ข่าวปนคน คนปนข่าว
**วัดใจ“รมต.อาคม”!!จ่อเคาะ “ผอ.การท่าเรือฯคนใหม่”เร็ววันนี้ แว่วว่าอาจ “ลุยถั่ว”จิ้ม “ตัวเต็ง”ตามธง ไม่สน “บัตรสนเท่ห์”ที่ร่อนไปถึง “ตึกไทยฯ”ชำแหละ “ตำนานผัวเมียขาใหญ่”ทำมาหารับประทานในการท่าเรือฯ ตัวการโกง โอที 3.3 พันล้านบาท เรื่องคาอยู่ที่ป.ป.ช. แล้วยังมี“ตำนานเจ๊ดัน” ส่ง “คนมีตำหนิ”โดนคำสั่ง คสช.ปลด มาร่วมชิงชัย งานนี้อยู่ที่ “รมว.คมนาคม”เลือกไม่ดี ควัก “คนมีแผล”ขึ้นเป็นใหญ่ มีหวังเรตติ้งคสช. จะเน่าไปด้วย
ฝุ่นตลบอบอวล .. ศึกชิง “อาณาจักรคลองเตย”การสรรหา ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) คนใหม่ ที่ว่างเว้นร้างเจ้าของตัวจริงมานาน .. แว่วว่า วันสองวันนี้ “ระดับตัดสินใจ”จะเรียกผู้เกี่ยวข้องไปเคาะชื่อ “ผอ.การท่าเรือฯคนใหม่”กันแล้ว .. หลังจากรีพอร์ตโดย กฤชเทพ สิมลี รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหา ผอ.กทท. เพิ่งมากองบนโต๊ะสดๆ ร้อนๆ .. แว่วหนักไปอีกว่า ที่ตรวจสอบประวัติ โชว์วิสัยทัศน์กันมา ก็แค่“พิธีกรรม” ไม่มีผลในการตัดสินใจ .. ด้วยมี“ธง”ให้เคาะตามอยู่ ส่อแววสนับสนุน “คนมีแผล”ให้เป็นใหญ่เสียด้วย .. เสียงลือ หรือเรื่องจริง คงต้องถาม อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ที่กำกับดูแลกทท. แล้วยังเป็นบอสของ“รองฯกฤชเทพ”ด้วย .. แล้วก็ต้องถาม “อาคม”ต่อด้วยว่า จะวางตัว “บิ๊กบอสท่าเรือ”คนใหม่ทั้งที เคยได้ยิน “ตำนานผัวเมียขาใหญ่”ผ่านหูบ้างไหม .. เป็นตำนานเรื่องเดียวกับที่ปรากฏอยู่ใน “บัตรสนเท่ห์”ที่ว่อนไปทั่วทั้ง “อาณาจักรคลองเตย”..แล้วยังกระเด็นไปถึง “ตึกไทยคู่ฟ้า”ให้เบาะแสว่ามี “มาเฟีย-คนโกง”เป็นใหญ่อยู่ใน กทท. สำคัญที่ระบุชื่อเสียงเรียงนามชัดเจนเสียด้วย .. เป็น “ตำนานผัวเมียขาใหญ่”ที่ใหญ่โตอยู่ในองค์กรเดียวกันแถวๆ คลองเตย คนหนึ่งเป็น “ท่านรองฯ”อีกคนเป็น “ผู้ช่วย” ..เป็นที่มาของ “ผลประโยชน์ทับซ้อน”มีข้อร้องเรียนเป็นกระบุง ทั้งการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ของหน่วยงาน ที่ปรากฏว่า มีแต่บรรดาญาติสนิทมิตรสหาย “บิ๊ก กทท.” ได้เช่าราคาถูก องค์กรเสียประโยชน์ไปมหาศาล สวนทางกับ “ผัวเมีย”ที่รวยอื้อซ่า ..
แล้ว “ผัวเมียคู่นั้น”ใช้อำนาจในการรับพนักงานการท่าเรือ แลกกับการ“เรียกรับเงิน”แล้วยังมีการตามมา “หักหัวคิว”จากเงินเดือนอีกด้วย .. ถ้าจำกันได้ ข่าวโด่งดังที่ “ดีเอสไอ”ส่งสำนวนให้ “ป.ป.ช.”เข้าไปสาง “ขบวนการโกงโอที”ภายใน การท่าเรือแห่งประเทศไทย มูลค่ากว่า 3.3 พันล้านบาท .. นั่นก็ถูก “กล่าวหา”ว่า “ผัวเมียคู่นั้น”เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โดยใช้อำนาจดูแล “ฝ่ายบุคคล”ปล่อยให้ทุกแผนกเบิกโอที-ค่าล่วงเวลากันเต็มที่ ทั้งที่ไม่ได้ทำงานจริง .. แล้ว “ผัวเมียคู่นั้น”ค่อยย้อนมาไล่เก็บ “ส่วนต่างโอที”เข้ากระเป๋าตัวเองทีหลัง .. นี่ขนาดอยู่ในตำแหน่งไม่สูงที่สุด ยังมีเข้าขา “เขี่ยลูก-ชงหวาน”ให้กันเป็นประจำ แล้วถ้าจับพลัดจับผลูขึ้นเป็น “เบอร์หนึ่ง”ได้ ไม่อยากจะนึกภาพ .. ส่วนอีกเรื่องก็เป็น “ตำนานเจ้าแม่บอร์ด”ที่มักจะทำตัวเป็น “แม่ยก”วางคนของตัวเองไปคุมองค์กรใหญ่ๆ ทำทุกวิถีทาง “คลุกวงใน-ล้วงลูก-วิ่งเต้น”สารพัด เพื่อให้ “สมปรารถนา”..
รอบนี้ 1 ใน 4 แคนดิเดต ที่เข้าชิงเก้าอี้ ผอ.การท่าเรือฯ ก็มี “เด็กเจ๊”โผล่มาด้วยหนึ่งหน่อ .. แต่ไม่รู้เด็กหมดมือ หรืออย่างไร ถึงไปควักเอา “คนมีตำหนิ” ที่เคยเจอคำสั่ง คสช. เด้งดึ๋งกลางอากาศ วกกลับมาลงในตำแหน่งสำคัญ .. ถึงวันนี้ยังไม่มีการระบุความผิดชัดเจน แต่ถึงขั้นโดน “คำสั่งคณะรัฐประหาร”ดีดออก ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ “ไม่ธรรมดา”แน่นอน .. ทั้ง “ตำนานผัวเมีย-ตำนานเจ้าแม่”ที่เล่าไป เป็น 2 ตำนาน ที่มันโยงใยถึงการสรรหา “ผอ.กทท.”รอบนี้โดยมิได้นัดหมาย .. เป็นตำนานที่ “คนบนตึกไทยฯ”ได้สดับรับฟังแล้วซะด้วย แต่ไม่รู้ว่าร่อนไปถึงโต๊ะทำงาน “เจ้ากระทรวงหูกวาง”บ้างไหม .. แต่หากยังไม่เคยได้ยิน ก็เชื่อว่าระดับ “รมต.อาคม”คงเช็กเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก อยู่ที่ว่าจะ “ลุยถั่ว”ควักเอา “คนมีแผล”ขึ้นมาคุมการท่าเรือฯ ที่ดูแล “ขุมทรัพย์แสนล้านสุดขอบน้ำ”อย่างที่เขาร่ำลือกันอื้ออึง หรือเปล่า .. ต้องไม่ลืมว่า กทท. ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากในการร่วมผลักดันโครงการ EEC ที่เป็นผลงานชิ้นโบแดงของ คสช. .. หากอุ้มชู หนุนส่งให้ “คนที่ไม่เหมาะสม”เข้ามาเป็นใหญ่ ก็ย่อมกระทบกับภารกิจของ คสช. อีกทั้งยังตอบคำถามสังคมไม่ได้ด้วย .. อาจถึงขั้นฉุดรั้งให้คะแนนนิยมที่ตกต่ำของรัฐบาล ให้ต่ำตมลงไปอีกเป็นแน่แท้
**เปิดสูตรแก้สมการมีชัย!! “เครือข่ายแม้ว”เคาะส่ง 2 พรรค ลุยเลือกตั้ง “เพื่อไทย”ส่งแค่ 250 เขตเน้นส.ส.เขตชัวร์ๆ หลบให้ “ไทยรักษาชาติ”อีก 100 เขต ที่คาดว่าแพ้แน่ หวังเก็บตก คะแนนแลก“ปาร์ตี้ลิสต์”แทน งานนี้ทำเอา“เจ๊แดง ณ เพื่อธรรม”หัวเน่า อุตส่าห์ทำพรรคเสร็จก่อน แต่“พี่ชาย” สายตรง ห้ามส่งผู้สมัคร หวั่นแย่งเสียงกันเอง
ขยับกันรายวัน .. “เครือข่ายทักษิณ”ที่คิดกันหัวปั่น แก้สมการโจทย์หินที่ มีชัย ฤชุพันธุ์ วางค่ายกล“จัดสรรปันส่วนผสม”เอาไว้สำหรับการเลือกตั้ง .. ที่ไม่เอื้อให้ พรรคการเมืองเดียวชนะถล่มทลาย แลนด์สไลด์ได้เหมือนสมัยก่อน ก็เลยมีการโยนสูตร“แยกกันเดิน รวมกันตี”ออกมา .. จนพวกจับทิศทางลมได้ พากันแตกกระสายซ่านเซ็นไว้เกือบ 10 พรรค แต่ทำไปทำมา ดูจะไม่เวิร์ก .. ที่หากเวลาลงสนามแล้วคะแนนฐานเสียงแตกยิบย่อยไปตาม“พรรคสาขา”ที่เปิดรอไว้ก็ยุ่ง แล้วจะเสร็จ “ตาอยู่”คว้าพุงปลาไปกิน .. ล่าสุด ตกผลึกตัดช้อยส์อื่นทิ้งเหี้ยน เหลือแค่ 2 พรรค หนึ่ง สาขาหลักพรรคเพื่อไทย ที่เอาไว้ล่า ส.ส.เขตแบบเน้น ปูพรมส่งผู้สมัครแค่ 250 จากทั้งหมด 350 เขตทั่วประเทศ .. ด้วยดีดลูกคิดแล้วว่า จำนวนส.ส.เขต จะทะลุเกินกว่าคะแนนพรรค ที่เอาไว้เคาะจำนวน “ส.ส.พึงมี”ก็เท่ากับเอาคะแนนโยนทิ้งน้ำไปเปล่า .. เหมือนที่เคยมีคนเอาผลเลือกตั้งปี 54 มาเป็นตุ๊กตา สรุปพรรคเพื่อไทย ที่นั่งหดไปมากกว่า 20 ที่นั่งเลยทีเดียว .. ขณะที่ สาขาสอง “พรรคไทยรักษาชาติ”ที่ไปเซ้งหัวพรรคอื่นมา นัดเปิดตัวกันวันนี้ วางตัว “เสี่ยป๋อม”ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีต ส.ส.ขอนแก่น ลูก“เสริมศักดิ์-ระเบียบรัตน์”เป็นหัวหน้า .. ชูธง “พรรคคนรุ่นใหม่”ส่งผู้สมัครแค่ 100 เขตที่เหลือ ในโซนภาคกลาง ตะวันออก ใต้ หรือเขตที่น่าจะแพ้คู่แข่ง เอาแค่ได้แต้มมากที่สุด สะสมไปแลกที่นั่งปาร์ตี้ลิสต์ ..
อันเป็นเหตุให้ แกนนำผู้ใหญ่ในเพื่อไทย หลายรายเตรียมออกมาอยู่พรรคไทยรักษาชาติ เพื่อมาสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อทางนี้แทน .. แต่หลายรายที่มีข่าว อย่าง “เสี่ยอ๋อย”จาตุรนต์ ฉายแสง หรือ “เสี่ยนพ”นพดล ปัทมะ ก็ยืนยันว่า ขออยู่กับพรรคเพื่อไทยต่อไป ด้วยไม่อยากไปเดินตาม “เด็กรุ่นหลัง”สู้เสียฟอร์มนิดๆ อยู่ใต้อาณัติ “เจ๊หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ต่อไปดีกว่า ถึงไม่ได้เป็น ส.ส. แต่ก็มีลุ้นเก้าอี้รัฐมนตรี หากเข้าเป้าตามแผน 250-300 ที่นั่ง .. วางงานเสร็จสรรพ กลายเป็นว่า “เพื่อธรรม”ของ “เจ๊แดง”เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ ที่อุตส่าห์แต่งเนื้อตัวพร้อมก่อนเพื่อน กลายเป็น “หมาหัวเน่า” ..เมื่อ “บิ๊กบอสดูไบ”สั่งตรงถึง “น้องสาวสุดเลิฟ”ว่า ในสถานะเป็นแค่ “อะไหล่สำรอง”หากพรรคเพื่อไทยถูกยุบ .. แต่ในระหว่างที่ยังไม่มีการยุบพรรคเพื่อไทย ก็ไร้ประโยชน์ และห้ามส่งผู้สมัคร ส.ส. มาแย่งฐานเสียงจาก 2 พรรคหลัก
**คาราคาซัง!! “สุวพันธุ์”ซื้อเวลาอีกรอบ ขอ 30 วัน เคาะปม“หมู่บ้านป่าแหว่ง”แต่เสียงทะแม่ง อ้าง “คนนอกพื้นที่”เห็นว่า “ไม่ควรรื้อ”และให้ใช้ประโยชน์อย่างอื่น ทั้งที่ “ลุงตู่”เคยรับปาก ห้ามอยู่อาศัย รื้อถอน ปลูกป่า โอนคืนกรมธนารักษ์ และหาที่สร้างใหม่ให้สำนักงานศาลอุทรณ์ ภาค 5 ได้แล้วด้วยซ้ำ
โถๆ นึกว่าจบนานแล้ว .. ปม “หมู่บ้านป่าแหว่ง”อาคารที่ทำการศาลอุทรณ์ ภาค 5 และบ้านพักข้าราชการตุลาการ ตีนดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ .. ก็ความเห็นทุกฝักฝ่าย ยอมรับตรงกันว่า “ใช้ประโยชน์ไม่ได้”โดยเฉพาะ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ขึงขัง “ห้ามพักอาศัยเด็ดขาด” มานมนามหลายเดือนแล้ว .. ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง โยนให้ “เดอะโก้”สุวพันธุ์ ตันยุวรรธณะ รมต.สำนักนายกฯ รับหน้าเสื่อ .. เพิ่งมาอัพเดตล่าสุดว่า ขอเวลาอีก 30 วัน ก่อนชงรัฐบาลตัดสินใจว่าเอาไงดี “รื้อ-ไม่รื้อ”หรือส่งมอบพื้นที่กันอย่างไร .. แต่ก็มี “ระหว่างบรรทัด”ที่ทะแม่งๆ เมื่อ “เดอะโก้”อ้างว่า ข้อเสนอจาก “ภาคประชาชนที่ไม่ได้อยู่เชียงใหม่”มีความเห็นไว้ว่า “ไม่ควรรื้อ”และให้ใช้ประโยชน์อย่างอื่น .. พร้อมอ้างอีกว่า ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าโครงการก่อสร้างนี้ “ชอบด้วยกฎหมาย”ทุกขั้นตอน .. ได้ฟังเท่านั้น “กลุ่มทวงคืนป่าแหว่ง”ก็อดที่จะหวาดระแวงไม่ได้ นอกจากจะเป็นลวดลาย “ลากถ่วง-ซื้อเวลา”ที่ทำมาหลายครั้งหลายหนแล้ว .. ยังเหมือนกับว่า “เดอะโก้”ลอง “โยนหิน”โดยอ้าง “คนนอกพื้นที่”กรุยทาง “ใช้ประโยชน์” ในพื้นที่ “ป่าแหว่งวิลเลจ” ต่อหรือเปล่าอีกด้วย ..
เพราะต้องไม่ลืมว่า “ข้อตกลงร่วมกัน”เมื่อต้นเดือนพ.ค.61 ในส่วนของบ้านพัก 45 หลัง อาคารชุด 9 หลัง ที่อยู่ในเขตแนวป่าดั้งเดิมที่เป็น “ป่าสมบูรณ์” .. ตรงตาม “ดำริ”ของท่านายกฯด้วยว่า “ไม่ให้มีหน่วยงานใดเข้าไปอยู่อาศัย”ในพื้นที่ป่าดั้งเดิม รวมทั้งต้องฟื้นฟูผืนป่าด้วย .. ส่วนพื้นที่ “อาคารสำนักงาน”ที่อยู่ด้านล่างนั้น คิดอ่านตรงกันว่า สามารถใช้ประโยชน์ได้ .. อย่างไรก็ดี เพื่อตัดปัญหา ทางรัฐบาลก็เลยออกปากรับคำ ขอเป็นภาระในการจัดหาพื้นที่สร้าง-งบประมาณ สำหรับการก่อสร้าง “บ้านพัก-สำนักงาน”ของศาลอุทธณ์ภาค 5 .. อีกทั้งทาง “สำนักงานศาลยุติธรรม”ก็ไปดูทำเล ปักหมุดขอใช้พื้นที่ ที่จ.เชียงราย ไว้แล้วด้วย .. จากเรื่องที่น่าจะจบไปนานแล้ว กลายเป็น “ยืดเยื้อ-ซื้อเวลา”ขึ้นมาอีก โดยเฉพาะในยามที่กำลังงวดเข้าสู่การเลือกตั้งซะด้วย .. แล้วยังมี “คิวสำคัญ”ที่ “ลุงตู่”รับปากเป็นมั่นเหมาะ ยกคณะไปลงพื้นที่จ.เชียงใหม่ ในเร็ววันนี้ซะด้วย .. หากทิ้งปม “ป่าแหว่ง”ค้างคาอยู่แบบนี้ ถึงวันนั้น บรรยากาศคงดูไม่จืด
ช.ชฎา