ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ดูไว้เป็นตัวอย่าง!! สภาพ “หมดราคา-สิ้นสภาพ”ของ “สุเทพ”จาก “ปรากฏการณ์ยี้”ผ่านการเดินคารวะแผ่นดิน ผลพวงของการทรยศ “อุดมการณ์” ที่ไม่ค่อยจะมี ย่ำยี“วาระปฏิรูป”ของ“มวลมหาประชาชน”เป็นชะตากรรมที่ “ลุงตู่”ต้องดูไว้เป็นเยี่ยง แต่ไม่ควรเอาอย่าง ยังมี“เวลา-อำนาจ-โอกาส”ทำเรื่องดีๆ ให้กับประเทศ-ประชาชน ต้องไม่ปล่อยให้ “เสียของ”
“คนกรุงเอือมกำนัน” ..โดนใจจริงๆ กับพาดหัวตัวไม้ของเพื่อนสื่อ“นสพ.ไทยโพสต์”ฉบับวันวานนี้ สะท้อนบทสรุป“เดินคารวะแผ่นดิน” ของ “กำนันเทือก”สุเทพ เทือกสุบรรณ ในพื้นที่ กทม.ร่วมสัปดาห์ ได้เป็นอย่างดี .. แต่จะว่าไป ก็อาจจะไม่ตรงซะทีเดียว ด้วยเชื่อเหลือว่า “คนพื้นที่อื่น”ก็ “เอือม”ไม่แพ้กัน จริงไม่จริงอีกไม่กี่วันคงได้รู้ หลัง “ลุงเทือก”หอบทีมงานย้ายวิกไปเดินในพื้นที่ต่างจังหวัด .. หอบความบอบช้ำ“กระแสติดลบ”จากเมืองกรุง ไปประเดิมเปิดหัวกันที่ “เมืองจันทบูรณ์”ตามรอย “พระเจ้าตากฯ”นัยว่า ใช้กิมมิก “ทุบหม้อข้าวหม้อแกง”กอบกู้ชาติบ้านเมือง .. แม้จะอ้าง “เสียงด่าทอ”ที่กระหน่ำใส่เป็นรายวันนั้น มาจาก“ขบวนการจัดตั้ง”ของฝ่ายตรงข้ามก็ตาม แต่ลึกๆ แล้วต้องดูที่ “ความหมางเมิน-วางเฉย”ไม่มีใครมาแห่แหน มาต้อนรับ เหมือนครั้งเป็น “ลุงกำนัน”มากกว่า .. เป็นการแสดงออก“อย่างเป็นธรรมชาติ”เพราะรู้สึกถูก “หักหลัง”จากผู้นำมวลชน กปปส. จน "สุเทพ" ไม่ต่างจาก "วิญญาณ" ที่คนมองไม่เห็น .. เป็นผลพวงมาจาก“การกระทำ-จุดยืน”ของ “สุเทพ”เอง ที่หลงลืมธง“ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”ที่เคยแผดเสียงลั่นเวทีชุมนุม กปปส. เสียสิ้น ..
ตลอด 4 ปีกว่า ภายใต้การปกครองของ คสช. กลับไร้ท่าทีกดดันใดๆ จาก “อดีตเลขาธิการ กปปส.”ที่จะทวงถาม “วาระปฏิรูป”แต่อย่างใด แถมยังก้มหน้าก้มตา สนับสนุนอย่างไร้เงื่อนไข .. แล้วยัง “ตระบัดสัตย์”ตั้งพรรค มุ่งสู่ถนนสายการเมือง ทั้งที่เคยประกาศไว้เมื่อครั้ง“ห่มเหลือง”เป็น “พระสุเทพ ปภากโร”ว่าจะไม่กลับมาเล่นการเมืองอีกแล้ว .. “วาระปฏิรูป”ไปไม่ถึงไหน มาวันนี้กลับตาลปัตร จะมาชูธง“เลือกตั้งก่อนปฏิรูป”ซะอย่างนั้น นอกทรยศ “อุดมการณ์”ที่ไม่ค่อยจะมีของตัวเอง แล้วยังย่ำยี “วาระแห่งชาติ”ของ “มวลมหาประชาชน”เสียอีก .. สภาพ “หมดราคา-สิ้นสภาพ”ของ“สุเทพ” จาก “ปรากฏการณ์ยี้”เป็น “เครื่องเตือนสติ”ให้เห็นถึง “อนิจจัง”ว่าอะไรๆ ก็ไม่เที่ยง .. เคสของ“สุเทพ”ใช้เป็นกรณีศึกษาได้ดี จากนักการเมืองผู้ถูกมอบสมญา“จรกาหน้าดำ”กลายมาเป็น “ฮีโร่ของคนทั้งชาติ”ในเวลาชั่วข้ามคืน กับปฏิบัติการต่อต้าน“รัฐบาลระบบอบทักษิณ”จนฟีเวอร์ติดลมบน .. ผ่านไปไม่นาน สูงสุดมาสู่ต่ำสุด และถึงขั้น“ติดลบ”ต่ำตมจมดิน ด้วยความที่ไม่รักษาคำพูด และไม่ยึดโยงประโยชน์ประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้ง .. เป็นชะตากรรมของคนๆ หนึ่ง ที่ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ควร“ดูไว้เป็นเยี่ยง แต่ไม่ควรเอาอย่าง”..“ลุงตู่”ในฐานะ “ผู้นำประเทศ”ไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ยังมี“เวลา-อำนาจ-โอกาส”ในการทำเรื่องดีๆ ให้กับประเทศชาติ-ประชาชน .. อย่าปล่อยให้ “เสียของ”แล้ว “ล้มละลายทางการเมือง” ไปเหมือนกับ “อดีตลุงกำนัน”เลย
**แยกแยะกันบ้าง!! ขบวนการจับผิดราคา“ฮ.เจ้าสัว”กับ “ฮ.ทัพบก”ตีขลุมสรุปเสร็จสรรพว่า ของ ทบ.ราคาแพงกว่า“เป็นเท่าตัว”ทั้งที่รุ่นเก่ากว่า เข้าทาง“นักร้อง (เรียน) มือ 1”โร่ไปชงเรื่องให้ สตง. ตรวจสอบทันที อ้างดู“ซีรีย์นัมเบอร์”ของ ทบ.เลขน้อยกว่า ต้อง“รุ่นเก่า-ถูกกว่า”ปราศจาก “ข้อมูลทางเทคนิค”รองรับ คสช.งัดสเปก ตอกหน้าหงาย ฮ.กองทัพ เกรด Militalyอุปกรณ์เพียบ พร้อมถ่ายทอด“ความรู้วิทยากร”ด้วย
โยงกันอุตลุดชุลมุน .. คิวที่มีคนจับประเด็นราคา“เฮลิคอปเตอร์”ยี่ห้อ Agusta Westland รุ่น AW169 ของ “เจ้าสัวคิงเพาเวอร์” วิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้ล่วงลับ ที่ระบุท้ายข่าวว่า สนนราคา 280 ล้านบาทไทย .. โยงกลับมา“จับผิด”การจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ ยี่ห้อเดียวกัน รุ่น AW139 และ AW149 ของ“กรมการขนส่งทหารบก”สมัยที่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น ผบ.ทบ. มาจนเป็นหัวหน้าคสช. .. ตีขลุมสรุปเสร็จสรรพว่า มีส่วนต่างราคา แพงกว่ากัน “เป็นเท่าตัว”ฟังเผินๆ งานเข้า “พี่ทอปบูต”อีกแล้วแหงๆ .. ไม่พูดเปล่า“นักร้อง (เรียน) มือ 1”อย่าง ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย “ลุยถั่ว”โร่ไปชงเรื่องให้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ตรวจสอบทันที .. อ้างย้อนๆ ไปว่า “กรมการขนส่งทหารบก”จัดซื้อ ฮ. จาก Agusta Westland มาประมาณ 12 ลำ เจาะไปในยุค “ผบ.ตู่”ปี 2555 ซื้อ 2 ลำ หมดเงินไป 1,350 ล้านบาท เฉลี่ยลำละ 675 ล้านบาท .. หลังรัฐประหาร 2557 จัดซื้อ AW 139 เพิ่มอีก 2 ลำ งบประมาณ 1,474 ล้านบาท แพงกว่าเดิมอีก ส่วนต่างแต่ละครั้ง 6-700 ล้านแน่ะ .. แล้วยังมีปี 2559-2560 ที่ซื้อ AW 139 เพิ่มอีก 6 ลำ ส่วนรุ่น AW 149ได้มาในปี 2560 อีก 2 ลำ .. โดยอ้างว่าที่สงกะสัยต้องร้องให้สอบ ก็ด้วย ฮ.ของ“เจ้าสัววิชัย”มีซีรีย์นัมเบอร์ AW 169 น่าจะเป็น “รุ่นใหม่กว่า”ของ ทบ.ที่ซีรีย์นัมเบอร์น้อยกว่า คือ AW139 - AW149 ย่อมเป็น “รุ่นเก่าก่อน”แล้วทำไมถึง“ซื้อแพงกว่า” ..เป็น “ตรรกะ” ที่ล้อไปตามแนวทาง “แก๊งแอนตี้กองทัพ”ที่มีการเอาไปขยายความกันใหญ่โต โดยไม่รอดู “ข้อเท็จจริง” แม้แต่น้อย ..
แต่เพื่อความโปร่งใส เห็นว่า“บิ๊กแดง”พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. คนปัจจุบัน ก็เลยสั่งหน่วยที่เกี่ยวข้องตรวจสอบราคาจัดซื้อ ก็ได้คำตอบยืนยันว่า “ไม่ได้ซื้อแพง” ..เอาเข้าจริง กองทัพยังไม่ต้องชี้แจง ก็พออนุมานอย่างมีเหตุผลได้ว่า ไม่ควรเอา“ฮ.กองทัพ”กับ “ฮ.เชิงพาณิชย์”มาเปรียบเทียบราคากัน .. ทั้งวัตถุประสงค์ของ“ทหาร”กับ “พลเรือน”การใช้งานย่อมแตกต่างกัน ระบบต่างๆ การซ่อมบำรุง รายละเอียดอื่นๆ ก็คงไม่เหมือนกัน .. อีกทั้งที่ “ศรีสุวรรณ”หรือ “ชาวโซเชียล”อ้างนั้น ก็ไม่ได้เป็นรุ่นเดียวกันเสียด้วย .. จู่ๆ จะไปดูเลขรุ่น แล้วมาสรุปเอาเองว่า อันไหนใหม่กว่า เก่ากว่า ราคาถูกแพง หรือสเปกอันไหนแย่กว่ากัน โดยที่ขาดข้อมูลทางเทคนิคมาประกอบ ก็คงไม่เป็นธรรมกับทางกองทัพ .. เพราะเอาแค่ “ข้อมูลทางเทคนิค”ที่ว่า AW 169 เป็น ฮ.ขนาดเล็ก จุได้เต็มที่ 11 ที่นั่ง รับสัมภาระได้ 250 กก. ส่วน AW139 จุได้ 15 ที่นั่ง และรุ่นใหญ่ AW149 มี 19 ที่นั่ง เรื่องรองรับน้ำหนักไม่ต้องพูดถึง อัพได้ถึง 7-8,000 กก. สบายๆ .. หรือที่เพจ “กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย”ของ คสช. ระบุความแตกต่างไว้ว่า ฮ.ที่ ทบ.จัดซื้อ มีการนำ
เข้ามาประกอบใหม่ในประเทศไทย ค่าขนส่ง ประกันภัย ตรวจสอบการบิน แผนที่ดิจิทัล อุปกรณ์อากาศยาน เรดาร์ อุปกรณ์สื่อสาร ..แล้วยังมีเจ้าหน้าที่เทคนิคประจำในไทย 5 ปีเต็ม หรือเรียกว่า ซื้อของพ่วงคอร์สถ่ายทอด “ความรู้วิทยากร”มาด้วย .. พูดก็พูดเถอะ ไม่ได้วางใจการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพเท่าไรหรอก แต่ก็ไม่ใช่สักแต่ว่า ร้องแรกแหกกระเฌอ จับเอา“กระพี้”มาเปรียบเทียบ .. ถ้ารู้เช่นเห็นช่องว่า เขาทำมาหากิน เรียกรับผลประโยชน์ หรือซื้อ แพงจนผิดสังเกตจริงๆ ก็เอามากางกันให้เห็นๆ .. ไม่ใช่ว่าจับโยงมั่วซั่ว แบบไม่มี“องค์ความรู้-ข้อมูลเทคนิค”รองรับแบบนี้.
ช.ชฎา