xs
xsm
sm
md
lg

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!! “การท่าเรือแห่งประเทศไทย”กำลังจะแปรสภาพจาก “รัฐวิสาหกิจชาติ”เข้าสู่ “กงสีสองผัวเมีย” **“ถาวร-วิทยา”ยืนกุมเป้าต้อนรับ “กำนันเทือก”เปิดพื้นที่หาเสียงโจมตี “ประชาธิปัตย์”ซะงั้น **“บิ๊กเนม”ค่ายเพื่อไทย หัวซุกหัวซุนเข้า “พรรคละอ่อน”

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว


**ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!! “การท่าเรือแห่งประเทศไทย”กำลังจะแปรสภาพจาก “รัฐวิสาหกิจชาติ”เข้าสู่ “กงสีสองผัวเมีย”เมื่อมีข่าว “รมต.อาคม”จะดัน “ผัวเป็นผู้อำนวยการ”แล้ว “เมียเป็นรักษาการ รอง ผอ.ฝ่ายบุคคล”ที่ “ให้คุณให้โทษ”พนักงานการท่าเรือฯ ที่ไม่ยอมสยบได้หมด ถ้าเกิดขึ้นจริง ต้องถือว่าเป็นการเลือก ผอ.การท่าเรือ ที่อัปยศที่สุด โดยฝีมือของ“รัฐบาล คสช.”ที่ตอนนี้คิดผิด คิดใหม่ยังทัน

แว่วๆ "ว่าที่ ผอ.การท่าเรือฯคนใหม่" ที่กรรมการสรรหา ชุดของ กฤชเทพ สิมลี รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน จิ้มเลือก ก็เป็น“ตัวเก็งเต็งหนึ่ง”นั่นเอง .. ตัวเก็งที่ว่าไม่พ้น ร.ท.กมลศักดิ์ พรหมประยูร รองผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย สายบริหารสินทรัพย์และพัฒนาธุรกิจ ที่มีแต้มต่อเป็น “ลูกหม้อ-คนใน”หนึ่งเดียวใน 4 แคนดิเดต ที่สมัครชิงชัย .. เฉือนเอาชนะที่ 2 อย่าง ปฏิมา จีระแพทย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ที่เคยมาแรงในช่วงแรก .. แต่โดน “บัตรสนเท่ห์”พะยี่ห้อ “สหภาพแรงงานฯ กทท. ขยี้ปมโดนคำสั่ง คสช. สอยจาก สสว. มาก่อน จน “ปฏิมา” ตกลู่ไประหว่างทาง .. ข่าวว่าแม้ผลจะยัง “ไม่เป็นทางการ” แต่ก็เห็นว่า เปิดไวน์-แชมเปญฉลองกันสนั่น “อาณาจักรคลองเตย” แล้ว .. ด้วยเช็คทิศทางลม อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กำกับดูแล กทท. บอสใหญ่ของ “รองฯกฤชเทพ”ก็เห็นดีด้วย .. ทั้งที่เมื่อช่วงพิจารณาสรรหา ก็มีข้อมูล-ข้อเท็จจริง บ่งชื่อถึงเสียงครหา “มือไม่ถึง-บริหารงานแย่”ของ “รองฯกมลศักดิ์”ไปกองอยู่บนโต๊ะ “บิ๊กกระทรวงหูกวาง”กระทั่งบน “ตึกไทยคู่ฟ้า” พะเนินเทินทึก .. สำคัญกว่านั้น ยังมีครหาผลประโยชน์ "ซ้อนทับ - ทับซ้อน" อีก ทั้งประเด็นค่าเช่าพื้นที่ กทท. ในความดูแลของ “ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ฯ” ที่นับ 10 ปี .. ส่งผลให้องค์กรสูญเสียประโยชน์มหาศาล เพราะติดที่ “ผู้เช่า”ดันเป็น “เครือญาติบิ๊กท่าเรือ”แทบทั้งนั้น ..
 ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร  และ  อาคม เติมพิทยาไพสิ
ที่ทำเอา “คนท่าเรือ”ขนพองสยองเกล้า ก็ด้วยความบังเอิญว่า “รองฯกมลศักดิ์”มี “ภรรยาสุดที่รัก”ทำงานอยู่ที่การท่าเรือฯด้วย .. แถมมีตำแหน่งสูงไล่เลี่ยกันอย่าง อัฌนา พรหมประยูร ผู้ช่วย ผอ.การท่าเรือฯ สายบริหารทรัพยากรบุคคล และบรรษัทภิบาล .. มีคำกล่าวในทางกฎหมาย ที่ว่า “สามีภรรยาเป็นบุคคลเดียวกัน”แล้วดันมามีตำแหน่งในระดับบริหาร-ระดับอนุมัติ อยู่ในองค์กรเดียวกัน หนีการทำงานที่ “คาบลูกคาบดอก”เกี่ยวข้องกันคงไม่ได้ .. และเป็นเหตุผลสำคัญที่ในช่วงว่างเว้น ผอ.การท่าเรือฯ ตัวจริง ต้องมีการมอบหมาย ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผอ.ท่าเรือแหลมฉบัง มารักษาการแทน ผอ.การท่าเรือฯ ไปพลาง .. เพราะที่ผ่านมา ก็มีประเด็นมีคาบเกี่ยวอำนาจของ “กมลศักดิ์ - อัฌนา”ให้เห็นมาแล้ว อย่างข่าวโด่งดังทุจริตโกงเงินล่วงเวลา (โอที) มากกว่า 3,300 ล้านบาท ที่อยู่บน “ศาลแรงงาน-ศาลทุจริต”รวมถึงสำนวนในมือ ป.ป.ช. ก็จ่อ “ชี้มูลความผิด”อยู่รอมร่อ .. สำคัญอีกอย่าง“อัฌนา”วันนี้ถึงมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยฯ แต่เผอิญ เก้าอี้ “รอง ผอ.สายบริหารทรัพยากรบุคคลฯ”ยังว่างอยู่ ในทางปฏิบัติก็รู้ว่า นี่คือ “รอง ผอ.สายบริหารทรัพยากรบุคคลฯ” ตัวจริงเสียงจริง .. ถือว่าควบคุมสายงานที่ “ให้คุณให้โทษ”ต่อพนักงานในองค์กรโดยตรง จึงไม่ต้องแปลกใจว่า “สหภาพแรงงานฯการท่าเรือชุดใหม่”ถึงออกแถลงการณ์เชียร์ “รองฯกมลศักดิ์”อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู หลังเพิ่งเปลี่ยนดุลอำนาจในสหภาพฯไม่นาน .. ยิ่งหากสามีอย่าง “กมลศักดิ์”ขึ้นเป็นเบอร์ 1 แล้วแต่งตั้งให้ภรรยามีตำแหน่งแห่งที่สูงขึ้น มันก็จะกลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน
ร.ท.กมลศักดิ์ พรหมประยูร และ นางอัฌนา พรหมประยูร (คู่ขวา)
แผนผังผู้บริหารการท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่มี ร.ท.กมลศักดิ์ พรหมประยูร เป็นรองผู้อำนวยการ สายบริหารทรัพย์สินและพัฒนาธุรกิจ และมีนางอัฌนา พรหมประยูร ภรรยาของ ร.ท.กมลศักดิ์ เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายบริหารทรัพยากรบุคคลและบรรษัทภิบาล
ร.ท.กมลศักดิ์ พรหมประยูร และ นางอัฌนา พรหมประยูร (ในวงกลม) ร่วมพิธีมอบทุนการศึกษาจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยให้เด็กนักเรียน
แล้วถ้าเป็นเรื่อง “ผัวเป็น ผอ. เมียได้เป็นรองฯ”เกิดขึ้นจริงๆ ลองคิดถึงเทียบกับบริษัทเอกชนปกติ ผัวเป็นประธานหรือ CEO เมียคุมฝ่ายบุคคล เขาเรียก“ธุรกิจกงสี”แต่ถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นกับรัฐวิสาหกิจที่ชื่อว่าการท่าเรือ เขาเรียกอะไร ? . ..
       
   มีหวัง“การท่าเรือฯ”ในฐานะ “รัฐวิสาหกิจ”ที่นิยามไว้ว่า “สมบัติของชาติ”ก็คงต้องเปลี่ยนสถานะเป็น “บริษัทกงสี-สมบัติผัวเมีย”อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ .. กลับกันความสัมพันธ์ระหว่าง “รองฯกมลศักดิ์”กับ "ผอ.แหลมฉบัง" รักษาการ ผอ.ตอนนี้ ดันเข้าอิหรอบ “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ”.. ทั้งที่ “ท่าเรือแหลมฉบัง”ถือเป็นท่าเรือที่มีความสำคัญที่สุดของการท่าเรือฯ ก็ว่าได้ แล้วหาก“รองฯกมลศักดิ์”เกิดเป็นใหญ่ แล้วยังขัดแข้ง ขัดขา กันไปมา ก็คงเละน่าดูชม .. แนวโน้มการขึ้นตำแหน่งของคนชื่อ “กมลศักดิ์”เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม แล้วยังฟังดูไม่ค่อยจะดีกับองค์กรที่ดูแลผลประโยชน์เป็นแสนๆ ล้าน กำกับทิศทาง "ลอจิสติกส์ไทย" ที่เป็นหัวใจของการขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเป็นแบบนี้แล้ว .. ถามว่า “รมต.อาคม”จะ “ลุยไฟ-ลุยถั่ว” เอาอนาคตการท่าเรือฯ-อนาคตประเทศ ไปเดิมพันไว้กับคนๆ เดียวอย่างนั้นหรือ .. งานนี้ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้ารัฐบาล ผู้กำลังแต่งตั้งควงกะบริหารประเทศ ควรลงมาดูซักหน่อย .. ส่วน“รมต.อาคม”หลงคิดผิดไป ก็ยังแก้ไขทัน อย่าหน้ามืดจนสร้างตราบาปแก่ “การท่าเรือฯ”เลยนะท่านนะ

**ไร้สำนึก-ไม่มียางอาย!! “แก๊ง กปปส.”สะกด “มารยาททางการเมือง”กันไม่เป็น “ถาวร-วิทยา”ยืนกุมเป้าต้อนรับ “กำนันเทือก”เปิดพื้นที่หาเสียงโจมตี “ประชาธิปัตย์”ซะงั้น ทั้งที่ “เฮียมาร์ค”ไม่ใจร้ายตะเพิดพ้นพรรคแท้ๆ ยังหาเรื่องให้พรรคเดือดร้อน แต่ละคนก็ “แก่หัวหงอก”กันแล้ว ยังสะกด“มารยาททางการเมือง”กันไม่เป็น ถ้าไม่มีใจก็ไปให้พ้นๆ ซะดีกว่า
สุเทพ เทือกสุบรรณ
หมดคำจะเอื้อนเอ่ย .. กับ“การวางตัว”ของ “อดีตแกนนำ กปปส.”ที่วันนี้ยังสวมเสื้อสีฟ้า เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ .. ออกมายืนกุมเป้าให้การต้อนรับ “กำนันเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาฯ กปปส. ที่ผันตัวไปเป็นเจ้าของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่ช่วงนี้บ่ายหน้ามา“เดินคารวะแผ่นดิน”ในพื้นที่ภาคใต้ .. เปิดหัวด้วย ถาวร เสนเนียม อดีต รมช.มหาดไทย หัวหอก“ทีมเพื่อนหมอ”ที่ดัน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ลงท้าชิงเก้าอี้ผู้นำพรรคเมื่อไม่นานมานี้ .. ไม่เพียงเปิดให้การต้อนรับ“อดีตลุงกำนัน”เท่านั้น ยังจัดห้องหับให้“พี่กำนัน”ปราศรัยหาเสียง เปิดรับสมัครสมาชิกกับคนในพื้นที่ แถมด่ากราดถึง “พรรคสีฟ้า”ไม่ขาดปาก .. พาดพิงไปถึง “เสี่ยเล็ก”ศิริโชค โสภา คนสนิทของ“เฮียมาร์ค”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ว่าหนนี้ “รปช.”เล็งเจาะพื้นที่ “เสี่ยเล็ก”ให้แตก เหตุรู้จุดอ่อนว่าไม่ค่อยลงพื้นที่ .. ทำเอา“อภิสิทธิ์”อยู่ไม่ได้ ต้องสั่งตั้งกรรมการสอบ “ถาวร”ทันที ด้วยรู้ว่าอาจถูกหยิบมาเป็นประเด็นเล่นงาน“ฮั้วกัน”กับพรรคอื่น ทำเอาเสียกระบวนในระหว่างศึกเลือกตั้งได้ .. ด้วยความเป็น“ลูกผู้ชาย”พอ เห็นว่าเป็น“ผู้หลักผู้ใหญ่”ในพรรค ก็ไม่ ได้ว่ากล่าวตักเตือนอะไรแรงๆ ..
วิทยา แก้วภราดัย  และ  ถาวร เสนเนียม
แต่แทนที่“แก๊ง กปปส.”จะนึกถึงผลกระทบส่วนรวม ระมัดระวังการวางตัว ข้ามวันไม่ทันไร วิทยา แก้วภราดัย อีกหนึ่งอดีตแกนนำ กปปส. ก็โผล่ไปต้อนรับกำนัน พาเดินหาเสียงในพื้นที่อย่างไม่เคอะเขิน ไม่ไว้หน้า“หัวหน้าพรรคตัวเอง” ..จนอดสงสัยไม่ได้ว่า แต่ละคนก็ “แก่หัวหงอก”ขึ้นชื่อเป็นผู้อาวุโสระดับ“อดีตรัฐมนตรี”แล้วทั้งนั้น ทำไมยังสะกด “มารยาททางการเมือง”กันไม่เป็น .. ดูไม่ยากว่า “ถาวร - วิทยา”หรือแกนนำ-แนวร่วม กปปส. ที่ยังเป็น“กาฝาก”อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ตาม“ลูกพี่”ไปอยู่พรรคใหม่ ก็รู้กันดีว่า “กลัวสอบตก” ..ช่วงหาเสียงชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค ก็“ออฟไซด์ - ล้ำ เส้น”หลายเรื่องแบบไม่น่าให้อภัย ตามประสาคนกันเอง ก็ไม่ใจไม้ไส้ระกำ ตะเพิดพ้นพรรค แต่อยู่แล้วดันทำตัวแบบว่า “เกลือเป็นหนอน” ..ที่ไม่น่าให้อภัยอีกก็คงรายของ “สุเทพ”ที่เป็นถึงอดีตเลขาฯพรรค คู่หูคู่ใจ “อภิสิทธิ์”อุ้มชูหนุนส่งกันมา แต่กลับมาทำอะไร “ไม่ให้เกียรติ”กันแบบนี้ .. เดินหาเสียงที่ปักษ์ใต้ ก็ออดอ้อน รู้ตัวสู้“ประชาธิปัตย์”ไม่ได้ แต่ขอคะแนนแบ่งมาให้“รปช.”บ้าง .. ทั้งที่ใจจริงอยากเปิดหน้าแลกไปเลย ด้วยรู้ดีว่าเป็นพื้นที่เดียวในประเทศ ที่ชื่อ “รวมพลังประชาชาติไทย”ยังพอมีลุ้นได้เก้าอี้ ส.ส. กับเขาบ้าง .. อุตส่าห์ไปเดินในถิ่นต้นยางแท้ๆ แต่กลับทำตัว“ไม่มียางอาย”เลย ส่วน“คนไม่มีใจ”ก็ไปให้พ้นๆ ซะดีกว่า

**ประชาธิปไตย(ต้อง)กินได้ !! “บิ๊กเนม”ค่ายเพื่อไทย หัวซุกหัวซุนเข้า “พรรคละอ่อน”ขนาด “จาตุรนต์”นักประชาธิปไตยเบอร์ต้นของประเทศ ยังต้องมาเป็นลูกพรรค “เด็กเมื่อวานซืน”เหตุกลัวไม่มีที่นั่งผู้แทนรองก้น ตามคอนเซปต์ ประชาธิปไตย“ระบอบทักษิณ”ต้องมี “ตำแหน่ง-อำนาจ”เท่านั้น ไม่งั้นถือว่า“ประเทศยังไม่เป็นประชาธิปไตย”
อดีตส.ส.เพื่อไทย ที่ไปสังกัดพรรคไทยรักษาชาติ
เริ่มสะเด็ดน้ำ .. การจัดแถวขุนพลของ“ระบบทักษิณ”ที่วางเกมเดิน 2 ขา เก็บเกี่ยวที่นั่งส.ส.ให้มากที่สุด .. วางเป้าไม่ขายฝัน ไม่ต้องถึง 376 เสียงเพื่อได้สิทธิ์เลือกนายกฯ หลังเลือกตั้ง แต่เอาแค่ 251 ที่นั่งขึ้นไป เพื่อกุมเสียงข้างมากใน“สภาล่าง”สภาผู้แทนราษฎร .. สาขาหลักอย่าง“เพื่อไทย” เน้นๆไปที่ ส.ส.เขต เอาที่แบเบอร์ ชนะแน่ พวกไม่แน่ใจเขี่ยไปไว้ที่ สาขาสอง“ไทยรักษาชาติ”..พร้อมทั้งเอา “ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ”ที่ไม่มีพื้นที่เป็นของตัวเอง ยกโขยงไปไว้ที่พรรคไทยรักษาชาติ ที่มีชื่อ “เสี่ยป๋อม”ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช เป็นหัวหน้าอยู่ .. เป็นพรรคใหม่ที่ต้องการขายภาพ“คนุร่นใหม่”ดันทายาทแถว 2 ขึ้นมาคุมพรรค แต่ก็เกิด “ตลกร้าย”ที่สุดก็กลายเป็นแหล่งสิงสู่ของ “นักการเมืองรุ่นพ่อ”.. ขนาด เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต รมช.มหาดไทย พ่อบังเกิดเกล้าของ“หัวหน้าป๋อม”ยังเป็นได้แค่ผู้อาศัย ในฐานะสมาชิกพรรค .. ตามมาด้วย “ทัพใหญ่”จากค่ายเพื่อไทย นำโดย“เสี่ยอ๋อย” จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกฯ ที่ “ยกครัวฉายแสง”มาสมทบ .. พร้อมด้วย แกนนำ นปช. ทั้ง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ - ก่อแก้ว พิกุลทอง - วีระกานต์ มุสิกพงศ์ หรือบิ๊กเนม อย่าง ประภัสร์ จงสงวน ..

เอาเข้าจริงก่อนหน้านี้ก็มีชื่อ “เสี่ยอ๋อย”ว่าโยกฐานมาอยู่กับไทยรักษาชาติ ซักพักแล้ว แต่ติดตรงที่ “ตัวใหญ่เกินไป” ด้วยในทางการเมืองนักการเมือง “ระดับต้นๆ”ของประเทศ .. อย่างว่าแต่บารมีของ “เสี่ยป๋อม”ผู้แทนฯ 2 สมัย จะมาเป็นหัวหน้าเลย กระทั่งตอนซีกเพื่อไทยให้ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ขึ้นนำทัพในทางปฏิบัติ ก็ยังพูดขนาดว่า “จาตุรนต์”คงอยู่เป็น “ผู้ใต้บังคับบัญชา”ไม่ได้ ด้วยดีกรีที่ไม่หนีกันเท่าไร .. แต่ก็ประเมินแล้วว่า ด้วยฐานเสียงของ“เพื่อไทย” โอกาสที่จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีน้อยนิด เชื่อว่าที่นั่ง ส.ส.เขต จะทะลุ จำนวน "ส.ส.พึงมี" ตามกติกาใหม่ .. พวกก็เลยต้องหนีกันหัวซุกหัวซุน ด้วยหวังจะมีเก้าอี้ ส.ส.รองก้น .. เป็นบทพิสูจน์อีกครั้งว่า ประชาธิปไตยของ “ค่ายทักษิณ”มันต้อง “กินได้”มี ตำแหน่ง-อำนาจ ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับว่า “ประเทศยังไม่เป็นประชาธิปไตย” ..อย่างที่ “เสี่ยเต้น”ตำนานสู้แล้วรวย กล่าวไว้ว่า จะอยู่ที่ไทยรักษาชาติ จนกว่าประเทศจะเป็นประชาธิปไตย นั่นแหละ .. แล้วเมื่อถึงวันส่งผู้สมัคร ส.ส. กระทั่งช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ก็จะได้เห็นพัฒนาการใหม่ของ “ค่ายทักษิณ”อีกว่า “ประชาธิปไตยฮั้วกันได้”เช่นกัน .. ด้วยว่าจะมีการหลบหลีก ส่งผู้สมัคร แบบไม่ปะทะกันโดยตรง อาจจะมีคาบเกี่ยวกันบ้างในบางพื้นที่ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อหา “ฮั้วกัน” ..แต่ถ้าไม่ใสซื่อจนเกินไป ใครก็ดูออก สรุปแล้วว่า ประชาธิปไตยของ “ระบบทักษิณ”คืออะไรก็ได้ ที่ทำแล้วได้อำนาจมานั่นเอง


ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น