xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กฉัตร” เร่งพัฒนา อสม.4.0 รองรับการเปลี่ยนแปลง ดูแล ปชช.ใกล้ชิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“บิ๊กฉัตร” กำชับ สธ. เร่งรัดพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ เพื่อดูแลประชาชนในชุมชนอย่างใกล้ชิด พร้อมพัฒนา อสม. 4.0 รองรับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายด้านสุขภาพในอนาคต

วันนี้ (21 พ.ย.) พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เยี่ยมคลินิกหมอครอบครัวริมละลม อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นคลินิกหมอครอบครัวนำร่องเขตเมืองระยะแรก เพื่อให้ประชาชนในเขตเมืองของจังหวัด ได้รับบริการปฐมภูมิสะดวก ไม่ไปแออัดในโรงพยาบาลใหญ่ ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ ให้มีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวดูแลประชาชนในชุมชนอย่างใกล้ชิด ทั้งการรักษาพยาบาล-ส่งเสริมสุขภาพ-ป้องกันโรค-ฟื้นฟูสภาพ และคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งสอดรับกับยุทธศาสตร์ 20 ปี ด้านสาธารณสุข เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสเข้าถึงบริการด้านสุขภาพของภาครัฐอย่างทัดเทียมกัน

ปัจจุบัน จังหวัดบุรีรัมย์ มีทีมหมอครอบครัว ทั้งหมด 21 ทีม และตั้งเป้าจัดตั้งคลินิกหมอครอบครัว ทั้งจังหวัดให้ได้ 158 ทีม ในปี 2569 เพื่อกระจายจุดให้บริการประชาชนให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด ซึ่งในคลินิกจะประกอบด้วย แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว พยาบาลวิชาชีพ นักวิชาการสาธารณสุขและเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน และสหวิชาชีพอื่นๆ ในปี 2561 สามารถดูแลผู้สูงอายุติดเตียงและผู้ป่วยประคับประคองได้ครบทุกคน ดูแลผู้พิการร้อยละ 94.66 และตรวจพัฒนาการเด็ก 0-5 ปี มากกว่าร้อยละ 99.10 สร้างความผูกพัน ประชาชนเชื่อมั่น มีผู้รับบริการมากขึ้นถึงร้อยละ 78.12 ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้าก่อสร้างคลินิกหมอครอบครัวเพื่อรองรับงานบริการปฐมภูมิประชาชนในเขตเมือง ให้ครอบคลุกทุกจังหวัด

จากนั้น รองนายกรัฐมนตรี ได้ติดตามการดำเนินงาน คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต (พชอ.) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปราสาท อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ในการแก้ไขและการพัฒนา โดยตั้งเป้าพัฒนาให้ประชาชนมีอายุขัยเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 80 ปี จากเดิมประมาณ 70.48 ปี พร้อมมีสุขภาวะที่ดีทั้งกายและใจ ในสองประเด็นหลัก คือ 1) อาหารปลอดภัย พัฒนาด้วยการสร้างองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการอาหาร ร้านอาหาร แผงลอย ศึกษาการปลูกผักปลอดสารพิษ พัฒนาคุณภาพอาหารให้ปลอดภัยจากการปนเปื้อนสารเคมี และ 2) การจัดการขยะ พัฒนาโดยคัดเลือกชุมชนบ้านโยนช้า หมู่ 7 ให้เป็นหมู่บ้านต้นแบบการจัดการขยะในชุมชน ใช้หลักการรณรงค์เรื่องการคัดแยกขยะ การใช้ถุงผ้า ลดการใช้ถุงพลาสติก ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว ช่วยการพัฒนาการแก้ปัญหาของพื้นที่ ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์ด้านสาธารณสุข พบว่าประชากรส่วนใหญ่ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ และมีสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 จากโรคความดันโลหิตสูง

“การพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. ติดดาว เป็นนโยบายสำคัญภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ด้านสาธารณสุข ซึ่งได้มีการพัฒนาแนวทางและเกณฑ์ คุณภาพโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลติดดาว สำหรับใช้เป็นกรอบในการประเมินและพัฒนาการดำเนินงาน เพื่อยกระดับการพัฒนาคุณภาพหน่วยบริการระดับปฐมภูมิให้ได้มาตรฐาน โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายอย่างบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของประชาชนในพื้นที่ เกิดการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิอย่างต่อเนื่อง“ รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้พบปะเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในพื้นที่พร้อมมอบนโยบายว่า อสม. ในยุค 4.0 ต้องมีการปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยบทบาทของ อสม. 4.0 ให้ตอบสนองนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล เป็นการส่งเสริมและกระตุ้นให้นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยให้ อสม. มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Skill) ผนวกกับความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) และความมีจิตอาสาเป็นผู้นำ มาสร้างการเปลี่ยนแปลง ด้านสุขภาพ (Service Mind & Change agent) เป็นแบบอย่างให้กับประชาชนทั่วไป ส่งผลต่อการทำงานสาธารณสุขเชิงรุกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น













กำลังโหลดความคิดเห็น