“หมอระวี” ฉะ คสช.กลืนน้ำลายตัวเอง ทำการเมืองล้มเหลว ไร้การปฏิรูป ย้ำ พรรคพลังธรรมใหม่ คง ทำไพรมารีโหวต แม้ คสช.จะยกเลิก
วันนี้ (16 ก.ย.) นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กรณีที่ คสช ได้ประกาศใช้ ม.44 ประกาศ 3 ข้อ คือ 1.คลี่คลายเงื่อนไขให้ทุกพรรคสามารถดำเนินงานพรรค เช่น เรื่องทุนประเดิมพรรค จำนวนสมาชิกพรรค ค่าบำรุงพรรค ฯลฯ 2.คลายล็อกให้พรรคการเมือง สามารถประชุมพรรคได้ เลือกคณะกรรมการพรรคได้ และ 3.ยกเลิกไพรมารี่โหวต ให้ใช้คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ตามแบบของกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ตนเห็นว่า เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยเสียโอกาสในการปฏิรูปการเมือง ในประเด็นที่สำคัญมาก คือ ประเด็นไพรมารีโหวต
“การยกเลิกไพรมารีโหวตเป็นเงื่อนไขสำคัญในการปฏิรูปการเมือง ที่จะทำให้ทุกพรรคจะต้องค่อยๆ ลดหรือหยุด การดำเนินการ แบบพรรคการเมืองเก่าที่มีเถ้าแก่ หรือนายทุนพรรคเป็นผู้บงการพรรคให้อำนาจ กับสมาชิกพรรคของทุกพรรค เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจในการเลือก ส.ส.ทั้งแบบเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญของการเริ่มต้นปฏิรูปการเมืองไทย เป็นการกลืนน้ำลายของตนเองอีกครั้งหนึ่งที่ คสช.ได้เคยประกาศจะทำการปฏิรูปการเมือง แต่ผลสุดท้าย กลับดำเนินการยกเลิกไพรมารีโหวต” นพ.ระวี กล่าว
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า ความจริง คสช.ควรจะคง ไพรมารี่โหวตไว้ แล้วใช้ ม.44 เลื่อนกำหนดวันประกาศรับสมัคร ส.ส. ทั้ง 2 ระบบของ กกต. ไปอีกสักสองเดือน การทำแบบนี้แทบทุกพรรคที่มีความพร้อมก็จะสามารถทำไพรมารีโหวตทัน การเริ่มต้นปฏิรูปการเมืองก็จะได้เริ่มต้นนับหนึ่งตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งนี้ไป
นพ.ระวี ยังกล่าวต่อว่า แม้ว่า คสช.จะยกเลิกไพรมารีโหวต ไปแล้ว แต่สำหรับพรรคพลังธรรมใหม่ ยังคงยืนยันที่จะใช้หลักการไพรมารีโหวตในการคัดเลือก ส.ส. ของพรรคพลังธรรมใหม่ทั้ง 2 ระบบ เพราะสิ่งนี้คือหลักการสำคัญของพรรคพลังธรรมใหม่ ที่จะทำให้พรรคเป็นของสมาชิกพรรคทุกๆ คน สมาชิกพรรคทุกๆ คน มีอำนาจและบทบาท ในประเด็นที่สำคัญสำคัญของพรรคทุกเรื่อง แต่ในการทำไพรมารีโหวตของพรรคพลังธรรมใหม่ ก็จะปรับให้สอดคล้องกับกฎหมายที่บัญญัติไว้ เช่น ในการเลือก ส.ส.เขตของพรรคทุกเขต จะให้สมาชิกในเขตเป็นผู้โหวตเลือก ส.ส. ของพรรค คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคจะทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส.ที่ได้รับการเลือกมาจากสมาชิกเขต
นอกจากนี้ นพ.ระวี ยังกล่าวว่า พรรคพลังธรรมใหม่ไม่เห็นด้วยกับการที่ คสช.เพียงแค่คลายล็อกแต่ไม่ยอมปลดล็อก เพราะตนเห็นว่า การที่ยังไม่ปลดล็อคพรรคการเมืองทั้งหมด ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร ต่อประเทศชาติและประชาชนแต่อย่างใด ควรจะปลดล็อกให้พรรคการเมืองทุกพรรคดำเนินการทางการเมืองได้ปกติเหมือนในระบอบประชาธิปไตยทั่วไป ถ้าพรรคใดใช้สิทธิ์ของตนแล้วก่อให้เกิดความวุ่นวายความขัดแย้งอย่างรุนแรงต่อบ้านเมือง คสช.ก็สามารถใช้ ม.44 ดำเนินการ ตามกฎหมายเฉพาะพรรคที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งวุ่นวายได้อยู่แล้ว
