“ประยุทธ์” นำคณะเยือนบึงกาฬ ชาวบ้าน 5,000 คน แห่ต้อนรับ หยอดอากาศดียังกะสวิตเซอร์แลนด์ ขออย่าเอา 500 บาทไปซื้อผักบุ้งเพราะหาได้ข้างทาง อย่าสุรุ่ยสุร่าย ยอมรับเป็นนักการเมืองเต็มตัว ยอมตายคาเก้าอี้เพื่อ ปชช.
วันนี้ (12 ธ.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ จ.บึงกาฬ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ เดินทางมาที่สวนสาธารณะหนองบึงกาฬ และบึงสวรรค์ ตำบลบึงกาฬ เพื่อพบปะกับประชาชน และเยี่ยมชมผลงานการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลของจังหวัดบึงกาฬ เช่น โครงการถนนยางพาราและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากยางพารา เกษตรแปลงใหญ่ ข้าวครบวงจร ผลิตภัณฑ์ OTOP การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์หนองเลิง โครงการคืนถังขยะ โดยมีนายนิพนธ์ คนขยัน นายก อบจ.บึงกาฬ รอต้อนรับด้วย
โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับประชาชนที่มารอต้อนรับประมาณ 5,000 คน ว่าดีใจ ชื่นใจที่ได้เดินทางมาบึงกาฬแล้วมีความสุข แม้จะเป็นจังหวัดที่ 77 แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของทุกคนแล้วก็มีความสุข อากาศหนาวคล้ายกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เห็นรอยยิ้มและการต้อนรับซึ่งเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ใช่เป็นการมาต้อนรับเจ้าใหญ่นายโตที่ไหน เพราะนายกฯ ไม่ใช่เจ้าใหญ่นายโต ทุกคนมารับด้วยใจที่ถึงกัน การมาวันนี้ก็เพื่อรับทราบความเป็นอยู่ พร้อมรับฟังปัญหาต่างๆ ที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 13 ธันวาคมนี้
“วันนี้รัฐบาลมารับฟังปัญหาของทุกๆ คนทุกพวกทุกฝ่าย ใครส่งอะไรมาก็รับฟังทั้งหมด ขอเพียงอย่างเดียวอย่าไปเสนอความคิดเห็นกลางท้องถนน วันนี้กรุงเทพฯ เริ่มกันแล้ว ที่นี่จะมีหรือไม่ จะตั้งแถวเดินขบวนกันอีกหรือไม่ ขอร้องเถอะ ประเทศชาติจะเสียหาย ใครทำเราอย่าไปยอมรับ เพราะมันไม่ใช่กติกา ทุกอย่างมีช่องทาง ทุกประเทศก็แก้ปัญหากันแบบนี้ ไม่มีที่ไหนจะปิดถนน เรื่องเหล่านี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ตอนนี้เราอยู่ในช่วงวันที่จะต้องเปลี่ยนผ่าน เราต้องร่วมมือกันเดินหน้าประเทศ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลต้องคำนึงถึงคนทุกระดับ อย่าคอยแต่จะทะเลาะกัน อย่าปล่อยให้ใครมาปลุกว่ารัฐบาลเอื้อประโยชน์กับคนรวย เพราะล้วนเป็นกลไกของตลาดโลกและการค้าเสรี ดังนั้น จึงต้องดูแลภาคเกษตรให้มีรายได้เพียงพอ ประชาชนต้องฟังรัฐบาลในทุกช่องทาง อยากรู้อะไรก็สามารถเข้าไปในเว็บไซต์ของแต่ละกระทรวงได้ จากนั้นให้ไปถามเจ้าหน้าที่ โดยผู้ว่าฯ แล้วนายอำเภอต้องตอบคำถามให้ได้ ตอบไม่ได้ให้มาบอกตน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทั้งนี้ การเป็นประชาธิปไตยทุกคนจะต้องเดินไปด้วยกัน ตัดสินใจร่วมกันและเดินหน้าประเทศไปพร้อมกัน ไม่ใช่ขัดแย้งกันทุกเรื่อง จนทำอะไรไม่ได้ การที่รัฐฯ มีมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น เพื่อช่วยเหลือประชาชน เงินที่ได้ไปต้องใช้อย่างประหยัด อย่าไปกินเหล้า ต้องให้เงินถึงแม่บ้าน ขอให้ทุกคนซื่อสัตย์อยากใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย หรือรั่วหาย เพราะ 500 บาท มีความหมาย ไม่ใช่จะเอาไปซื้อผักบุ้งอย่างที่มีคนกล่าวหา เพราะผักบุ้งสามารถเก็บได้ข้างทาง ปลูกกินเองได้ ไม่ได้ให้ใช้อย่างสุรุ่ยสุร่ายหรือเสพสุข กินอะไรไปเรื่อย
“วันนี้เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้ ทั้ง อบต., อบจ.ที่เลือกเข้ามา ต้องมีความรู้ว่าวันนี้รัฐบาลกำลังขับเคลื่อนอะไรอยู่ ส่วนวันหน้าค่อยเลือกรัฐบาลหน้า แล้ววันนี้รัฐบาลนี้กำลังทำอะไรอยู่ ถ้ามันดีก็ช่วยกันทำต่อ อะไรถูกก็ต้องทำต่อ ไม่ใช่ต้องไปล้มล้างทุกอัน แต่สิ่งที่ต้องหยุดและแก้ไข คือ การทุจริตและทำผิดกฎหมาย เพราะถ้าไม่ปล่อยปละละเลยก็คงไม่มีความผิด ต้องยอมรับว่าทุกอย่างมีกติกา มีกฎหมาย หลายคนเป็นห่วงเรื่องปลดล็อก เมื่อวานได้ปลดล็อกแล้ว แต่ก็เริ่มมีการตั้งแถวตั้งขบวนชุมนุมต่อต้านด่ารัฐบาลกันแล้ว ถามหน่อยว่าทำไปเพื่ออะไร แล้วจะให้คนพวกนี้มาบริหารประเทศหรือ ก็สุดแล้วแต่พวกท่าน ผมไม่ว่าใครทั้งสิ้น แต่ท่านควรจะเอาทุกอย่างเป็นบทเรียน ซึ่งไม่ใช่บทเรียนของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว เป็นบทเรียนของประชาชนในชาติ ทำอย่างไรที่จะให้คนไม่ดีที่พูดให้ร้ายทั้งในและต่างประเทศหยุด ท่านอาจจะได้ประโยชน์จากที่ผ่านมา แต่รัฐบาลเสียประโยชน์ เช่น เก็บข้าวไว้ 4 ปี เน่าเสียขาดทุนไปเท่าไหร่ เป็นต้น”
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลทำทุกอย่าง การใช้เงินทุกก้อนยังไม่เกินที่กฎหมายกำหนด มีการประเมินการเงินการคลังหนี้สาธารณะไว้หมด และยังประเมินด้วยว่าวันนี้ถ้าจะให้มากกว่า 500 บาทจะให้ได้อย่างไร จะดูแลผู้มีรายได้ต่ำกว่า 1-3 แสนบาทต่อปีได้อย่างไร เพราะคนเหล่านี้มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์เสียภาษีทั้งสิ้น ทุกคนอย่าไปกลัวการเสียภาษี ถ้ามีรายได้เกิน 3 แสนบาทต่อปีต้องเสียภาษี พวกท่านไม่อยากมีเงินเกิน 3 แสนบาทต่อปีหรืออย่างไร กลัวเสียภาษีแต่ก็อยากมีเงิน มันไม่ได้ ต้องมีทั้งให้และรับ ภาษีทั้งหมดจะกลับมาที่รัฐบาลซึ่งจะเอามาดูแลประชาชนให้มากขึ้น วันนี้มีประชาชนหลายภาคส่วน คนไทยทั้งนั้น ถ้าไม่คิดแบบนี้จะไปไม่ได้ทั้งหมด
“ผมมาวันนี้ ถ้าเป็นนักการเมืองเต็มตัว ตอนนี้ผมจะบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้ เพราะผมบริหารประเทศ ถ้าเป็นนักการเมืองจะดีใจเพราะมีคนมารับเยอะ เรียกลุงตู่ ลุงตู่ รู้ไหมว่าผมเป็นทุกข์ แต่ผมยอมเป็นทุกข์ ยอมตายจากตรงนี้ ถ้าผมกลับไป ผมก็นอนคิดว่าทำไมเขาต้องมาหวังที่เรา ทำไมเขาต้องให้เราทำงาน เพราะเขามีความหวังไง เราต้องทำความหวังให้เป็นความจริง แต่เราจะมาหลอกลวงล่อลวงไม่ได้ โดยเฉพาะที่บอกว่าเดี๋ยวจะดีขึ้น จะทำไอ้นั่นไอ้นี่ เราต้องทำทีละขั้นทีละตอน ประชาชนต้องศึกษาสิ่งที่รัฐบาลทำมา” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องปัญหาพืชผลการเกษตรต้องแก้ภายในของเราให้ได้ ผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาด ทั้งนี้ การเก็บสต๊อกข้าวส่งผลให้ราคาข้าวตก วันนี้ 4 ปีรัฐบาลเอาข้าวออกมาขายได้หมด ส่วนที่ติดคดีก็ว่ากันไป วันนี้การตั้งราคากลางในการประกันราคา จำนำยุ้งฉางก็ต้องนำมาตรฐานราคามาเฉลี่ยและคิดราคาออกมา ขอให้คิดแบบนี้ อย่าคิดง่ายๆ ว่าได้เงินมาแล้วจะปลูกอะไรก็ได้ และคิดว่าจะต้องได้ราคาเท่านั้นเท่านี้ มันเสียไปหมดทั้งดิน พันธุ์ข้าว ราคาข้าวก็ตกหมด ถ้าสะสมไปวันหน้าจะทำอย่างไร เน้นปลูกเยอะจนเละไปหมด การจะลงทุนปลูกอะไรขอให้ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ใช้สมองและสติปัญญา ให้อุปสงค์และอุปทานเกิดความสมดุล