xs
xsm
sm
md
lg

บรรทัดฐาน“จีที 200” ลวงโลก ป.ป.ช.ต้องลาก“คนผิด”มาลงโทษ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง


ป้อมพระสุเมรุ

กลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง “ไม้ล้างป่าช้า” เครื่องตรวจจับอาวุธวัตถุระเบิดและยาเสพติดรุ่น “จีที 200” แก็ดเจ็ตยอดฮิตของหน่วยงานรัฐประเทศไทย โดยเฉพาะ “กองทัพ” ที่หมดเงินกว้านซื้อไปเป็นพันๆ ล้าน

ตามคิวที่ ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภค ได้ตัดสินยกคำร้อง-ไม่รับฎีกาของ บริษัท เอวิเอ แซทคอม จำกัด (เอวิเอ) ในฐานะจำเลย ส่งผลให้ “เอวิเอ” ต้องชำระเงินจำนวน 9 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กับ “กรมราชองค์รักษ์” ในฐานะโจทก์ ผู้เสียหายในคดีการจัดซื้อเครื่องตรวจจับอาวุธวัตถุระเบิด และสารเสพติด รุ่น จีที 200

ถัดมาไม่ถึงสัปดาห์ ศาลแขวงดอนเมือง ก็ได้อ่านคำพิพากษาในสำนวนการสอบสวน คดีพิเศษ ที่ 27/2556 คดีระหว่าง กรมราชองครักษ์ ผู้กล่าวหา กับ “เอวิเอ” กับพวก ผู้ต้องหา โดยศาลเห็นว่าจำเลยมีความผิดฐาน “ฉ้อโกง” จึงพิพากษาจำคุก นายสุทธิวัฒน์ วัฒนกิจ กรรมการบริษัท กรรมละ 3 ปี รวม 3 กรรม คงจำคุก 9 ปี และปรับ “บริษัทเอวิเอ” ในฐานะนิติบุคคล กรรมละ 6,000 บาท รวม 3 กรรม รวมปรับ 18,000 บาท

จากคำพิพากษาอันเกี่ยวกับ “เอวิเอ” ผู้ค้า “ไม้ลวงโลก” รายใหญ่ ก็ทำให้จับตามองกันว่า หน่วยงานอื่นๆ ที่เป้น “ผู้ซื้อ” จะมีการ "ต่อยอด" คำพิพากษาที่ระบุชัดเจนว่า "จีที 200 ไม่สามารถทำงานได้" และสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายคืน และเอาผิดทางอาญา ได้ด้วย

เห็นทาง "สำนักข่าวอิศรา" ไล่เรียงรายชื่อ หน่วยงานภาครัฐ ที่เป็น "ลูกค้า" ซื้ออุปกรณ์สื่อสาร และอื่นๆจาก "บริษัทเอวิเอ" ยาวเหยียดเป็นหางว่าว ตั้งแต่ กรมการสื่อสารทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด, กรมขนส่งทหารบก, กรมสรรพาวุธทหารบก, กรมสรรพาวุธทหารเรือ, กรมสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ทหารอากาศ, กรมศุลกากร, กรมการปกครอง, อบจ.สระแก้ว, อบจ.สมุทรปราการ รวมๆแล้วซื้อของจาก "เอวิเอ" ไปราว 1,400 ล้านบาท ตามรายการก็ไม่ใช่มี "จีที 200" เพียงอย่างเดียว ยังมีอุปกรณ์ชนิดอื่นอยู่ด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเหมือน "จีที 200" หรือไม่

ที่สะดุดตาก็คงเป็นรายของ "กรมสรรพาวุธทหารบก" ที่เป็นคู่ค้ากับ "เอวิเอ" อย่างน้อย 9 สัญญา ช่วงปี 50-52 ทั้ง 9 สัญญา ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องตรวจจับชนิดต่างๆ ที่พะยี่ห้อ "จีที 200" รวมมูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท

โดยยุคที่มีปัญหากับ "จีที 200" มากที่สุด ก็เป็นยุคที่ "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่รอง คสช. เป็น ผบ.ทบ. ช่วงปี 50-53 คาบเกี่ยวกับช่วงที่ "เอวิเอ" ขายของลวงโลกให้กับ ทบ.พอดี

เดิมทีก็นึกว่าทาง “กองทัพ” ดูจะไม่รู้ร้อน รู้หนาว แต่ก็มีข้อมูลสำคัญที่เพิ่งเปิดเผยมาจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในส่วนของ “กองคดีความมั่นคง” ระบุ ได้ทำการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว โดยได้สรุปสานวน และมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาฐาน “หลอกลวงด้วยประการใดๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในสภาพ และคุณภาพแห่งของนั้นอันเป็นเท็จ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271

ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เมื่อประมาณเดือน ธ.ค.57 ต่อมาพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 สำนักงานอัยการสูงสุด มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา ในความผิดฐาน “ฉ้อโกง” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341

ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 61 ศาลแขวงดอนเมือง ได้อ่านคำพิพากษาในสำนวนการสอบสวน คดีพิเศษ ที่ 218/2555 คดีระหว่าง กองทัพบก โดย กรมสรรพาวุธทหารบก ผู้กล่าวหา กับ “เอวิเอ” กับพวก ผู้ต้องหา โดยศาลเห็นว่า จำเลยมีความผิดฐานฉ้อโกงตามที่อัยการโจทก์ฟ้อง จึงพิพากษาจำคุก นายสุทธิวัฒน์ วัฒนกิจ กรรมการบริษัท ในฐานะส่วนตัว กรรมละ 3 ปี รวม 12 กรรม คงจำคุก 36 ปี ปรับ “เอวิเอ” ในฐานะนิติบุคคล กรรมละ 6,000 บาท รวม 12 กรรม รวมปรับ 72,000 บาท ส่วนจำเลยอื่น ให้ยกฟ้อง

อาจจะยังไม่ถ้วนทั่วทุกหน่วยงาน แต่คำพิพากษาที่ออกมาจาก “ศาลไทย” รวมไปถึง “ศาลต่างประเทศ” ที่ศาลอาญากลางอังกฤษและเวลส์ ตัดสินจำคุก ผู้ก่อตั้งบริษัท "โกลบอล เทคนิคอล" ซึ่งเป็นบริษัทแม่ผู้ขาย “จีที 200” รวมไปถึงฝาแฝดอย่าง “อัลฟ่า 6” เป็นเวลานับ 10 ปี รวมไปถึงมีการปรับเงินเอาผิดในทางแพ่ง ฐานฉ้อโกงด้วย

ย้อนไปเมื่อครั้งตอนที่ศาลอังกฤษพิพากษาใหม่ๆ “รัฐบาล คสช.” ได้มอบหมายให้ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ไปหาช่องทางในการเรียกร้องค่าเสียหาย ก่อนที่จะเลือนหายไปกลับสายลม

กระทั่งมีคำพิพากษาที่ทาง “กรมราชองครักษ์” ฟ้องร้องออกมา จึงมีการกระตุกให้หน่วยงานต่างๆ ที่ถูกหลอกลวงฟ้องร้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศกันให้ครบถ้วน ไม่ใช่ทำเหมือนแล้วก็แล้วกันไป เหมือน ทบ.สมัยที่ "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่รอง คสช. เป็น ผบ.ทบ. ช่วงปี 50-53 ที่ "กว้านซื้อ" เจ้าเครื่องลวงโลก "จีที 200" ไปทั้งหมด 757 เครื่อง เป็นเงิน กว่า 682 ล้านบาท 

พอรู้ว่า "ไม้ล้างป่าช้า" ที่ซื้อมาอย่างเมามันนั้นใช้ไม่ได้ "ผบ.ป๊อก" ก็แค่สั่ง "ปลดประจำการ" ซะดื้อๆ ไม่คิดจะตั้งกรรมการสอบสวนหา "ผู้กระทำผิด" แต่อย่างใด

แต่ก็หนีไม่พ้น พลันที่มีเรื่องฟ้องร้องบริษัทแม่ที่เมืองนอก ก็ถูกนำมาเป็นประเด็น กดดันให้หน่วยงานรัฐไทยออกแอคชั่นเอาความ กระทั่งมีคดีไปอยู่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่อุ้มสำนวนไม้ล้างป่าช้าอยู่ ไม่ต่ำกว่า 10 สำนวน

คดีในชั้น ป.ป.ช. ยืดเยื้อโยกโย้มาเรื่อย กระทั่ง สุรศักดิ์ คีรีวิเชียร กรรมการ ป.ป.ช.โชว์ "ตรรกะเพี้ยนๆ" ออกตัวว่า คงจะเอาผิดการทุจริตจัดซื้อ "จีที 200" และฝาแฝดอย่าง "อัลฟ่า 6" ยาก

ด้วยเหตุผลแบบสุดๆ ไปเลย ว่า "การจะวินิจฉัยว่าถูก หรือผิด เป็นเรื่องที่ยาก เพราะบางครั้งไม่ได้อยู่ที่มูลค่าของเครื่อง แต่เป็นเหมือนความเชื่อ เหมือนพระเครื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่นำไปใช้แล้ว เขารู้สึกว่าคุ้มค่า" ทำเอาคนฟังแทบตกเก้าอี้

ก็หวังว่า บรรทัดฐานคำพิพากษาศาลไทย-ศาลเทศ ที่ชี้ว่า "จีที 200" มันของลวงโลก ใช้ไม่ได้จริง จะหักล้าง "ความรู้สึก" ของ "ท่านสุรศักดิ์" และมีน้ำหนักพอที่จะทำให้ "ป.ป.ช.สุรศักดิ์" ผู้มีอาชีพเก่าเป็น "ผู้พิพากษา" มาก่อน รวมทั้ง ป.ป.ช.ท่านอื่น ไม่ยกเอาเรื่อง "ของขลัง-สิ่งศักดิ์สิทธิ์" มาเป็นตัวตั้ง จนตัดสินชี้มูลผิดๆ ถูกๆ

บรรทัดฐานคำพิพากษาศาลไทย-ศาลเทศ น่าหักล้างความงมงายกับ "ตรรกะเพี้ยนๆ" ที่ไปยก "ไม้ล้างป่าช้า" ว่าศักดิ์สิทธิ์ เข้มขลังไม่ต่าง "พระเครื่อง" แล้วตีความไปว่า คุ้มค่า ไม่มีโกง ได้หมดจด

เป็นบรรทัดฐานที่ค้ำคอการทำหน้าที่ ป.ป.ช.ที่เป็นอื่นไม่ได้ นอกเหนือจากลากคนคนผิดมาลงโทษ.
กำลังโหลดความคิดเห็น