xs
xsm
sm
md
lg

“หมอระวี” โวยทีโออาร์อัปยศประมูลบงกช-เอราวัณ จี้นายกฯ ชะลอเปลี่ยนเป็นสัญญาจ้าง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นพ.ระวี มาศฉมาดล (แฟ้มภาพ)
“หมอระวี” โวยทีโออาร์อัปยศประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ จี้ “บิ๊กตู่” ชะลอการประมูลออกไปก่อน ย้ำต้องเปลี่ยนระบบทีโออาร์เป็นสัญญาจ้างผลิต พร้อมตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติ เชื่อจะทำให้ประเทศได้รับผลประโยชน์สูงสุด

วันนี้ (17 ก.ย.) นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ แถลงข่าวคัดค้านทีโออาร์ที่จะใช้ในการประมูลแหล่งแหล่งบงกช-เอราวัณในอ่าวไทย ที่ก่อนหน้านี้เอกชนได้สัมปทานมานานกว่า 40 ปีแล้ว และจะหมดอายุสัมปทานในปี พ.ศ. 2565-2566 นี้ โดยที่ผ่านมาในระบบสัมปทานนั้นประเทศไทยได้รายได้เป็นค่าภาษีและค่าภาคหลวงประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทั้ง 2 แหล่งนี้ผลิตปิโตรเลียมมูลค่า 2 แสนล้านบาทต่อปี สร้างรายได้ให้เอกชนจำนวนมหาศาล

นพ.ระวีกล่าวต่อว่า เดิมรัฐบาลแถลงว่าจะทำการประมูลในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ โดยทีโออาร์เป็นระบบแบ่งปันผลผลิตแต่ปิโตรเลียมที่ได้ให้เอกชนเป็นผู้นำไปขายและมีระยะสัญญาใหม่ 36 ปี โดยมีเอกชน 5 บริษัทได้ยื่นความจำนงจะเข้าประมูล ปรากฏว่าขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังเร่งกำหนดการรับซองประมูลในวันที่ 25 ก.ย.นี้ เร็วกว่ากำหนดถึง 2 เดือน และจะมีการเปิดซองประมูลในวันที่ 25 ก.ย.นี้เลย โดยมีหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าที่เร่งประมูล เพราะเรื่องผลประโยชน์หรือไม่

“ปัญหาคือ ทีโออาร์ของกระทรวงพลังงานที่จะใช้ในการประมูลครั้งนี้ไม่ใช่ทีโออาร์ที่จะทำให้ประเทศได้รับรายได้ที่สูงสุด สำหรับแหล่งปิโตรเลียมเมื่อครบอายุสัมปทานอุปกรณ์ทุกอย่างตกเป็นของประเทศ เพราะฉะนั้นจะต้องใช้ทีโออาร์ในระบบสัญญาจ้างผลิตที่ประเทศจะได้รับผลประโยชน์สูงสุดประมาณ 90% จาก 2 แสนล้านต่อปี และปิโตรเลียมที่ได้รัฐจะต้องตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติที่รัฐถือหุ้น 100 % ขึ้นมาเป็นผู้ดูแลบริหารจัดการ” นพ.ระวีกล่าว

นพ.ระวีกล่าวต่อว่า พรรคพลังธรรมใหม่จึงขอคัดค้านทีโออาร์อัปยศนี้และขอเรียกร้องให้รัฐบาลชะลอการประมูลในวันที่ 25 ก.ย.นี้ออกไปก่อน และแก้ไขทีโออาร์ให้ใช้ระบบสัญญาจ้างผลิตและตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติที่รัฐถือหุ้นให้เรียบร้อยก่อนจึงจะทำการประมูล ซึ่งผลประโยชน์ที่จะได้จากทีโออาร์คนละแบบนี้อาจจะมีมูลค่าถึง 1 แสนล้านบาทต่อปี
กำลังโหลดความคิดเห็น