ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“ลุงป๊อก”อย่างหล่อ!! “เสี่ยธนาธร”ทำแต้มหล่นท่อ กะซื้อใจ “พ่อค้าแม่ขาย” โพล่ง“หาบเร่-แผงลอย”รีเทิร์นยึดฟุตบาท โซเชียลโห่เกรียว จัดเลคเชอร์ “ทางเท้า-บาทวิถี”แปลว่า “ทางให้คนเดิน”ไม่ใช่พื้นที่ขายของ แถมเจอ“บิ๊กป๊อก”สอนมวยนิ่มๆ จำเป็นจัดระเบียบ แล้วก็เว้น“พื้นที่ผ่อนผัน”ให้ค้าขายอยู่ ส่วน“สตรีทฟู้ด”ก็จัดที่ทางให้เหมาะ ไม่จำเป็นต้องอยู่ริมทางข้างถนน
เป๋ไปเรื่อย .. ถึงจุดยืนประชาธิปไตย-ต่อต้านเผด็จการ จะโดดเด่นเกินใคร แต่แนวทางเรื่องอื่นดู“เสี่ยเอก”ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ชักจะมีปัญหา .. .. เหมือนอย่างครั้งที่ผละออกจาก “แนวร่วม”อย่าง “ปวินเสื้อแดง”เพื่อไม่ให้กระทบฐาน “โอตะ”ในดรามา “แคปเฌอ” จนโดนฉะที่แท้ “กลองโบ๋” ..หรืออย่างที่ “อดีตสตาฟท์”ลากไส้ไว้ว่า เปิดประตูรับคนเข้าพรรคแบบไม่เลือก จนดูเหมือนพรรคจะไม่สามารถเดินตาม "อุดมการณ์สูงส่ง" ได้จริง .. วันก่อน “ธนาธร”ยกทีมไปเดินสายหาเสียง“กรุงเทพขยับ”ลุยย่านเศรษฐกิจ ถ.สีลม พบเจอพ่อค้า แม่ขาย ที่บ่นโอดโอย ภาวะเศรษฐกิจไปตามเรื่อง .. ไม่รู้ “กลอนพาไป”หรือ “เสี่ยเอก”อาศัยจังหวะ “บลัฟ”รัฐบาล คสช.ที่เอาจริง จัดระเบียบ “ทวงคืนทางเท้า” ..จู่ๆโพล่งออกมา “แผงค้า-แผงลอย”เดือดร้อนถ้วนหน้า ต้องบริหาร “บาทวิถี”กันใหม่ ให้เกิด“ประโยชน์ร่วมกัน” ..ท่อนสำคัญว่า คนในพื้นที่ต้องมีสิทธิ์ตัดสินใจว่า จุดไหนเป็นจุดผ่อนผัน จุดไหนห้ามขายของ ไม่ใช่รอคำสั่งจากรัฐบาล .. ตีความไม่ยาก อิหรอบนี้กะซื้อใจ “พ่อค้าแม่ขาย”ปูทางให้ “หาบเร่-แผงลอย”กลับมายึดพื้นที่ รุงรังเกะกะเหมือนอดีต .. ในอารมณ์กฎหมาย-กฎเกณฑ์ พักไว้ก่อน นาทีนี้ “อะไรก็ได้”แลกกับคะแนนเสียง ไม่ยักจะสมชื่อ “อนาคตใหม่” ..
ออกตัวแรงขนาดนี้ ก็เลยโดนโห่เกรียว ต้องเลคเชอร์กันใหม่ว่า “ทางเท้า”แปลงว่า “ทางให้คนเดิน”ไม่ใช่พื้นที่ขายของ เฮลโหลวววว .. แล้วในขณะที่ “ธนาธร”จิกกัดเผด็จการทหารมาตลอดศก ก็เดินตกคูไปเอง ก็เหมือนเขี่ยลูกให้ “บิ๊กทอปบูต”เอาคืนบ้าง .. ตามคิวที่“บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จัดการ “สอนมวย”แบบนิ่มๆ .. ไล่เรียงเหตุผล-ความจำเป็น นโยบายจัดระเบียบแผงลอยทั่วกทม. เน้นๆไปว่า “ทางเท้ามีไว้สำหรับให้คนสัญจร” ..อีกทั้งก็มี “พื้นที่ผ่อนผัน”ให้ค้าขายกันได้แบบถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่ไล่ตะเพิดจนไร้ที่ทางทำมาหากิน .. ส่วนที่โอดโอยว่า เศรษฐกิจฝืดเคือง ค้าขายไม่ดี แม้ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาล แต่ก็มีมาตรการช่วยเหลือแก้ปัญหาตลอด .. ส่วนนโยบาย“เมืองสตรีทฟู้ด”ก็ยืนยันว่า ยังสนับสนุน แต่ “สตรีทฟู้ด”ก็ไม่ได้แปลว่า ต้องไปอยู่ริมทางข้างถนน จำเป็นต้องจัดที่ทางเป็นหลักแหล่ง ไม่ได้เบียดเบียนฟุตบาท-ผิดสุขอนามัย หรือ เทของเสียลงคู ลงท่อ .. เป็นคอมเมนต์ ที่ทำเอาเสียงเชียร์ “บิ๊กป๊อก”กระหึ่มเมือง ผิดกับ “ท่านชายธนาธร”ที่เจอดอกนี้เข้าไป คงช้ำเลือดช้ำหนองไปอีกหลายวัน และที่แน่ๆ แต้มตกท่อไปอีกโข
**สุดท้ายก็นายใหญ่!! “เครือข่ายทักษิณ”พล่าน เกลี่ยพื้นที่-จัดแถวลิ่วล้อไม่ลงตัว สูตร“เพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ”แบ่งเขต “250-100”ไม่ง่ายอย่างคิด เสี่ยงโดนสอย “ฮั้วกัน”ตายยกรัง จังหวะพอดี“บิ๊กบอส”มีนัดพบแพทย์ ที่ “แดนลอดช่อง”วีคเอนด์นี้ นัดหมายเฮโลไปให้จัดแถว-จัดทัพ ที่ต้องสะเด็ดน้ำก่อน 26 พ.ย.
ตลบอบอวล .. เทศกาลโยกย้ายของ“นักเลือกตั้ง”ที่แม้ไม่รู้ว่า “คูหา”จะติด “โรคเลื่อน”อีกหรือเปล่า แต่งวดเข้าเดดไลน์ 26 พ.ย. วันสุดท้ายในการสังกัดพรรค ก็ต้องหาสังกัดให้เรียบร้อย ไม่งั้น “ตกม้าตาย”สมัครส.ส.ไม่ได้ .. หลายพรรคเริ่มลงตัว แห่แหนกันไปเปิดตัวกันโครมคราม อย่าง “พลังประชารัฐ”นิ่งไปซะนาน พอ กกต.ตัดริบบิ้นรับรองพรรคให้ ก็คึกคักขึ้นมาถนัดตา .. “บิ๊กเนม”หลายรายมาตามนัด อย่างเมื่อวาน ก็ระดับอดีตรัฐมนตรี ทั้ง วิรัช รัตนเศรษฐ ที่จะมาถือธงล่าแต้ม 14 เขต โคราช .. หรือรายของ สุพล ฟองงาม ก็หิ้วอดีตส.ส.มีแต้มตุนในมือมาหลายสิบ .. ขณะที่ “ภูมิใจไทย”ของ “เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล ก็ยกครัว “ปริศนานันทกุล”แห่งเมืองอ่างทอง การันตีได้ ส.ส.ยกจังหวัดที่มี “เก้าอี้เดียว”มาได้ .. หันมาฟาก“เพื่อไทย - เครือข่ายทักษิณ”ดูจะชุลมุนมั่วไปหมด โดยเฉพาะสถานะ “ไทยรักษาชาติ”ตัวย่อ “ทษช.-พรรคทักษิณชัวร์”ก็ไม่รู้ว่าสรุปเป็น “คนรุ่นใหม่”หรือไงแน่ .. ดันก้นให้ “ทีมยังเติร์ก”นั่งเป็นกรรมการบริหาร ทำเอาแขวะกัน“ทายาทอสูร”ทั่วเมือง .. มีอย่างที่ไหน ยกเก้าอี้หัวหน้าให้ “เสี่ยป๋อม”ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ดีกรี ส.ส.แค่ 2 สมัย ใครก็ว่า“ทะแม่งๆ”..
ยังเล่นตลกให้บรรดา “ผู้เฒ่า”มาสมัครเป็นสมาชิกพรรค ที่ขำไม่ออก ก็รายของ เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต รมช.มหาดไทย .. นามสกุลคุ้นหู ไม่ใช่ใครอื่น “ปะป๊าเสี่ยป๋อม”นั่นเอง แบบนี้ก็มีด้วย “ลูก”เป็นหัวหน้า แล้ว “พ่อ”เป็นลูกน้อง เอากับเขาสิ .. ประดักประเดิด เรื่องคนนำ คนตาม ไม่พอ ยังจัดสรรพื้นที่ตามสูตร “แยกกันเดิน รวมกันตี”ไม่จบ .. จากเดิมขีดเส้น“เพื่อไทย”ส่ง 250 เขต เน้นพื้นที่ชัวร์ๆ เจียดให้ “ทษช.”ส่ง 100 เขต เก็บตกเอาคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ .. ไปๆ มาๆ ไม่ง่ายอย่างที่คิด สุ่มเสี่ยงสับสน ส่อถูกจับได้ว่า“ฮั้วกัน”โดยสอยร่วงก่อนเข้าคูหา หรือเก็บไว้สอยหลังเลือกตั้ง ก็ยุ่งไปใหญ่ .. เหมือนบังคับให้ต่างฝ่ายต่างส่งเต็มๆ 350 เขต วัดกันไปเลย “เพื่อไทย - ไทยรักษาชาติ”เอาไว้บังหน้า“ไม่ใช่นอมินี”จนอาจเข้าทาง “ตาอยู่”คาบไปรับประทาน .. ประจวบเหมาะ “นายใหญ่ดูไบ”ทักษิณ ชินวัตร มีคิวนัดตรวจร่างกายกับหมอประจำตัวที่ “แดนลอดช่อง”ประเทศสิงคโปร์ ช่วงนี้พอดี .. นัดแนะกันดิบดี วีกเอนด์นี้ เฮโลไปเกลี่ยพื้นที่ วางขุนพล กันให้หมด ทั้ง“เพื่อไทย - ไทยรักษาชาติ”ตลอดจน “สาขาย่อย”อย่าง “เพื่อธรรม - เพื่อชาติ”ที่เขาไม่เห็นหัว ก็ต้องพ่วงไปด้วย .. สุดสัปดาห์นี้ ใครบังเอิญต้องไปสิงคโปร์แล้วเห็น “ลิ่วล้อทักษิณ”เดินกันขวั่กไขว่ ก็อย่างได้แปลกใจไป
**คนใช้ไม่ได้ร่าง คนร่างไม่ได้ใช้ !! “คนวงการมวย”ค้านแก้ พ.ร.บ.มวยฯ ห้ามเด็ก 12 ชกมวยไทย เซ่นเหตุสลด“น้องเล็ก”เด็กอายุ 13 เสียชีวิตบนสังเวียน“ขาวผ่อง - ครูเป็ด”วอน “คนเขียน กม.”อย่าด่วนทำลายการพัฒนา“มรดกชาติ”เชื่อเถอะ“นักมวยไทย”ไม่มีใครอยากเจ็บตัว แต่จำเป็นต้องชกแต่เด็ก “หาเลี้ยงครอบครัว”หนทางป้องกันมีอยู่ แค่เปิดใจรับฟังกันบ้าง
ขอแสดงความเสียใจ .. กับครอบครัว “น้องเล็ก”อนุชา ทาสะโก หรือชื่อในวงการมวย เพชรมงคล ส.วิไลทอง เด็กชายอายุ 13 ปี ที่เสียชีวิตจาก“อุบัติเหตุ”ระหว่างขึ้นชกมวย .. และเป็นทุกครั้งที่มีการสูญเสียบนสังเวียน ที่ไม่ทันไรก็มี “เซียนหลังเกม”จุดพลุ ผุดประเด็นร่างแก้ไข พ.ร.บ.กีฬามวยฯอีกคำรบ .. แล้วก็เหมือนเดิม “วัวหายล้อมคอก”โยนหินออกมาดื้อๆ ว่า “ห้ามเด็กต่ำกว่า 12 ปี ทำการแข่งขันมวยไทย”พูดแค่นี้ บางคนก็อาจจะเห็นดีด้วย .. แต่มันก็เข้าทำนอง “คนใช้ไม่ได้ร่าง คนร่างไม่ได้ใช้”ทุกครั้งไป ด้วยคนเขียน-คนแก้กฎหมาย ก็ไม่ได้ใช้ “ข้อเท็จจริง”เป็นตัวนำ .. ตีขลุม นึกไปเองว่า เด็กเกินไป ก็เลยได้รับอันตรายจากการเล่นกีฬา ทั้งที่ความจริงมันคือ“ปลายเหตุ”..แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ “คนในวงการมวย”ทีไม่ได้ช่ำชองเรื่องกฎบัตร-กฎหมาย ต้องออกมาค้าน .. เรียงหน้าออกมาทั้ง "ขาวผ่อง" ทวี อัมพรมหา ตำนานนักชกไทย ที่ควง“ครูเป็ด”เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง นายกสมาคมมวยไทยนายขนมต้ม .. มาแถลงจุดยืน ค้านร่างแก้ไข พ.ร.บ.มวย ในประเด็นห้ามเด็กต่ำกว่า 12 ปี ขึ้นสังเวียนมวยไทย ..
ไม่ได้ค้านแบบยืนกระต่ายขาเดียว แต่แนะนำทางออก หาทางป้องกันอุบัติเหตุให้รัดกุม ผ่านกฎหมาย .. กำหนดให้ชัด มาตรฐานอุปกรณ์ป้องกัน เฮดการ์ด นวม พื้นสนาม ต้องลดแรงปะทะเวลาล้มลง .. อีกทั้งกฎเหล็กที่ว่า จะขึ้นชกต้องมีระยะห่างอย่างน้อย 21 วัน ก็มีอยู่แล้ว .. เล่าท้าวความว่า เหตุสลดกับ “น้องเล็ก”ไม่ได้ถูกต่อยจนเสียชีวิต แต่เป็นจังหวะถูกหมัด แล้วล้มศีรษะฟาดพื้น ซึ่งเป็น“อุบัติเหตุ” ..อาจจะฟังดูโหดร้าย แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า “อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ” ..อีกทั้งต้องทำความเข้าใจด้วยว่า “ยอดมวย”ที่ฝีมือมือฉกาจฉกรรจ์บนสังเวียน ล้วนแล้วแต่ถูกดันขึ้นสังเวียนในวัยที่ต่ำกว่า 10 ขวบ .. เฉกเช่นเดียวกับกีฬาอื่นๆ ที่ต้องหยิบจับกันตั้งแต่เยาว์วัย ถึงจะ“มีความเป็นเลิศ”ขึ้นมาได้ .. ต่างกันนิดที่ “นักมวยไทย”ไม่ได้มีใครอยากเจ็บตัว โดยมากจำเป็นต้องชก เป็นอาชีพ “หาเลี้ยงครอบครัว”ตั้งแต่วัยเด็ก .. ถามว่าหากเอาแค่“ห้ามเด็กต่ำกว่า 12 ปี ชกมวยไทย”เป็นตัวการพัฒนา “กีฬามวย”โดยเฉพาะ “มวยไทย”ที่เป็น “มรดกชาติ”จะไปในทิศทางไหน .. ไหนๆ เป็นประเด็นขึ้นมา และอยู่ในวาระการแก้ไขผลักดัน ก็ควรให้“คนในวงการ”ไปร่วมเขียน หรือแสดงความคิดเห็น .. สุดท้ายหากความเห็นของ “คนวงการมวย”ฟังไม่ขึ้น ก็ว่าไปตามกระบวนการ แต่อย่างน้อยก็ควรรับฟังความเห็นกันบ้าง .. ไม่ใช่เล่นกับกระแส แล้วสุมหัวเขียนเอง-เออเองกันอยู่ใน“ห้องแอร์”โดยขาดข้อมูล-ข้อเท็จจริง บน“สังเวียน”
ช.ชฎา


