xs
xsm
sm
md
lg

“วิษณุ” ยันแบ่งเขตก่อนประกาศ กม.เลือกตั้ง ขู่พรรคครอบงำพรรคอื่นส่อถูกยุบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี (ขวามือของภาพ)
รองนายกฯ ยันไม่เลื่อนแบ่งเขตเลือกตั้ง เสร็จก่อน กม.เลือกตั้งบังคับใช้ ขู่พรรคใดครอบงำพรรคอื่นเข้าช่ายยุบพรรค เตือน 3 เสี่ยงการกระทำ-เจตนา-ข้อยกเว้น ย้ำไม่เล่นการเมือง ไม่มีพรรคในดวงใจ แย้มอาจเหลือไม่กี่พรรค

วันนี้ (15 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงข้อห่วงใยว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือรัฐบาลจะไปล็อบบี้ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ต้องรีบแบ่งเขตเลือกตั้งเพราะยังมีเวลาอยู่ว่า ถ้าพูดถึงเวลามันก็มีจริงๆ ซึ่งคำสั่ง คสช.ที่ 53/60 ที่เขียนไว้ว่าให้แบ่งเขตเลือกตั้งให้เรียบร้อยก่อนวันที่พระราชบัญญัติการเลือกตั้งจะมีผลบังคับใช้ ซึ่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 11 ธ.ค. ก็เข้าใจว่าจะต้องให้เวลาเขาสำหรับไปทำไพรมารี ซึ่งในเวลาที่กำหนดไว้ถึงอย่างไรก็ทันแน่ โดยที่ไม่มีการไปเลื่อนใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งการแบ่งเขตและการทำไพรมารี จะเสร็จก่อนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ ความจริงหากการทำไพรมารียังไม่เสร็จก็สามารถไปทำได้ หลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ คือ วันที่ 11 ธ.ค. เพราะสามารถทำได้ไปจนถึงวันที่มีการสมัครรับเลือกตั้ง อย่างที่ตนบอกว่า 11 ธ.ค.กฎหมายมีผลบังคับใช้ แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้จนกว่าจะมีพระราชกฤษฎีกา และหลังจากนั้น 5 วัน กกต.ก็จะประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจน

เมื่อถามว่ากรณีแบบนี้จะสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบให้บางพรรคการเมืองหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า กกต.ต้องพยายามทำไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ถ้าใครเห็นว่าเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบก็สามารถร้องเรียนได้ เพราะอาจจะเป็นการสนองคนกลุ่มหนึ่ง แต่อีกกลุ่มอาจเห็นว่าได้รับความกระทบกระเทือน เพราะถึงอย่างไรการแบ่งเขตก็ต้องทำให้เรียบร้อย ซึ่งมีการกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องมีการรับฟังความเห็นของประชาชนและพรรคการเมืองซึ่งลักษณะแบบนี้ กกต.เป็นมืออาชีพเขาต้องรู้

เมื่อถามว่าการที่มีคนออกมาพูดลักษณะนี้เป็นการสร้างความเสียหายให้กับอาจารย์หรือไม่ เพราะมีการพูดว่าอาจารย์ออกมาระบุเองว่าไม่ต้องรีบแบ่งเขตเลือกตั้ง นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ใช่ ก็เพราะพวกคุณมาถาม แต่ทุกอย่างมันมีกำหนดเวลาของมันอยู่แล้ว ตนไม่ได้บอกว่าไม่ต้องรีบไปเรื่อยๆ เสียเมื่อไหร่ แต่รีบหรือไม่รีบอย่างไรมันก็มีเวลาของมันว่าจะต้องแบ่งเขตให้เสร็จ ก่อนวันที่กฎหมายเลือกตั้งมีผลบังคับใช้คือวันที่ 11 ธ.ค.

เมื่อถามถึงการหาเสียงของบางพรรคที่สุ่มเสี่ยงในการผิดกฎหมาย จะมีการเอาผิดย้อนหลังได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ตอบ วันนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาบอกว่าอะไรถูกอะไรผิด เพราะก่อนหน้านี้ได้เตือนกันแล้ว และไม่ควรจะเตือนอะไรอีกแล้ว ต้องระมัดระวังเอง แต่ละพรรคก็มีนักกฎหมายทั้งนั้น และหลายพรรคก็มีประสบการณ์ในการเลือกตั้ง ซึ่งหากมีปัญหาสงสัยอะไรก็ต้องไปถาม กกต. แต่หากเตือนได้ตนก็อยากจะเตือนให้ระมัดระวัง มีอะไรเกิดขึ้นเขาไม่ได้ฟ้องร้องกันวันนี้พรุ่งนี้ เขาจะจดเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน และก็เคยทำกันมาแล้ว ดังนั้นถ้าไม่เตือนเขาก็รู้

เมื่อถามถึงกรณีที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในทางกฎหมายจะตีความอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ตีความอะไรทั้งนั้น บางอย่างไม่ควรจะไปมีความเห็นอะไร เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ตีความข้อ 33 ของระเบียบ กกต.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งระบุถึงสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการว่าคำว่าได้แก่เป็นการยกตัวอย่าง แต่ กกต.ระบุว่าไม่ใช่ รองนายกฯ กล่าวว่า ได้แก่ในกฎหมาย หมายถึงการระบุที่จบอยู่แค่นั้น แต่ถ้าระบุว่าเช่นนั้นมีอีก เมื่อถามอีกว่า มีข้อวิจารณ์ระเบียบนี้ไม่เหมาะกับยุค 4.0 เพราะหลายๆ อย่างทำให้พรรคไม่สามารถทำกิจกรรมได้ นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ขอไปวิพากษ์วิจารณ์อะไร ซึ่งการหาเสียงโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์มันเขียนไว้ในกฎหมายว่าการหาเสียงโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งไม่ได้รวมถึงการหาสมาชิก ซึ่งการหาเสียงโดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์จะทำได้ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ กกต.กำหนด และ กกต.จะกำหนดได้ก็ต่อเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งแล้ว และพระราชกฤษฎีกาจะออกได้ก็ต่อเมื่อพระราชบัญญัติมีผลใช้บังคับ ซึ่งทุกอย่างล็อกกันไว้หมดแล้ว ดังนั้นวันนี้ไม่ว่าใครจะไปทำอะไร สำหรับตนมองว่าไม่ใช่การหาเสียง เพราะถ้าเมื่อไหร่เป็นการหาเสียงค่าใช้จ่ายบาทเดียวก็ต้องเริ่มนับ แต่กรณีที่ถูกต้องทั่วไปจะเริ่มนับได้เมื่อพระราชกฤษีกามีผลบังคับใช้ เมื่อถามว่าถ้ากกต.ให้เหตุผลว่าทำไม่ได้ เพราะไม่มีในกฎหมาย ต่อไปก็ควรจะเพิ่มเข้าไปเพื่อให้มีการสอดรับ รองนายกฯ กล่าวว่า หลายเรื่องกกต.มีอำนาจกลางของเขาที่จะออกเองได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคการเมืองแตกพรรคออกไปตั้งพรรคใหม่ เพื่อแบ่งพื้นที่ส่งผู้สมัคร ส.ส.จะเข้าข่ายการฮั้วการเลือกตั้งหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ถ้าฮั้วกันแล้วเกิดอะไรขึ้น ซึ่งไม่มีกฎหมายไหนระบุว่าผิด เพียงแต่ว่าแตกพรรคออกไปแล้วอย่าให้ใครมาครอบงำ เนื่องจากกฎหมายระบุไว้ผู้ใดที่ไปครอบงำพรรคอื่นถือว่ามีความผิด ซึ่งผู้ใดไม่ได้หมายถึง นาย ก. นาย ข. แต่หมายถึงพรรค X ไปครอบงำพรรค Y ก็ผิดกฎหมายด้วย เมื่อถามว่ากรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่มีข่าวว่ามาจัดตัวผู้สมัคร ส.ส. ถือว่าครอบงำพรรคที่มาวางตัวผู้สมัครหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าเขาทำอะไรขนาดไหน กฎหมายบอกว่าห้ามครอบงำ ก็ต้องระวังการกระทำที่จะเข้าข่ายการครอบงำ ต้องระวังกันเอง ซึ่งอยู่ที่การพิจารณาของ กกต. และต่อไปก็จะอยู่ที่ศาลด้วย เพราะบางเรื่องไม่ได้จบที่ กกต.

“การจะครอบงำหรือไม่ ต้องดูที่ 3 อย่าง คือ 1. การกระทำว่าทำอะไร ขนาดไหน 2. ดูเจตนา 3. ดูว่าการกระทำนั้นมีข้อยกเว้นอะไรอยู่ที่ไหนหรือเปล่า อาจจะมีข้อยกเว้นว่าอยู่ที่อื่นก็ทำได้ แต่ถ้าองค์ประกอบครบ คือ การกระทำ มีเจตนา และไม่มีข้อยกเว้นให้อำนาจไปทำ แต่บางอย่างมีอำนาจก็เลยเป็นข้อยกเว้น เช่น เรื่องของสุจริต เสรีภาพ การหาเสียงพลเมืองดี แต่ถ้าไม่มี เจอ 3 ข้อก็ผิด อย่าไปพูดมากเดี๋ยวจะหาว่าไปขู่เขา แต่ผมไม่อยากพูดมากเพราะไม่ได้ไปด้วย” นายวิษณุกล่าว

เมื่อถามว่า จำชื่อพรรคการเมืองได้ทั้งหมดหรือยัง มีพรรคในดวงใจที่จะเลือกหรือยัง และจะเล่นการเมืองหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่เล่นการเมือง และยังไม่มีพรรคในดวงใจ รอให้ชัดเจนก่อนว่าจะมีพรรคการเมืองเหลือกี่พรรค เมื่อถามว่าแสดงว่าอาจมีบางพรรคจะถูกสอย ถูกยุบ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่รู้ ทุกคนต้องพูดอย่างนั้น อาจจะมี 100 พรรค แต่บางพรรคไม่ส่งตัวผู้สมัคร วันที่ตนประชุมกับพรรคการเมืองครั้งแรกรู้ว่ามีคนตั้งพรรคแต่ไม่ส่งผู้สมัคร อาจเพราะทุนน้อย แต่การตั้งพรรคแล้วไม่มีอะไรก็ถือว่ามีประโยชน์เหมือนกัน เพราะบางทีได้เงินช่วยเหลือกองทุน แต่กฎหมายเขียนแล้วว่าถ้าไม่ส่งผู้สมัครก็ไม่ให้งบ แต่ถ้าส่งลงนิดหน่อยก็มีโอกาสได้ อย่างในอดีตเคยมีพรรคการเมืองหนึ่ง มี ส.ส.นิดเดียวแต่ได้เงินมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพราะเขาพิจารณาจากการทำกิจกรรม พรรคใหญ่บางครั้งขี้เกียจทำกิจกรรม เพราะคิดว่าคนรู้จักแล้วจึงทำให้ไม่มีรายจ่ายก็จะได้เงินอุดหนุนน้อย แต่พรรคเล็กขยันทำกิจกรรมทุกจังหวัด เขาก็ให้มาก บางทีแค่พิมพ์นามบัตรก็มีค่าใช้จ่าย ฉะนั้น เขาไม่ได้วัดที่สมาชิก แต่ดูที่กิจกรรม เขาให้งบประมาณ เพื่อให้ทำประโยชน์ด้านศึกษา ประชาธิปไตย ไม่ได้ให้เพื่อตอบแทนการส่งคนลงสมัคร อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตนตอบไม่ได้ว่ามีหลายพรรคหรือไม่ที่เข้าข่ายการถูกยุบพรรค สื่ออาจจะคิดว่าบางพรรคล่อแหลม แต่ที่จริงแล้วเขาไม่ล่อแหลมอะไร สิ่งสำคัญตอนนี้คือสื่อกำลังล่อให้ตนพูด


กำลังโหลดความคิดเห็น