xs
xsm
sm
md
lg

“จุรินทร์” ชี้เลือกตั้งแค่เปลี่ยนผ่านยึดอำนาจโดย รธน. มีสิทธิ์ซ้ำรอยพฤษภาทมิฬ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
รองหัวหน้า ปชป.ชี้เลือกตั้ง 62 แค่เปลี่ยนผ่านยึดอำนาจโดยรัฐธรรมนูญ ระบุอำนาจคุมเลือกตั้งแท้จริงยังอยู่ในมือ คสช. ทำนายโอกาสเกิด “พฤษภาทมิฬภาค 2” ได้ อัดรัฐบาลดันนโยบายประชานิยมเรียกพี่ ทำเศรษฐกิจเหลื่อมล้ำ

วันนี้ (14 ธ.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีต รมว ศึกษาธิการ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวในเวทีการอภิปรายเรื่อง “การเมือง เศรษฐกิจ หลังเลือกตั้ง 62” ในงาน “THAILAND Smart Money” ของเครือหนังสือพิมพ์ดอกเบี้ย ที่เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ตอนหนึ่งในการตอบคำถามเรื่องสถานการณ์การเลือกตั้ง 62 ถือว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านประเทศสู่ประชาธิปไตยหรือไม่ โดยนายจุรินทร์กล่าวว่า การเลือกตั้งปี 62 ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านประเทศสู่ประชาธิปไตย แต่จะเป็นแค่การเปลี่ยนผ่านจากสถานการณ์การยึดอำนาจด้วยกำลังไปสู่การยึดอำนาจด้วยรัฐธรรมนูญที่ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ หรือที่เรียกกันว่าการสืบทอดอำนาจมากกว่า

“ขอย้ำว่าการเลือกตั้งปี 62 จะเป็นการเลือกตั้งภายใต้ประชาธิปไตยแค่ครึ่งใบ เพราะผู้มีอำนาจสูงสุดที่จะควบคุมการเลือกตั้งยังเป็น คสช. ไม่ใช่ กกต. และมาตรา 44 ก็ยังอยู่ตลอดการเลือกตั้ง ส.ส. การเลือกประธานสภา การเลือกนายกรัฐมนตรี ไปถึงการตั้ง ครม. จะพ้นต่อเมื่อรัฐบาลใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณเท่านั้น และสภาวการณ์เช่นนี้ยังจะอยู่ต่อไปอย่างน้อย 8 ปี หรือ 2 รัฐบาลเป็นอย่างน้อย เพราะบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญบังคับไว้ ซึ่งไม่ใช่บังคับเฉพาะเลือกตั้ง 62 ครั้งนี้เท่านั้น แต่ยังบังคับไปถึงการเลือกตั้งครั้งถัดไปหลังจาก 4 ปีของสภาชุดปี 62 อีกด้วย ซึ่งเลือกตั้งครั้งถัดไปหากอยู่ครบ 4 ปี ก็เท่ากับว่าสภาวการณ์ครึ่งใบยังสามารถอยู่ต่อไปได้ถึงอย่างน้อย 8 ปีนั่นเอง นอกจากจะมีการแก้รัฐธรรมนูญเกิดขึ้นซึ่งก็เป็นไปได้ยาก เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดเงื่อนไขให้แก้ยากยิ่ง นอกจากใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาแล้วยังต้องเห็นฟ้องต้องกันระหว่าง ส.ส.รัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา อีกทั้งยังต้องทำประชามติอีกด้วย การเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยภายใต้เงื่อนไขรัฐธรรมนูญนี้จึงเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งดังกล่าว”

ส่วนคำถามที่ว่าการเลือกตั้ง 62 จะเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างประเทศหรือขั้นตอนใหม่ของความขัดแย้งที่สั่งสมมาตลอด 4 ปีนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นได้ทั้ง 2 อย่าง หากเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม เป็นที่ยอมรับได้ของทุกฝ่าย การสร้างประเทศก็เริ่มต้นได้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปที่ คสช.บังคับไว้ ไม่งั้นจะโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มีโทษทางอาญา ส่วนจุดเริ่มต้นความขัดแย้งใหม่จะเกิดได้เมื่อมีการบังคับเลือกข้าง ข้างแพ้ไม่ยอมรับ หรือการเลือกตั้งไม่ยุติธรรม มีการโกงเลือกตั้ง ใช้อำนาจรัฐเอื้อบางพรรคการเมืองสู่การสืบทอดอำนาจ อาจนำไปสู่การปะทุความขัดแย้งถึงขั้นเกิดพฤษภาทมิฬภาค 2 ได้

ส่วนคำถามเรื่องความเหลื่อมล้ำ เศรษฐกิจฝืดเคือง รวยกระจุกจนกระจายนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ทุกคำถามที่ถามเป็นจริงทุกข้อเพราะนโยบายที่ผิดทางของรัฐบาล ทั้งนโยบายประชารัฐที่เอื้อทุนใหญ่ไม่กี่รายและนโยบายประชานิยมเรียกพี่ ที่มุ่งแต่ลดแลกแจกปลาอย่างเดียว นำไปสู่ความเหลื่อมล้ำที่ขยายตัวขึ้นจนเครดิตสวิสจัดลำดับไทยเป็นประเทศเหลื่อมล้ำที่สุดในโลก และแม้รัฐบาลจะออกมาโต้ว่าใช้ฐานข้อมูลเก่าปี 2549 เป็นฐาน แต่รัฐบาลกลับไม่บอกว่าตัวเลขการถือครองทรัพย์สินหรือความมั่งคั่งของคนรวยสุด ร้อยละ 1 ของประเทศไทยที่ถือครองความมั่งคั่งสูงถึงร้อยละ 66.9 นั้น เครดิตสวิสใช้ตัวเลขการถือครองทรัพย์สินที่นิตยสาร Forbes ประเมินทุกปีรวมถึงปี 2018 นี้ด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น