xs
xsm
sm
md
lg

“เสี่ยหนู” ฟิตเปิดตัว “เศรษฐพงค์-ทีมเลือดใหม่” ภท. ลั่นพรรคหลักไม่ใช่อะไหล่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นายอนุทิน ชาญวีรกูล(แฟ้มภาพ)
“อนุทิน” ลั่น “ภูมิใจไทย” ขอเป็นผู้เลือก ปัดเป็นพรรคอะไหล่ พร้อมเปิดมิติใหม่ เศรษฐกิจเป็นหลัก การเมืองเป็นรอง พร้อมเปิดตัวทีมเลือดใหม่ระดมความคิดทุกด้าน ตั้ง “พ.อ.เศรษฐพงค์” นั่งโฆษกดูแลด้านดิจิทัล

วันนี้ (12 ต.ค.) ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดแนวคิดที่เตรียมสานต่อเป็นนโยบายพรรค ว่าวันนี้พรรคภูมิใจไทยมีอายุมากกว่า 10 ปี เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ตนในฐานะหัวหน้าพรรคจะทำองค์กรให้ก้าวหน้ายั่งยืน พรรคโชคดีที่แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่เรายืนอยู่บนความพร้อมของสมาชิกทุกคน ขณะนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นพรรคภูมิใจไทยโฉมใหม่เพราะเรานำผู้เชี่ยวชาญมาทำงานด้านต่างๆ ระดมสมองเพื่อพัฒนาแนวคิดไปสู่นโยบายสำหรับการเลือกตั้ง นโยบายวันนี้การเมืองถือเป็นเรื่องรอง แต่เศรษฐกิจต้องมาเป็นหลัก

วันนี้ต้องคิดถึงปากท้องของประชาชน เมื่อท้องอิ่ม ในกระเป๋ามีเงิน ประชาชนก็จะสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ นี่เป็นสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยเชื่อมั่น ส่วนเรื่องเล่ห์เหลี่ยมการฟาดฟันและวาทกรรมทางการเมืองที่นำมาทำลายคู่แข่งเพื่อเข้าสู่อำนาจนั้นไม่ใช่นัยของพรรคเรา คนในพรรคจะไม่พูดเรื่องที่เกี่ยวกับการเมืองถ้าไม่จำเป็น

หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยยังกล่าวถึงการมอบหมายให้ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ อดีตรองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นโฆษกพรรค ว่าเพราะพรรคภูมิใจไทยจะไม่เอาการเมืองมาเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อน แต่ต้องการนำเทคโนโลยียุคใหม่เพื่อมาสื่อสารให้ประชาชน จะไม่จับเพื่อเอามาโต้การเมืองหรือชิงไหวชิงพริบ แต่จะใช้นโยบายเพื่อประชาชน ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าเลือกคนได้ถูกต้องแล้ว

เมื่อถามว่า มีการวางตัว พ.อ.เศรษฐพงค์ให้เป็นถึงระดับรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า วันนี้กำหนดวันเลือกตั้งให้ได้ก่อน ส่วนเป้าหมายแรกของพรรคภูมิใจไทยคือทำอย่างไรให้ผู้สมัครได้เป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย หลังจากนั้นอะไรจะเกิดให้เป็นเรื่องของอนาคต เป็นเรื่องของผลการเลือกตั้ง

เมื่อถามถึงความชัดเจนของตระกูลสะสมทรัพย์ที่จะมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย นายอนุทินกล่าวว่า เราไม่ได้คุยกับใครคนใดคนหนึ่ง แต่คุยกับทุกคน ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ในส่วนของพรรคก็มีพัฒนาการเป็นที่น่าเชื่อถือของผู้สมัครที่มีความประสงค์ที่จะเป็นผู้แทน เรายังมีเวลาคัดเลือกผู้สมัครที่ดีที่สุด

เมื่อถามว่า กลุ่มสามมิตรทาบทามพรรคภูมิใจไทยไปร่วมงานด้วยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ขอย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยไม่มองด้านข้าง มองไปข้างหน้าอย่างเดียว พรรคเราดูแลตัวเอง มุ่งมั่นทำประโยชน์ให้ประชาชน ซึ่งเปรียบเหมือนเจ้านายของเราให้มากที่สุด

เมื่อถามต่อว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ปิดกั้นการร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เราดูตัวเองเป็นหลัก ไม่ใช่ดูคนอื่นเป็นหลัก ทำไมต้องบอกว่าเราไปร่วมกับคนนั้นคนนี้ ทำไมไม่คิดว่าคนอื่นจะมาร่วมกับเราบ้าง ให้เราได้เป็นผู้เลือกบ้าง ทำงานใหญ่ทั้งที ต้องให้ตัวเองมีความมั่นใจและมั่นคงมากที่สุด เมื่อถามต่อว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ใช่พรรคอะไหล่ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า พรรคตั้งใจทำงานขนาดนี้แล้ว หากได้รับความไว้วางใจที่มากพอสมควร เราก็ต้องแปรความต้องการของประชาชนว่าการที่เขาเลือกเราเข้ามาจำนวนเท่านี้ เขาต้องการให้เราเป็นอะไร

ก่อนหน้านี้นายอนุทินได้แถลงข่าวเปิดตัวคณะทำงาน หรือ New Blood ประกอบด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค รับผิดชอบแนวคิดด้านการเกษตร พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิวรรณ อดีตรองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย รับผิดชอบแนวคิดด้านดิจิทัลเวิลด์

นายพะโยม ชินวงศ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน รับผิดชอบแนวคิดด้านการศึกษา นายจุลภาส ทอม เครือโสภณ ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจระหว่างประเทศ อดีตกรรมการบริษัท Thai Air asia-X และอดีตทีมรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของนายบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา รับผิดชอบแนวคิดด้านการท่องเที่ยวและบริการ และนายสำเริง แหยงกระโทก อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ผู้เชี่ยวชาญระบบสาธารณสุขและศูนย์สุขภาพชุมชน รับผิดชอบแนวคิดด้านสาธารณสุข

โดยนายอนุทินกล่าวว่า ทีมงานดังกล่าวเป็นคณะทำงานของหัวหน้าพรรค และนำเสนอแนวคิดเบื้องต้นก่อนที่จะพัฒนาเป็นนโยบายของพรรคต่อไป ตามสโลแกน “ลดอำนาจรัฐ เพื่ออำนาจประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน” ส่วนตัวพยายามสร้างทีมงานเพื่อทำแนวคิดให้เกิดความเป็นจริง และเป็นนโยบายพรรค เมื่อสามารถประกาศนโยบายนำไปสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป และจากนี้พรรคจะไม่มองไปข้างหลัง มีแต่มองไปข้างหน้า เพราะหมดเวลาพูดถึงความขัดแย้ง

“เรื่องข้างหน้าเป็นสิ่งที่ต้องทำ และสมาชิกต้องรับแนวคิดนี้ไป เรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน เพราะปัญหาทั้งทั้งปวง มีจุดเริ่มที่เดียว คือ เงินไม่พอ ท้องไม่อิ่ม เราไปแก้ไขจุดเริ่ม ไม่ใช่แก้จุดกลาง หรือปลาย หากเราแก้ได้จะนำไปสู่ความสงบสุข สามัคคี และความมั่นคงทุกด้าน และจำเป็นจริงๆ พรรคจะไม่พูดการเมือง แต่จะพูดเรื่องแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนเพียงอย่างเดียวเท่านี้” นายอนุทินกล่าว

ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะการทำให้ประชาชนเกิดความสะดวก สบาย รวดเร็ว ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจให้กับประชาชน ด้วยการลดขั้นตอนต่างๆ เกี่ยวกับภาครัฐจนทำให้เกิดความล่าช้า อาทิ กฎระเบียบ เพราะสุดท้ายกว่าประชาชนจะได้อะไรจากภาครัฐก็สายเกินไป

นอกจากนี้ เรื่องการศึกษาซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นจะแก้ปัญหาด้วยการพักหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นเวลา 5 ปี เพื่อไม่ให้เกิดมนุษย์ NPL จะได้ไม่เป็นการสร้างภาระให้กับบุคลากรจบใหม่ เมื่อทำงานได้จึงค่อยมาชำระหนี้ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาส

อย่างไรก็ดี พรรคภูมิใจไทยคิดว่าถ้าตั้งใจลงทุนในบุคลากรของชาติ พรรคคิดว่าเงินทุนลงไปจะต้องสร้างความคุ้มค่าที่สุด นั่นคือความรู้ เพราะจะติดตัวไปตลอดชีวิต คนเราต้องมีความรู้ ความก้าวหน้า เมื่อสร้างรายได้มากขึ้นและมาชำระหนี้ ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ไม่ให้เป็นปัญหาในเรื่องปากท้องของประชาชน ลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ

“ผมฝันเห็นประเทศไทยเป็น THAILAND SHARING UNIVERSITY เรียนฟรีตลอดชีวิต แม้ผมป็นวิศวะ ทำงานการเมือง แต่เรียนรู้ด้วยตัวเอง เป็น WORLD GLOBAL KNOWLEDGE ด้วยการเอารวมช่องทางเพื่อให้คนเข้าไปสู่การศึกษาได้มากที่สุด ไม่ใช่เรียนที่บ้านเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนให้เรียนตามสถาบัน หรือใครไปประกอบอาชีพสามารถเรียนรู้ เพื่อทำมาหากินในอนาคต ของเหล่านี้มีในประเทศไทย แต่ยังไม่มีการนำมาบูรณาการ” หัวหน้าพรรคระบุ

สำหรับด้านการเกษตร ที่ผ่านมายังคงเห็นความเหลื่อมล้ำจนเกิดปัญหาต่างๆ ที่เกษตรกรได้รับความไม่เป็นธรรม แม้ที่ผ่านมาจะมีนโยบายต่างๆ ช่วยเหลือมากมาย แต่กลับแก้ไม่สำเร็จแบบยั่งยืน เช่น ข้าว อ้อย มัน ปาล์ม และยางพารา ดังนั้น จำเป็นต้องสร้างใหม่ด้วยการใช้ระบบแบ่งปันผลประโยชน์ หรือ Profit Sharing

ส่วนการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้จะใช้แนวคิดเปลี่ยนเสียงระเบิดเป็นเครื่องจักร SOUTH ECONOMIC CORRIDOR หรือ SEC ด้วยการต่อยอดจาก พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวัน พ.ศ. 2561 เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต และแก้ปัญหาตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา ให้เกิดความมั่นคง ยั่งยืน ไม่ใช่เฉพาะภาคใดภาคหนึ่ง แต่ให้เกิดขึ้นทุกภาค เพราะจะได้ไม่มีใครว่าประเทศไทยหลายมาตรฐาน

นอกจากนี้จะสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน BIO ENERGY หากพรรคได้ดูแลนโยบายพลังงาน เพื่อลดการใช้น้ำมันจากต่างประเทศ เพื่อผลิตอุตสาหกรรม มาใช้ไบโอพืชพลังงานทดแทน แม้ต้นทุนสูงขึ้นแต่เงินยังหมุนเวียนในประเทศ กำไรอยู่ในประเทศไทย คนไทยใช้ คนไทยทำ สร้างให้เกิดความมั่นคงตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง

ด้านท่องเที่ยวและบันเทิง แม้ประเทศไทยจะมีรายได้จากการท่องเที่ยว 20% ต่อจีดีพี แต่ยังคงขายในความเจริญ ไม่ได้เน้นความเป็นไทย ดังนั้น ส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้ไปใช้ชีวิตกับชาวบ้านในท้องถิ่น เช่น โฮมสเตย์ เพียงแต่วันนี้ยังไม่ได้รับการสนับสนุน เพราะติดเรื่องของกฎหมาย ดังนั้น ต้องจัดให้มีมาตรฐาน ใช้ทรัพย์สินที่ตัวเองมีเพื่อสร้างรายได้

ขณะที่ด้านสาธารณสุขจะพัฒนาการทำงานของ อสม.ให้มีจำนวนมากขึ้นและมีศักยภาพการทำงาน รวมถึงเครื่องมือ เพื่อให้ อสม.เป็นกลไกหลักของการทำงานด้านสาธารณสุขประเทศไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น