xs
xsm
sm
md
lg

ครม.อนุมัติซื้อสะพานเครื่องหนุนมั่น 288 ล้าน ผ่านมาตรการคืนแวตผู้มีรายได้น้อย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“สรรเสริญ” เผย ครม.เห็นชอบ “หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา” เป็นผู้แทนลงนามซื้อ “สะพานเครื่องหนุนมั่น” 288 ล้าน ไฟเขียวมาตรการคืนแวตผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการรัฐ เริ่ม 1 พ.ย.-30 เม.ย. 62

วันนี้ (18 ก.ย.) เวลา 14.00 น.ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.สัญจร) ว่าที่ประชุม ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอให้ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยลงนามในข้อตกลงการซื้อขายสะพานเครื่องหนุนมั่น จำนวน 2 ชุด เป็นเงินทั้งสิ้น 8,760,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 288,466,800 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 32.93 บาท ณ วันที่ 4 ก.ย. 2561) ตามผลการดำเนินกรรมวิธีจัดซื้อโดยวิธีรัฐบาลต่อรัฐบาล จากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยบริษัท China Shipbuilding & Offshore International Co. Ltd. (CSOC) ในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะที่กองบัญชาการกองทัพไทยได้จัดทำร่างข้อตกลงการซื้อขายสะพานเครื่องหนุนมั่น จำนวน 2 ชุด ตามผลการดำเนินกรรมวิธีจัดซื้อดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

พล.ท.สรรเสริญยังกล่าวว่า ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการชดเชยเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้ข้อมูลจากจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระจากราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค โดยไม่รวมสินค้าและบริการที่มีภาษีสรรพสามิต สำหรับการชำระราคาสินค้าและบริการจากร้านธงฟ้า ประชารัฐหรือร้านค้าเอกชนอื่นที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผ่านเครื่อง EDCที่มีการเชื่อมต่อระบบ POS โดยร้านค้าดังกล่าวต้องส่งข้อมูลให้แก่กรมบัญชีกลางผ่านระบบที่ บมจ. ธนาคารกรุงไทย พัฒนารองรับการทำงานนี้ แต่ข้อมูลจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งจะได้รับเงินชดเชยจะต้องเป็นข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 61 - 30 เม.ย. 62 รวมระยะ 6 เดือนเท่านั้น

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า ทั้งนี้ ให้กรมบัญชีกลางดำเนินการจ่ายเงินชดเชยดังกล่าว โดยใช้ข้อมูลจากจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระ เพื่อนำมาประมวลผลคัดแยกจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม ร้อยละ 7 ออกจากราคาสินค้าและบริการที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปจริงในแต่ละเดือน โดยกันไว้ร้อยละ 1 ซึ่งเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้มีรายได้น้อยได้ชำระราคาสินค้าและบริการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว ส่วนที่เหลือร้อยละ 6 ให้นำมาจำแนกข้อมูลออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ร้อยละ 5 เพื่อการใช้จ่าย และส่วนที่ 2 ร้อยละ 1 เพื่อการออม โดยเงินชดเชยที่ผู้มีรายได้น้อยจะได้รับทั้ง 2 ส่วน เมื่อรวมกันแล้ว ต้องไม่เกินจำนวน 500 บาทต่อคนต่อเดือน โดยใช้จ่ายจากเงินกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ทั้งสิ้น จำนวน 5,000 ล้านบาท

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า และได้อนุมัติค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบ POSสำหรับร้านธงฟ้าประชารัฐกลุ่มเป้าหมาย โดยจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 90 ล้านบาท และมอบหมายให้สำนักงบประมาณเร่งรัดการพิจารณารายละเอียดค่าใช้จ่ายดังกล่าว เพื่อให้กรมบัญชีกลางสามารถดำเนินการจ้าง บมจ. ธนาคารกรุงไทย ได้ทันวันที่ 1 ต.ค. 61 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยผู้ที่มีรายได้น้อยกว่าหนึ่งแสนบาทต่อปี และผู้ที่มีรายได้น้อยมาก คือต่ำกว่าสามหมื่นบาทต่อปี



กำลังโหลดความคิดเห็น