“ไผ่ ลิกค์” ทีมวราเทพ-กำแพงเพชร ไม่เป็นเพื่อนตายกับ “โอ๊ค พานทองแท้” ซบพรรคพลังประชารัฐแล้ว ขณะที่ที่"ไวพจน์"ขอโทษหากทำให้ขัดใจ แต่บ้านเมืองต้องก้าวข้ามความขัดแย้งและจากพรรคเพื่อไทยด้วยดี
วันนี้ (24 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่า ที่ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยังมีผู้ที่เดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคก่อนครบกำหนดเส้นตาย 90 วัน ในวันที่ 26 พ.ย. อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด มี นายไผ่ ลิกค์ หรือ “ไผ่ วันพอยท์” อดีต ส.ส. จังหวัดกำแพงเพชร พรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยมี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้การต้อนรับ
สำหรับ ไผ่ วันพอยท์ ถือเป็นเพื่อนสนิทของ นายพานทองแท้ ชินวัตร ที่ผ่านมา เขาเคยโพสต์ในอินสตาแกรม paionepoint พร้อมภาพถ่ายคู่นายพานทองแท้ โดยมีข้อความระบุว่า “คือเพื่อนกันเพื่อนตายตลอดไปปปปป 🙄🙄🙄🙄🙄🤘#
นอกจากนี้ ไผ่ วันพอยท์ ยังเดินทางไปพบ นายทักษิณ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่บ่อยครั้ง
สำหรับอดีต ส.ส.กำแพงเพชร กลุ่มนี้อยู่ในทีมเดียวกันกับ นายวราเทพ รัตนากร อดีตรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร และ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ ชินวัตร แต่ถูกศาลตัดสินจำคุกแต่รอลงอาญาในคดีหวยบนดิน ทำให้ขาดคุณสมบัติ ในการเป็นสมาชิกพรรคและลงสมัครรับเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำ นายอนุชา นาคาศัย แกนนำพรรคนำอดีตส.ส.กำแพงเพชร ได้แก่ นายไผ่ ลิกค์ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นายปริญญา ฤกษ์หร่าย นายอนันต์ ผลอำนวย นายสุรสิทธิ์ วงศ์วิทยานันท์มาสมัครเป็นสมาชิกพรรค มีนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ต้อนรับ
โดยนาย วราเทพ รัตนากร อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ได้นำทีมอดีตส.ส.เดินทางมาสมัครสมาชิกตามที่เป็นข่าว เนื่องจากเกรงว่าจะมีปัญหาเพราะยังติดเรื่องคุณสมบัติ ห้ามเป็นสมาชิกพรรคการเมือง
นายสุริยะ กล่าวว่า ที่อดีตส.ส.กำแพงเพชร มาสมัครที่พรรคนี้เพราะต้องการให้ประเทศไทยก้าวพ้นความขัดแย้ง จึงลาออกจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งตนรู้สึกยินดี
ด้านนายไผ่ กล่าวว่า ยอมรับว่าตัดสินใจยาก เพราต้องคิดให้ถี่ถ้วนแต่ได้ปรึกษากับทีมงานแล้วและตกผลึกมาอย่างนี้ สาเหตุที่ตัดสินใจเพราะเราขัดแย้งกันมานาน จึงมองว่าพรรคนั้นจะต้องเอาข้ามความขัดแย้งไปได้ราย การออกมาจากพรรคเพื่อไทยได้ทำตามขั้นตอน และถือว่าจากกันด้วยดี ไม่มีปัญหา ไม่ได้ทะเลาะอะไร ขอให้สบายใจได้ และเมื่อมาอยู่พรรคนี้จะทำเต็มที่ ซึ่งนโยบายของพรรคนี้สามารถช่วยประชาชน จึงดูตรงนี้เป็นสำคัญยืนยันว่าการย้ายมาพรรคนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องคดีความ เพราะตนไม่มีคดีและความไม่มีการต่อรองใดๆและอดีตส.ส.ตัดสินใจกันเองในกลุ่ม
ด้านพ.ต.ท.ไวพจน์ กล่าวว่า ที่มาพรรคนี้เพราะเชื่อมั่นว่าจะแก้ปัญหาขัดแย้งที่เกิดขึ้น ทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้เพราะเรามองเป้าหมายสูงสุดคือความผาสุกของประชาชนกับประเทศชาติ จึงขออนุญาตพรรคเพื่อไทยย้ายมาอยู่ที่พรรคนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าก่อนหน้านั้นประกาศตัวอยู่คนละขั้วกับพรรคพปชร.พ.ต.ท.ไวพจน์ กล่าวว่า จะบอกว่าไม่ใช่การดำเนินการมีหลายส่วนวันนี้พรรคพปชร.บอกชัดว่าจะแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นให้ประเทศเดินได้ ขอย้ำว่าอุดมการต่อต้านเผด็จการก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่เคยหายไปไหนยังอยู่ในเลือดทุกหยด ยอมรับว่าแนวร่วมบางส่วนยังมองว่าพรรคนี้เป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการขึ้นอยู่กับแนวความคิดของแต่ละคนบางคนจะคิดอย่างนั้นก็ต้องขอโทษ แต่ตนจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อประเทศและประชาชน ส่วนที่มองว่าการย้ายมาพรรคนี้จะทำให้เสียฐานเสียงที่เคยสนับสนุนเมื่ออยู่พรรคเดิมนั้น ต้องมีการชี้แจงว่าเรายังมีอุดมการเหมือนเดิมแต่ต้องก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อคนไทยทั้งประเทศ
“การมาพรรคนี้ไม่เกี่ยวกับการโดนบีบและได้ปรึกษากันแล้วรวมทั้งปรึกษากับนายวราเทพ ซึ่งตอบกลับมาว่าแล้วแต่ความคิดของแต่ละคน อดีตส.ส.5คน จึงมาปรึกษากันนานเพราะผมอยู่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน พรรคเพื่อไทย มานานและผูกพันมาก ต้องขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ดูแลพวกผมและดูแลลูกๆมาอย่างดี ขอโทษจริงๆที่ต้องย้ายมาอยู่นี่ ต้องมาเพื่อร่วมกันทำงาน