xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ขอให้เที่ยวปีใหม่ปลอดภัย-เตรียมตัว “เปิดบ้าน” ทำหน้าที่ “ประธานอาเซียน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“ประยุทธ์” ขอให้คนไทยทุกคนเดินทางไป-กลับ เทศกาลปีใหม่ปลอดภัย เตรียมตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี ในฐานะ “ประธานอาเซียน” ช่วยกันสร้างความร่วมมือ ร่วมใจ เพื่อให้การประชุมต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ได้ผลอย่างที่มุ่งหวัง และความประทับใจจนอยากจะหวนกลับมาเยือนบ้านเราอีก

วันที่ 28 ธ.ค. เวลา 20.15 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า

ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ประเทศไทยของเราก็จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่การเป็น “ประธานอาเซียน” อย่างเป็นทางการ ในการทำหน้าที่ประธานอาเซียนนี้ ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกว่า 180 การประชุม ทั้งในกรุงเทพฯ และ ต่างจังหวัด ซึ่งจะส่งผลโดยตรงในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของประเทศได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ยังจะสร้างประโยชน์จากความร่วมมือด้านต่างๆ ให้กับพี่น้องประชาชนในหลากหลายกลุ่ม ทั้งภาคธุรกิจ ภาครัฐ และสถาบันการศึกษาต่างๆ ซึ่งการเดินทางเข้ามาเห็น เข้ามาสัมผัสกับคนไทย ธุรกิจไทย สถานที่ท่องเที่ยวไทย ก็จะเอื้อต่อการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจ และประชาชนได้ดีขึ้น

พี่น้องประชาชนชาวไทย ควรใช้โอกาสนี้ ในการช่วยกันผนึกพลังขับเคลื่อนให้ประชาคมอาเซียน มีความเติบโตก้าวหน้า มีนวัตกรรม สร้างอาเซียนให้เป็นหนึ่งเดียว มีความเชื่อมโยง ทั้งในและนอกภูมิภาค โดย “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เพื่อสร้างสังคมอาเซียนที่สงบสุข เข้มแข็ง และก้าวหน้า อย่างยั่งยืน

ผมขอแสดงความยินดีกับบุคคลที่ได้รางวัลบุคคลแห่งปี อาทิ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหาย ในอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน นาวาตรี สมาน กุนัน (จ่าแซม) อดีตนักทำลายใต้น้ำจู่โจม ซึ่งเป็นผู้มีจิตอาสา มาช่วยเหลือ 13 ชีวิต ทีมหมูป่า นายอาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน บอดี้สแลม) ในโครงการ “ก้าวคนละก้าว” เพื่อระดมทุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ขอให้พวกเราทุกคนได้ยกย่อง เป็น “ต้นแบบ” แห่งความดีงาม และความเป็นไทย ที่ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของเรา

สุดท้ายนี้ เนื่องในเทศกาลปีใหม่ ขอให้ทุกคนมีสุขภาพ สมบูรณ์ แข็งแรง มีสวัสดิภาพ ในการเดินทางไป-กลับ และ ทุกครอบครัวมีความสุข นะครับ สวัสดีครับ

คำต่อคำ : ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน [28 ธันวาคม 2561]

สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน เนื่องในโอกาสเทศกาล “ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่” ที่กำลังจะมาถึงนี้ ผมขออัญเชิญข้อความพระราชทานพร ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในบัตรอวยพรปีใหม่ ความว่า “สวัสดี สุขสันต์ สู่ปีใหม่ ด้วยการบำรุงรักษาสุขภาพอนามัย ด้วยร่างกายที่แข็งแรง จิตใจที่สดใสเข้มแข็ง ด้วยการเล่นกีฬาและออกกำลังกายในแบบต่างๆ”

ที่สะท้อนให้เห็นถึง พระองค์ท่านทรงให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว ความเอาใจใส่ต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ และหวังให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี ด้วยการออกกำลังกาย อันเป็นกิจรรมดีๆ ที่สมาชิกในครอบครัว สามารถทำร่วมกันได้ ทั้งที่บ้าน หรือสถานที่อื่นๆ

นอกจากนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทาน ส.ค.ส. เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่นี้ เป็นภาพฝีพระหัตถ์ “ปีกุน หมูอยู่ยั่งยืน” พร้อมข้อความพรปีใหม่พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย สรุปใจความได้ว่า “ให้คนไทยใช้ปัญญา ในการพิเคราะห์สิ่งต่างๆ”

ซึ่งผมขออัญเชิญ “พรอันประเสริฐ” ของทั้ง 2 พระองค์ มาเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต สำหรับพี่น้องประชาชนชาวไทย ทุกๆ คน โดยขอให้น้อมนำไปใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างความสงบ ความสุข สำหรับตนเองและครอบครัว

รวมทั้ง ประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติภารกิจน้อย ใหญ่ เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้า สำหรับสังคมและบ้านเมืองด้วยกันนะครับ ซึ่งผมเห็นว่าทั้งการออกกำลังกายและการดูแลรักษาสุขภาพ การใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา

อีกทั้งการให้ความสำคัญกับการสร้างความอบอุ่น มั่นคงของสถาบันครอบครัวนั้น จะเป็นประโยชน์อย่างมาก สำหรับพวกเราทุกคน ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงของโลกในวันข้างหน้าในมิติต่างๆ รวมไปจนถึงความผันแปรทางธรรมชาติ และทางเทคโนโลยีด้วยนะครับ

พี่น้องประชาชนที่เคารพ ครับ, อีกไม่กี่วันข้างหน้าแล้วประเทศไทยของเรา ก็จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่การเป็น “ประธานอาเซียน” อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 ไปจนครบหนึ่งขวบปีเต็ม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562

ซึ่งในโอกาสที่เลขาธิการอาเซียน เดินทางมาเยือนประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้จัดงาน “รวมใจประสาน สู่ประธานอาเซียน” ขึ้น ณ ทำเนียบรัฐบาล ถือเป็นการเปิดตัว และแสดงออกถึงความพร้อมของไทย สำหรับการเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า ด้วยความมุ่งมั่น

สำหรับการจัดงานครั้งสำคัญนี้ ได้รับความร่วมมือ ร่วมใจ จากผู้แทนทุกภาคส่วน ทั้งคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียน เยาวชน นักศึกษา ภาคเอกชน ศิลปิน ดารา ผู้มีชื่อเสียง นักกีฬา รวมไปถึง ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับอาเซียนโดยตรง ต่างได้มาร่วมกิจกรรม

ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันหรือเป็น “ทีมประเทศไทย” เพื่อร่วมมือกันขับเคลื่อนความร่วมมือด้านต่างๆ ของอาเซียน และเป็น “เจ้าบ้านที่ดี” ให้สอดคล้องกับแนวคิดหลัก ในการเป็นประธานอาเซียนของไทย ที่ตั้งไว้ ก็คือ “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน”

ทั้งนี้ อาเซียนถูกก่อตั้งขึ้นที่กรุงเทพฯ ในปี 2510 ซึ่งนับเป็นเวลากว่า 5 ทศวรรษมาแล้ว โดยอาเซียนได้เติบโต เป็นประชาคมในภูมิภาค ที่มีสันติภาพ และความมั่นคง โดยเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นลำดับ 6 ของโลก ที่มีแนวโน้มที่จะก้าวไปสู่ ลำดับที่ 4 ของโลก ภายในปี ค.ศ. 2030 หรือประมาณ 10 ปี ข้างหน้า

ซึ่งที่ผ่านมา อาเซียนมีบทบาทเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ และมีการค้าการลงทุนที่เติบโตขึ้นมาก ภายใต้ความตกลงอาเซียน อย่างไรก็ดี อาเซียนกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทาย หลายประเด็น อาทิ การแข่งขันทางการค้า เทคโนโลยีก้าวกระโดด อาชญากรรมข้ามชาติ ความเหลื่อมล้ำ และ ความเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างสังคมในภูมิภาค

ทำให้เราทั้ง 10 ประเทศ ต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น บนพื้นฐานของ “เอกภาพอาเซียน” และหลักการ “สามเอ็ม” (3Ms) ก็คือ การไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน (Mutual trust) ความเคารพซึ่งกันและกัน (Mutual respect) และ ผลประโยชน์ร่วมกัน (Mutual benefit) เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม สามารถรองรับความท้าทาย พร้อมทั้งเสริมสร้างความยั่งยืน ให้กับอาเซียน ในทุกมิตินะครับ

สำหรับการเป็นประธานอาเซียน นั้น นับเป็นโอกาสของประเทศที่จะเกิดขึ้นเพียง 1 ครั้งเท่านั้น ในทุกๆ 10 ปี โดยในช่วงเวลาหนึ่งปีนี้ ประเทศไทย และพี่น้องประชาชนชาวไทย ควรใช้โอกาสนี้ ในการช่วยกันผนึกพลัง ขับเคลื่อนให้ประชาคมอาเซียน มีความเติบโตก้าวหน้า มีนวัตกรรม สร้างอาเซียนให้เป็นหนึ่งเดียว มีความเชื่อมโยง ทั้งในและนอกภูมิภาค เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

รวมทั้งยกระดับบทบาทของประเทศไทยในภูมิภาค โดยการทำหน้าที่ประธานอาเซียน ของสิงคโปร์ ในปี 2561 ที่กำลังจะหมดลง นับได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในการขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนให้มีความเข้มแข็ง และ สร้างนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประเทศไทยจะสานต่อประเด็นที่อาเซียนได้ให้ความสำคัญในปีนี้

โดยเฉพาะเรื่องเครือข่าย “เมืองอัจฉริยะ” อาเซียน เพื่อจะสร้างความต่อเนื่องและ ให้เกิดผลอย่างยั่งยืน ให้กับประชาคมอาเซียน นอกจากนี้ ประเทศไทยจะมุ่งเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับภูมิภาค พยายามแก้ไขข้ออุปสรรคที่ทำให้ความร่วมมือต่าง ๆ เป็นไปอย่างล่าช้า ผลักดันให้เกิดผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว

รวมทั้งการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนใน ASEAN และภาคีภายนอก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอาเซียน อาทิ เป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และมองไปในอนาคต เพื่อให้เกิดการเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืน นะครับ

ผมขอเรียนว่า ในการทำหน้าที่ประธานอาเซียนนี้ ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกว่า 180 การประชุม ทั้งในกรุงเทพ ฯ เมืองหลัก และเมืองรอง “ทั่วประเทศ” นะครับ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของประเทศได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ยังจะสร้างประโยชน์ จากความร่วมมือด้านต่างๆ ให้กับพี่น้องประชาชนในหลากหลายกลุ่ม ทั้งภาคธุรกิจ ภาครัฐ และสถาบันการศึกษาต่างๆ ซึ่งการเดินทางเข้ามาเห็น เข้ามาสัมผัสกับคนไทย ธุรกิจไทย สถานที่ท่องเที่ยวไทย ก็จะเอื้อต่อการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจ และประชาชนได้ดีขึ้น

ผมจึงอยากขอให้คนไทยทุกคนเตรียมตัว “เปิดบ้าน” ของเราในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ให้การต้อนรับผู้นำและผู้เข้าร่วมประชุม ที่แขกต่างบ้านต่างเมือง ทั้งเพื่อนอาเซียน และประเทศคู่เจรจาอาเซียนจากทั่วโลก ทั้งนี้ก็เพื่อให้การประชุมต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ได้ผลอย่างที่มุ่งหวัง และยังสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือน จนอยากจะหวนกลับมาเยือนบ้านเราอีก

ซึ่งถือเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศ และการท่องเที่ยวได้ เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ผมขอให้ทุกภาคส่วนเข้าร่วมเป็นพลังของการขับเคลื่อนประชาคมอาเซียน ในทุกมิติ โดยร่วมกันผลักดันการพัฒนาอาเซียนไปพร้อม ๆ กับประเทศสมาชิก โดย “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เพื่อสร้างสังคมอาเซียนที่สงบสุข เข้มแข็ง และก้าวหน้า อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้การเป็นประธานอาเซียนนั้น ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาล จะสามารถขับเคลื่อนให้ลุล่วงเพียงฝ่ายเดียวได้ แต่ก็เป็นเรื่องของคนไทย “ทุกคน” นะครับ เราในฐานะคนไทยต่างมีส่วนที่จะช่วยสร้างความประทับใจให้ผู้มาเยือน ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินทางมาถึง ด้วยการให้บริการ และการแสดงน้ำใจ

อาทิ “อาเซียน เลน” สำหรับการบริการ และ การอำนวยความสะดวกในการเดินทาง การให้บริการอื่นๆ สำหรับอาคันตุกะ นอกจากจะต้องซื่อตรงแล้ว ควรคำนึงถึงความสะดวกสบาย สะอาด และ เป็นระเบียบเรียบร้อย ชาวบ้าน ร้านรวง ต่างๆ ต้องดูแลรักษาหน้าบ้านให้น่ามอง ไม่มีขยะ

ร้านอาหาร ร้านขายของซึ่งปัจจุบันทราบว่าพยายามรณรงค์ “งด ลด เลิก” พลาสติก-โฟม ได้เป็นจำนวนมาก พร้อมหันมาใช้วัสดุรีไซเคิล เพื่อลดปริมาณขยะ และลดโลกร้อน ซึ่งสอดรับกับแนวความคิดของไทย ในฐานะประธานอาเซียน ในครั้งนี้ด้วย ที่ต้องการจัดการประชุม แบบ “กรีน มีทติ้ง” เพื่อให้สมาชิกอาเซียน และคู่เจรจาทั่วโลก ที่มาเยือน ได้เห็นความร่วมมือ ร่วมใจ ของเรานะครับ

พี่น้องประชาชนที่รักครับ จากการที่ไทยจะเป็นประธานอาเซียน ในปีหน้านี้ รัฐบาลได้มีแผนงานโครงการจำนวนมากของหน่วยงานต่างๆ และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ตระเตรียมไว้ เพื่อ “ชาวอาเซียน” ในภาพรวมอาทิ การประกาศให้ปี 2562 เป็น “ปีวัฒนธรรมอาเซียน”

โดยกระทรวงวัฒนธรรมได้จัดทำแผนงาน กิจกรรม และโครงการต่างๆ ตลอดทั้งปี ทั้งในอาเซียน และทั่วโลก เพื่อส่งเสริมบทบาทของไทย และ เชิดชูเกียรติภูมิของอาเซียน ด้วยมิติทางวัฒนธรรม โดยมีประเทศไทย เป็นผู้ประสานงานความร่วมมือ กับ ประเทศสมาชิกอาเซียน และคู่เจรจา

และ เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมอาเซียน ในเวทีโลก อาทิ หนังสือวิวิธอาเซียนฉบับภาษาอังกฤษ และหนังสือ “มรดกอาเซียน มรดกโลก” ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม และทางธรรมชาติ ที่สำคัญของอาเซียน

เทศกาลภาพยนตร์อาเซียน เทศกาลหุ่นอาเซียน และเปิดตัวภาพยนตร์แอนิเมชั่น เรื่อง “รามเกียรติ์” (หรือ “รามายณะ”) อันเป็น “มรดกร่วม” ทางวัฒนธรรมของอาเซียน งานเทศกาลมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม มหกรรมวัฒนธรรมอาเซียน ในโอกาสเฉลิมฉลอง 237 ปี กรุงรัตนโกสินทร์

กิจกรรมวัฒนธรรมสัญจรอาเซียนสู่โลก โดยจะจัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมกัน ในยุโรป และเอเชีย รวมทั้ง นิทรรศการ ASEAN Street Food อีกด้วย

ทั้งหมดนี้ เรามีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ “มิติทางวัฒนธรรม” ในการส่งเสริมบทบาทของไทย ในฐานะประธานอาเซียน ภายใต้นโยบาย “การทูตทางวัฒนธรรม” เพื่อผสานอาเซียนให้เป็นหนึ่งเดียว ด้วยอัตลักษณ์ที่งดงาม และ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และ เชิดชูเกียรติภูมิของอาเซียน ให้โดดเด่นเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก

นอกจากนี้ จะเป็นการผนึกกำลังของประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อจะสร้างบทบาทเชิงรุกในประชาคมโลก ต่อไป ด้วยนะครับ

“พลังทางวัฒนธรรม” นั้น แม้จะเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ แต่เราสามารถจะรับรู้ได้ถึงพลานุภาพ อันยิ่งใหญ่ นอกจากจะสะท้อนให้ถึงความเป็นชาติแล้ว ยังเป็นตัวชี้วัดความเข้มแข็งของคนในชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ทรัพยากรมนุษย์” ได้อีกด้วย

ดังนั้น ผมรู้สึกเป็นเกียรตินะครับ ที่ได้เป็นประธาน ในพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณสุดยอดวัฒนธรรมสร้างสรรค์แห่งปี พ.ศ. 2561 และ ขอหยิบยกมากล่าวซ้ำอีกครั้ง เพื่อย้ำเตือนถึงความสำคัญ ของ แต่ละรางวัล อาทิ รางวัลบุคคลแห่งปี ที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์นำมาซึ่งชื่อเสียง และภาพลักษณ์ ของประเทศไทย และ ปฏิบัติตนเป็นที่ยอมรับของสังคม

ได้แก่ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) คนไทยคนแรก ที่ได้รับรางวัลผู้อุปถัมภ์ UNHCR ด้านสันติภาพ และเมตตาธรรม ศาสตราจารย์ ประเสริฐ ณ นคร เป็นผู้ชำระประวัติศาสตร์ แปลศิลาจารึก ศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ผู้สร้างวัดร่องขุน ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมไทย ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และ เป็นที่รู้จักทั่วโลก

โดยได้รวบรวมพลังศิลปิน ขัวศิลปะเชียงราย เขียนภาพ The Hero และ สละกำลังทรัพย์จัดตั้งพิพิธภัณฑ์จ่าแซมที่อุทยานถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน อีกด้วย

นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหาย ในอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ซึ่งได้ทำงานอย่างทุ่มเท เสียสละ เป็นนักบริหารจัดการที่ดี สามารถช่วยเหลือ 13 ชีวิต ทีมหมูป่าออกมาจากถ้ำหลวงได้อย่างปลอดภัย ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ

นาวาตรี สมาน กุนัน (จ่าแซม) นะครับ อดีตนักทำลายใต้น้ำจู่โจม ซึ่งเป็นผู้มีจิตอาสา มาช่วยเหลือ 13 ชีวิต ทีมหมูป่า จนหมดสติ และเสียชีวิตลง นับว่าเป็นผู้กล้า ผู้เสียสละ เป็นวีรบุรุษแห่งถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ที่ยิ่งใหญ่

และ นายอาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน บอดี้สแลม) นะครับ ต้นแบบของเด็กและเยาวชน และประชาชน ในการช่วยเหลือสังคม มีผลงานที่โดดเด่นในโครงการ “ก้าวคนละก้าว” เพื่อระดมทุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และ สร้างโรงพยาบาลเป็นเงินมากกว่า 1,000 ล้านบาท ทำให้ประชาชนได้รับการบริการด้านสาธารณสุขอย่างทั่วถึง เป็นต้น

ทั้งนี้ ผมขอแสดงความยินดี และ ขอให้พวกเราทุกคนได้ยกย่อง เป็น “ต้นแบบ” แห่งความดีงาม และความเป็นไทย ที่ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของเรา

และ อยากประกาศแก่นานาประเทศ ทั่วโลกให้ได้รับรู้ว่า “คนไทย” มีความรู้ ความสามารถ มีความรัก ความสามัคคี มีความเสียสละ มีจิตอาสา ที่สำคัญเราทุกคนต้องมีหัวใจที่เข้มแข็งในการทำความดีเพื่อสังคม โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

ซึ่งถือเป็นการสนองพระราชปณิธานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงได้พระราชทานโครงการจิตอาสา เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ ที่ทรงมีพระราชปรารถนา ให้ประชาชนชาวไทยเป็นผู้มี “จิตสาธารณะ” และ มีส่วนร่วมในการทำคุณประโยชน์แก่สังคม ชุมชน และประเทศชาติด้วย นะครับ

สุดท้ายนี้... เนื่องในเทศกาลปีใหม่ ที่พี่น้องชาวไทยทั้งประเทศ จะได้เฉลิมฉลองศกใหม่ กับครอบครัว และญาติมิตรตามวิถีไทย ที่งดงาม และ ครรลองของบ้านเมืองที่เหมาะสม ผมขอให้ผู้ที่ต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยว ขอให้เดินทางไป และกลับ โดยสวัสดิภาพ มีสติ ไม่ประมาท ไม่ดื่มสุรา และคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกคนเป็นที่ตั้งนะครับ

สำหรับชาวกรุงเทพ ที่ไม่ได้ไปไหนไกล นอกจากจะมีการจัดกิจกรรม Count down แล้วยังมีงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์” ณ พระลานพระราชวังดุสิต และสนามเสือป่าซึ่งมีกิจกรรมการกุศล มากมายเหมาะสำหรับการใช้เวลาร่วมกันของ “ทุกคน” ในครอบครัวนะครับ

นอกจากนี้ ผมขอแนะนำให้ลองไปท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และ พหุวัฒนธรรม อีกทั้ง การท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่ เกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นเกาะในแม่น้ำเจ้าพระยา

โดยเป็นถิ่นฐานของชุมชนชาวมอญที่รักษาขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมมอญไว้อย่างเหนียวแน่น นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมวิถีชีวิตชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา วัดสำคัญต่างๆ รวมทั้งการเลือกซื้ออาหารและ ผลิตภัณฑ์สินค้าต่างๆ ที่หลากหลาย โดยเฉพาะเครื่องปั้นดินเผา และ เซรามิกรูปร่างต่างๆ

นอกจากนี้ ยังเป็นชุมชนต้นแบบ “อารยสถาปัตย์” ตามโครงการ เกาะเกร็ดโมเดล ที่คนพิการ และทุกคนในสังคม สามารถดำรงชีวิต และเดินทางได้อย่างอิสระ สะดวก ปลอดภัย

สำหรับ “ของดีเมืองนนท์” นอกจากสวน “ทุเรียนนนท์” ที่มีชื่อเสียงแล้ว ก็ยังมีโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีที่มีเสน่ห์ จากภูมิปัญญา วิถีชีวิต วัฒนธรรม และ ความคิดสร้างสรรค์ สามารถแปลงเป็นอาชีพ สร้างรายได้

โดยมีเส้นทางท่องเที่ยวหมู่บ้าน OTOP นวัตวิถี 6 อำเภอ 30 หมู่บ้าน เชื่อมโยงการท่องเที่ยวใน 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางน้ำ เส้นทางธรรมชาติ และเส้นทางวัฒนธรรม นะครับ

อีกจังหวัด ที่ก็ไม่ไกลเลยนะครับ เป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และพหุวัฒนธรรมและ การส่งเสริมเส้นทางปั่นจักรยาน บริเวณ “คุ้งบางกะเจ้า” อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ

นับว่าเป็นแหล่งโอโซนใหญ่ในเมืองที่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด ยังมีสภาพเป็นป่าธรรมชาติ ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และ พรั่งพร้อมด้วยวิถีวัฒนธรรม ภูมิปัญญา

เคยได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทม์ส (Times) ให้เป็น “ปอดกลางเมือง” ที่ดีที่สุดของเอเชีย อีกด้วย อีกทั้ง ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น ป้อมพระจุลจอมเกล้า สถานตากอากาศบางปู เมืองโบราณ และฟาร์มจระเข้ เป็นต้น นะครับ

ขอบคุณนะครับ ขอให้ทุกคนมีสุขภาพ สมบูรณ์ แข็งแรง มีสวัสดิภาพ ในการเดินทางไป-กลับ และ ทุกครอบครัวมีความสุข นะครับ สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น