รองนายกฯ ปัดใช้ ม.44 ปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์ ขอศึกษารายละเอียดผลวิจัยต่างชาติก่อน สั่งคณะทำงาน ป.ป.ส.กระบวนการต้องเสร็จต้น ต.ค.นี้
วันนี้ (21 ก.ย.) เวลา 13.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะทำงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เสนอให้ คสช.ออกมาตรา 44 ให้สามารถนำกัญชามาวิจัยทางการแพทย์ได้ ว่าเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมามีการเสนอร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งโดยหลักการก็จะมีความชัดเจนมากขึ้น ในการดูแลผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่มีทั้งผู้ผลิต ผู้ค้าและผู้เสพ หรือผู้ป่วย อีกส่วนเป็นเรื่องความชัดเจนที่จะให้สามารถนำกัญชามาใช้ในการศึกษาวิจัย มีการพูดกันว่าอยากให้มีการเร่งรัดการศึกษากัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยที่ประชุม สนช.ได้มีการพูดคุยเรื่องดังกล่าว และตนได้รับข้อเสนอดังกล่าวเพื่อนำมาพูดคุยกับคณะทำงาน ป.ป.ส และกระทรวงสาธารณสุข ในการศึกษา โดยได้ให้การบ้านไป 2 ประเด็น คือ 1. ขอทราบรายละเอียดการวิจัย ผลการวิจัย และงานวิจัยที่หลายประเทศทำว่าเป็นอย่างไร โดยจะต้องมีตารางเปรียบเทียบ และ 2. ขอทราบรายละเอียดการปลูกกัญชา แล้วนำไปสกัดเพื่อการรักษาว่ามีการควบคุมอย่างไรบ้าง ขณะนี้คณะทำงาน ป.ป.ส.ได้รับฟังความคิดเห็น และศึกษา โดยมีการกำหนดกรอบเวลาไว้แล้ว แต่รายละเอียดยังไม่แล้วเสร็จ ตนจึงได้สั่งการไปว่าขอให้เสร็จภายในต้นเดือน ต.ค. เพื่อทำการศึกษาว่าความจำเป็นเร่งด่วนที่จะนำกัญชามาทำวิจัยทางการแพทย์ กับกระบวนการและการควบคุมเป็นอย่างไร
พล.อ.อ.ประจินกล่าว่าต่อว่า ส่วนการที่เสนอใช้มาตรา 44 คณะทำงาน ป.ป.ส. และกระทรวงยุติธรรมไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าว ข้อเสนอดังกล่าวอาจเป็นข้อเสนอจากนักวิชาการ เราไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบรับ และกฎหมายมอบอำนาจให้ รมว.สาธารณสุข มีอำนาจให้สั่งการให้หน่วยใช้กัญชาในการวิจัยได้ ทั้งนี้ กฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ยังอยู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. ... โดยทราบว่าในเดือน ก.ย.นี้จะครบ 90 วัน และหากครบเวลาแล้วยังไม่เสร็จก็จะต้องขอต่ออายุครั้งละ 30 วัน ใน 30 วันแรกจะอยู่ในช่วงกลางเดือน ต.ค. และ 30 วันถัดไปจะอยู่ในช่วงกลางเดือน พ.ย. อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตนและคณะทำงาน ป.ป.ส.ติดตามความคืบหน้ากฎหมายดังกล่าวซึ่งได้มีการประชุมติดตามความคืบหน้าทุก 3 สัปดาห์
“เข้าใจที่หลายฝ่ายเสนอใช้มาตรา 44 เพราะเขาอยากให้เราใช้โอกาสในเรื่องนี้ เพื่อนำกัญชามาใช้ประโยชน์โดยเร็ว เราเข้าใจว่าทุกคนอยากเห็นประโยชน์ เราไม่ได้ทิ้ง และไม่ได้ปฏิเสธ เรากำลังทำงานอยู่ และภายในเดือน ต.ค. จะเห็นกรอบแนวทางการดำเนินการออกมา ไม่อยากบอกว่าไม่จำเป็นหรือจำเป็นจะต้องใช้มาตรา 44 เพราะเป็นความเห็นของเขา อย่าไปคิดว่าข้อเสนอเป็นเรื่องผิดหรือถูก เรารับฟัง ขณะนี้กำลังขอข้อมูล เพิ่มเติมจากสหรัฐอเมริกา และแคนาดา รวมถึงอีกหลายประเทศในยุโรปที่ทำเรื่องนี้ แต่ประเทศของเราบริบทอาจจะแตกต่างกว่าประเทศอื่น ก็ต้องมาวิเคราะห์ให้ชัดเจนว่าในประเทศไทยจะควบคุมได้อย่างไร” พล.อ.อ.ประจินกล่าว