได้
อย่างไรก็ดีหากพิจารณาจากจำรวจตัวอย่างที่สุ่มสำรวจทั่วประเทศจำนวนมากกว่า 6 พันคนถือว่ามีความละเอียดและค่อนข้างจะเป็นทางการสูง ความเบี่ยงเบนจะมีน้อยกว่าการสำรวจทั่วๆไปมีจำนวนตัวอย่างเพียงหลักร้อยคน
ขณะเดียวกันยังเชื่ออีกว่า"ข้อมูลเด็ด"ที่ต้องการยังเก็บงำเอาไว้เป็นความลับ ส่วนที่แถลงออกมาก็เป็นเพียงข้อมูลพื้นๆ หรือต้องการ"ข่มฝ่ายตรงข้าม" เท่านั้น
โดยเฉพาะจากเรื่องนโยบาย"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ"หรือ"บัตรคนจน"ที่สร้างความพึงพอใจให้กับชาวบ้าน ซึ่งก็เหมือนกับการยืนยันถึงความรู้สึกของชาวบ้านจริงๆว่าเป็นอย่างไร ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกับการเปิดเกมรุกหาข้อมูลจริงในทางลึกเพื่อนำมาปรับจุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง เพื่อเตรียมรับศึกในอนาคตข้างหน้า อย่างน้อยก็นำมาประเมินว่าสมควรจะไปต่อหรือไม่
เหมือนกับการ จะทำศึกก็ต้องรู้เขารู้เรานั่นแหละ !!