กลาโหมเผยยอดผู้สมัครใจเข้ารับราชการทหารสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 58 “ประวิตร” ย้ำต้องใส่ใจดูแลทหารทุกนายเสมือนพี่น้องและเป็นไปอย่างสมเกียรติ ห้ามลงโทษเกินระเบียบโดยเด็ดขาด
วันนี้ (5 พ.ย.) พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้รับทราบรายงานผลการตรวจเลือกทหารกองเกินทั่วประเทศ ประจำปี 2561 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยสรุปยอดทหารกองเกินเข้ารับการตรวจเลือกทั่วประเทศ 525,621 คน ยอดที่กองทัพต้องการ 104,734 คน หรือร้อยละ 20 ของยอดเข้ารับการตรวจเลือก (กองทัพบก 80,011 : กองทัพอากาศ 16,000 : กองทัพเรือ 8,723) มีผู้สมัครใจเป็นทหาร 44,797 คน หรือร้อยละ 43 ของยอดที่ต้องการ เป็นผลให้มีผู้จับสลากจำนวน 214,519 คน เข้าประจำการ 58,739 คน หรือร้อยละ 27 ของยอดจับสลาก
จากข้อมูลดังกล่าว จำแนกพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มียอดทหารกองเกินเข้ารับการตรวจเลือก 10,662 คน ยอดที่กองทัพต้องการ 2,446 คน หรือร้อยละ 20 ของยอดเข้ารับการตรวจเลือก มีผู้สมัครใจเป็นทหาร 1,679 คน หรือร้อยละ 69 ของยอดที่ต้องการ เป็นผลให้มีผู้จับสลากจำนวน 6,779 คน เข้าประจำการ 700 คน หรือร้อยละ 10 ของยอดจับสลาก
ทั้งนี้ ภาพรวมของการตรวจเลือกทหารกองเกินทั่วประเทศที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2554-2557 มีผู้สมัครใจเข้าเป็นทหาร โดยเฉลี่ยร้อยละ 31 ต่อปี จากยอดที่กองทัพต้องการในแต่ละปี สำหรับปี 2558-2561 มีผู้สมัครใจเข้าเป็นทหาร โดยเฉลี่ยร้อยละ 46 ต่อปี จากยอดที่กองทัพต้องการในแต่ละปี ซึ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา
เขากล่าวว่า พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้กำชับหัวหน้า นขต.กห.และ ผบ.เหล่าทัพ ให้ความสำคัญในการกำกับดูแล และปฏิบัติกับทหารทุกคนอย่างสมเกียรติ การฝึกปรับสภาพทหารใหม่ทุกนายให้ดำเนินการตามแบบฝึก โดยพิจารณาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ให้มีอันตราย สำหรับการลงโทษให้ยึดแบบธรรมเนียมทหารอย่างเคร่งครัด โดยต้องไม่มีการใช้ความรุนแรงโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้ ขอให้ระลึกว่าทหารทุกนายเปรียบเสมือนลูกหลาน หรือน้องๆ ที่หมุนเวียนเข้ามารับใช้ชาติและช่วยเหลือประชาชน กองทัพต้องเป็นสถาบันหลักที่ต้องเป็นที่เชื่อมั่นแก่ประชาชน พร้อมทั้งใช้โอกาสนี้ในการช่วยเสริมสร้างทหารทุกคนให้มีวินัย ช่วยเหลือพัฒนาการศึกษาและทักษะอาชีพทหารทุกนายให้พร้อมที่จะเป็นหลักให้กับครอบครัวเมื่อปลดประจำการ