“เรืองไกร” ยื่นหลักฐานเพิ่ม อ้าง “สุรพร” รับ “อุตตม” ไม่ได้เป็นสมาชิกและผู้ก่อตั้งพรรคก่อนนั่งหัวหน้าพรรค เชื่อผิดชัด ส่งผลทำ “ประยุทธ์” ไม่ถึงฝัน แนะหาพรรคใหม่เสนอชื่อชิงนายกฯ เหน็บอยากให้ทำงานต่อจะได้รู้ตายคาเวทีการเมืองเป็นอย่างไร
วันนี้ (25 ธ.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ เดินทางมายื่นข้อมูลเพิ่มเติมต่อ กกต. กรณีก่อนหน้านี้ได้ยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องคุณสมบัติการเป็นหัวหน้าพรรคของนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือ พปชร. โดยนายเรืองไกรกล่าวว่า ข้อมูลที่นำมายื่นในวันนี้เป็นข้อมูลที่นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล กรรมการบริหารพรรค ยอมรับว่านายอุตตมไม่ได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและสมาชิกพรรคในวันที่พรรคพลังประชารัฐมีการประชุมใหญ่และเลือกนายอุตตมเป็นหัวหน้าพรรค ดังนั้นจึงถือว่านายอุตตมเป็นคนนอกที่มารับตำแหน่ง เข้าข่ายมาตรา 28 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ที่ห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกพรรคการเมืองเข้ามาครอบงำ ชี้นำการดำเนินงานของพรรคซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรค
“นายสุรพรอาจจะรีบออกมาโต้เร็วเกินไป เราก็แสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป ที่บอกว่า 13 ต.ค. ผมก็แก้ว่าเป็น 13 พ.ย. ส่วนที่บอกว่าเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญก็ไม่ใช่ เพราะเป็นกฎหมายพรรคการเมืองและระเบียบ กกต. ปี 60 รวมถึงแบบแนบท้ายระเบียบ ขอให้กลับไปดู พ.ก.3 และ พ.ก.4 ซึ่งท่านต้องเซ็นชื่อว่าได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารพรรค และต้องยืนยันความเป็นสมาชิกตามมาตรา 16 ซึ่งคำสั่ง คสช.ก็ไม่ใช่ เพราะคำสั่งที่ 53 อนุญาตให้พรรคการเมืองจัดตั้งใหม่หาสมาชิกได้เลย ส่วนพรรคเก่าให้แค่ยืนยันสมาชิกและจ่ายค่าบำรุงพรรคภายใน 30 วัน มิเช่นนั้นจะถือว่าหมดสิทธิการเป็นสมาชิกพรรค ไปย้อนดูได้เลยคำสั่ง คสช.มีเจตนารมณ์ชัดเจน”
ส่วนประเด็นที่ว่าตนมีนัยทางการเมืองจากการยื่นเรื่องดังกล่าวนั้น ยืนยันว่าตนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ได้รับลูกพรรคการเมือง สิ่งที่ตนทำ ไปคนเดียวมาคนเดียวไม่ให้ใครรู้ เพื่อไม่ให้ข้อมูลถูกนำไปใช้ก่อนมายื่นเรื่อง
“ถ้าผมมีวาระซ่อนเร้นจริงคงไม่มายื่นคำร้องเมื่อวาน จะรอให้พรรคเขาระดมทุนหาเงิน ส่งรายชื่อผู้สมัครลงรับเลือกตั้งหลัง พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้ต้นปี แล้วเสนอเชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีก่อนจึงค่อยร้อง แต่วันนี้ยังให้โอกาสพรรคพลังประชารัฐ จะถูกจะผิดอย่างไร กกต.มีหน้าที่ไปดำเนินการ ถ้าดำเนินการขาดตกบกพร่องไปก็ต้องแก้ไขหรือยกเลิก ส่วนที่ไปสมัครเป็นสมาชิกก็ช่วยไม่ได้ อ่านกฎหมายเหมือนๆ กัน และตอนนี้จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคอื่นก็คงไม่ทัน 90 วันแล้ว ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยความหวังดีถ้าอยากเล่นการเมืองก็ต้องหาพรรคใหม่ให้เสนอชื่อ เพราะจริงๆ แล้วคนอื่นอาจจะไม่อยากให้ท่านสืบทอดอำนาจ แต่ผมอยากให้ท่านทำงานต่อไป ไม่เช่นนั้นจะสร้าง ส.ว.250 คนทำไม และถ้าผมมีโอกาสเป็น ส.ส. อยากมีโอกาสตั้งกระทู้ซักถาม พล.อ.ประยุทธ์ ภาษาการเมืองเขาเรียกว่าท่านจะอยู่หรือจะตายบนเวทีการเมือง ไม่อยากให้ท่านไปเฉยๆ เพราะที่ผ่านมา 4-5 ปี เวทีแม่น้ำ 5 สายท่านก็พูดไปคนเดียว ผมต้องการให้ท่านเป็นนายกฯ ต่อ เพราะเวลาเป็นแล้วตอนผ่านกฎหมายฉบับแรก บนเวทีสภาที่มีผ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล มันเป็นอย่างไร”