xs
xsm
sm
md
lg

เสวนาเลือกตั้ง “สุขุม” ชี้ไร้อนาคตเพราะรู้ตัวนายกฯ “นิกร-วันนอร์” ค้านพรรคเดียวเบอร์เดียว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เสวนาเลือกตั้ง “สุขุม” ระบุ ไร้อนาคตเพราะรู้ตัวนายกฯแล้ว อ.จุฬาฯ มองนำสู่ 3 แพร่ง แนะ “บิ๊กตู่” เลิกทำรายการ “สดศรี” ห่วง กกต. ตำบลกระสุนตก แต่ไม่กล้าเจอความเสื่อม “นิกร-วันนอร์” ค้านพรรคเดียวเบอร์เดียว กกต. ยันมีอำนาจพิจารณาสังเกตการณ์

วันนี้ (18 ธ.ค.) สมาคมแห่งสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง จัดเสวนาเรื่องการเลือกตั้งคุณภาพกับอนาคตประเทศไทยภายหลังการเลือกตั้ง นายสุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า ตนผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้ง การเลือกตั้งปี 2500 ไม่มีคุณภาพ ไม่อนาคตที่สุด มีทั้งไพ่ไฟ พลร่ม รู้ล่วงหน้าว่าจอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องเป็นนายกฯแน่ๆ ดังนั้น การเลือกตั้งที่มีอนาคตคือ การเลือกตั้งที่เรามีสิทธิลุ้น แต่การเลือกตั้งที่จะมีขึ้น เรารู้แล้วว่าใครเป็นนายกฯ และยังมียุทธศาสตร์ 20 ปี ค้ำอยู่อีกชั้น คำว่าเลือกตั้งของบ้านเรา จึงไม่เหมือนที่อื่น เขาแค่เลือกให้มีผู้แทนฯมารับฟังเสียงประชาชน การเลือกตั้งจะขาดคุณภาพอย่างสูง เมื่อคนจัดการทำให้การเลือกตั้งบรรลัย เราจึงต้องการให้ กกต. เป็นอิสระ ที่ผ่านมา ผมตั้งความหวังกับ กกต. มาก เพราะอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ กกต. ทั้ง 7 คน จึงต้องแข็งขัน ไม่ใช่เป็น กกต. แล้วแต่ คสช. จะเรียกประชุม ถ้า กกต. ยอมให้คนอื่นเข้ามายุ่งใบประกันคุณภาพก็ไม่มีเหลือ

“การเลือกตั้งครั้งนี้ ให้เลือกผู้แทนฯ ส่วนนายกฯไม่ต้องห่วงจัดไว้ให้แล้ว แต่เชื่อได้ว่าคนที่เคยศรัทธานายกฯ ในรูปแบบที่ผ่านมา จะมองนายกฯไม่เหมือนเดิม ถ้าพลังประชารัฐไม่ชนะ ไม่ได้มาเป็นที่ 1 นายกฯก็ยังต้องพึ่งพิงอำนาจอำมาตยาธิปไตย อย่าลืมพรรคที่มีอยู่แล้ว 250 เสียง เขาต้องการอีกแค่ 176 เสียง ซึ่งได้แน่ ผมไม่คิดว่าพลังประชารัฐจะชนะ แต่เขามีเกิน 176 แน่นอน นายกฯจึงยังปลอดภัยในแง่บริหารโดยไม่ต้องพึ่งพิงนักการเมือง และทันทีที่รวมพรรค รวมคะแนนได้เป็นนายกฯ ก็จะมีคนยกป้ายให้เพิ่มอีก จากพรรคภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นพรรคทางหนีไฟ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ และถึงการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นแค่น้ำครึ่งแก้วก็ยังดีกว่าไม่มีเลย ถ้าตัดสินใจแบบอยู่กับปัจจุบันก็เลือกผู้แทนฯ แต่ถ้าคิดว่าการเลือกตั้งชี้อนาคตก็เลือกระหว่างจะให้สืบทอดอำนาจ หรือไม่ให้สืบทอดอำนาจ”

ด้าน นางสิริพรรณ นกสวน สวัสดี หัวหน้าภาควิชาการปกครอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือที่ออกไปในทาง 3 แพร่ง แพร่งแรก เป็นการเลือกตั้งที่มีคุณภาพเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย แพร่งที่ 2 การเลือกตั้งที่นำไปสู่เขาวงกต เป็นหน้ากากประชาธิปไตยของผู้นำอำนาจนิยม และแพร่งที่ 3 การเลือกตั้งจะเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตการเมืองรอบใหม่ ที่จะออกมาในรูปแบบใดขึ้นอยู่กับประชาชน และ กกต. ดังนั้น กติกาการเลือกตั้งที่ถูกสร้างขึ้นจะต้องมีคุณภาพ รวมถึงการสร้างเสถียรภาพให้พรรคการเมือง ไม่ใช่ทำให้พรรคแข็งแรงพรรคเดียว แต่ต้องทำให้พรรคมีระบบที่เป็นคุณภาพ ไม่ถูกควบคุมโดยฝ่ายบริหาร ข้อกังวลคือ หากประชาชนเลือกไปแล้ว เขาก็หวังให้พรรคที่มีเสียงข้างมากเป็นรัฐบาล แต่ชนชั้นนำทางการเมืองอาจต่อรองให้ผลการจัดตั้งรัฐบาลออกมาเป็นอีกอย่าง ถ้าเป็นอย่างนั้นจะลดทอนการมีส่วนร่วมของประชาชนในทางการเมือง ไม่เหลือสถาบันทางการเมืองใดเลยที่ประชาชนหวงแหนศรัทธา และอาจนำไปสู่วิกฤตการเมืองรอบใหม่

“ทุกวันนี้ รู้สึกสงสาร กกต. ที่ถูกตั้งคำถามตลอดว่าจะโกงมั้ย บัตรเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร โครงสร้างการเลือกตั้งที่ออกมา เป็นระบบจัดสรรผสม ไม่ส่งเสริมการแข่งขันของพรรคการเมือง ทำให้พรรคอ่อนแอ ตอบโจทย์คนที่ไม่ศรัทธาพรรค พรรคการเมืองอาจแก้ไขได้โดยตกลงกันจับสลากหมายเลขเพื่อเลือกเบอร์พรรคการเมืองเบอร์เดียวกันทั้งประเทศ ซึ่งจะทำให้ความเป็นสถาบันของพรรคการเมืองกลับมา โดยวิธีนี้พรรคต้องร่วมมือกับ กกต. ดัดหลังกฎหมาย”

รศ.สิริพรรณ ยังเห็นว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกฯ คนต่อไป ก็ควรเลิกรายการนายกฯพบประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเกินไป จนถูกตั้งคำถามถึงความชอบธรรม และไม่ควรให้การเลือกตั้งอยู่ในบริบททางการเมืองที่อยู่ภายใต้ ม.44 และทหารกับหน่วยความมั่นคง เชื่อว่า ประชาชนคาดหวังรัฐบาลผสมที่มีคุณภาพมีเสถียรภาพ และหวังให้นำนโยบายพรรคการเมืองมาใช้เพื่อตอบโจทย์ปัญหาต่างๆ

ขณะที่ นางสดศรี สัตยธรรม อดีตกรรมการ กกต. กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าการปฏิวัติของ คมช. มีบทบาทควบคุม กกต. มากกว่า คสช. แม้ที่ผ่านมาจะมี มาตรา 44 แต่ก็เชื่อว่า คำสั่ง คสช. ที่ 16/61 เรื่องแบ่งเขตเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่เราขอร้องเขามากกว่า เพราะเป็นเรื่องที่แก้ปัญหาลำบาก ส่วนประเด็นบัตรเลือกตั้งแบบโหล ที่หลุดออกมาเนื่องจาก กกต. จะทำบัตรยากมาก การพิมพ์บัตร 350 แบบ มีโอกาสพลาด ถ้าพลาด กกต. ทั้ง 7 คน ต้องโดนก่อน อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้ง กกต. ต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน

“กกต. กลายเป็นตำบลกระสุนตก บางครั้งอาจได้รับคำสั่งอะไรมา แต่ต้องใช้ดุลพินิจว่าคำสั่งใดจะทำให้ติดคุกหรือไม่ ถ้าติดคุกก็อย่าทำ ความกล้าเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อไม่กล้าความเสื่อมจะตามมา การทำงานครั้งนี้ กกต. ต้องแสดงฝีมือ อย่าให้เสียเปล่า ต้องชี้ขาดในสิ่งที่ถูกต้อง การเฉยไม่ทำให้สถานภาพของ กกต. ดีขึ้น อาจถูกมองว่าอ่อนแอ ไม่เป็นองค์กรอิสระอย่างแท้จริง ต้องจัดการเลือกตั้งให้สุจริต เที่ยงธรรม เพื่อชี้ชะตาบ้านเมือง ประชาธิปไตยจะเดินทางไปด้วยดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับ กกต.”

จากนั้นในช่วงท้ายได้เปิดให้ตัวแทนพรรคการเมืองแสดงความคิดเห็น นายนิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทย กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องให้พรรคการเมืองใช้เบอร์เดียวกันทั่วประเทศ เพราะในบางเขตเลือกตั้ง อาจมีผู้สมัครแค่ 5-6 คน จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีบัตรลงคะแนน 50-60 เบอร์ ซึ่งจะยากต่อการจดจำของประชาชน

ขณะที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า มั่นใจว่า ประชาชนกาถูกเบอร์ จึงไม่เห็นด้วยกับประเด็นพรรคเดียวเบอร์เดียว และอยากให้กรรมการใช้กติกาอย่างเข้มข้น การเลือกตั้งจะบริสุทธิ์และยุติธรรมไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้เล่น แต่เป็น กกต. ที่ต้องใช้งบมหาศาลในการจัดการเลือกตั้ง อีกทั้งเป็นผู้กำหนดอนาคตของประเทศ โดยตอนนี้ กกต. มีเขี้ยวเล็บแล้ว แต่ถ้ามีการเกรงใจกันการเลือกตั้งจะไม่สนุก อยากให้ กกต. เป็นวีรบุรุษ สร้างประชาธิปไตยของประเทศ

จากนั้น รองเลขาธิการ กกต. ได้ตอบข้อซักถามเกี่ยวกับการสังเกตการณ์เลือกตั้งขององค์กรระหว่างประเทศ ที่ผ่านมา กกต. ก็อนุญาตให้เข้ามา ไม่มีปัญหา และคิดว่า ถ้าเข้ามาก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน ซึ่งพิธีกรถามย้ำว่า อำนาจในการพิจารณาให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้งเป็นของ กกต. หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่ง นายเมธา ยืนยันว่า เป็นอำนาจ กกต. ที่สามารถพิจารณาได้เอง






กำลังโหลดความคิดเห็น