xs
xsm
sm
md
lg

"ประยุทธ์" โวบ้านเมืองสงบทำท่องเที่ยวบูมรายได้พุ่ง เล็งยกระดับตลาดประชารัฐเพื่อการท่องเที่ยว - ระบายสินค้าเกษตร

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


"ประยุทธ์" โวบ้านเมืองสงบทำท่องเที่ยวบูม คาดรายได้พุ่งถึง 2 ล้านล้านในสิ้นปีนี้ เล็งยกระดับตลาดประชารัฐเป็นตลาดเพื่อการท่องเที่ยว - ระบายสินค้าเกษตร

วันนี้ (14 ก.ย.) เวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ“ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า ในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเกือบร้อยละ 10 โดยเฉพาะช่วงหลังจากที่บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ปราศจากความขัดแย้งทางการเมืองบนท้องถนน เรามีรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 1.14 ล้านล้านบาท ในปี 2557 และคาดว่าจะมีรายได้สูงถึง 2 ล้านล้านบาท ในสิ้นปีนี้ โดยในปีที่แล้ว ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนเกือบ 36 ล้านคน นับว่า มากที่สุด ติด 1 ใน 10 ของโลกอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ตลาดภายในประเทศ หรือการส่งเสริมให้ไทยเที่ยวไทยก็เป็นอีกนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอด ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ลงท้องถิ่นให้มากที่สุด เกิดการเชื่อมโยงเศรษฐกิจในทุกระดับ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน อาทิ นโยบาย เที่ยวเมืองรอง ลดหย่อนภาษีได้ตลอดปี 2561 โดยพี่น้องประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่าย เช่น ค่าอาหาร และค่าที่พัก ในการท่องเที่ยว 55 เมืองรอง มาลดหย่อนภาษีได้ ตามจริงสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทต่อคน ซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณ 4 เดือน สำรวจปฏิทินท่องเที่ยว หรือหาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว และเทศกาลที่สำคัญๆ ของแต่ละจังหวัด จากสื่อออนไลน์ได้ไม่ยาก ในยุคดิจิทัลนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การกระจายรายได้และการส่งเสริมอาชีพในท้องถิ่น นอกจากการท่องเที่ยวตามที่กล่าวมาแล้ว รัฐบาลยังส่งเสริมวงจรเศรษฐกิจในระดับฐานรากให้กระจายทั่วทั้งประเทศ โดยส่งเสริมการตั้งตลาดประชารัฐ เพื่อให้เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย ผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่มีสถานประกอบการได้มีพื้นที่ค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้าในตลาดประชารัฐ 10 ประเภท จากหลายกระทรวง กว่า 6,600 แห่งทั่วไทย รวมทั้งเป็นแหล่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร สินค้าชุมชนต่างๆ อีกด้วย ตลอดระยะเวลา 8 โดยมีผู้ผลิต เกษตรกร ผู้ประกอบการ มาลงทะเบียนเพื่อนำสินค้ามาขายในตลาด กว่า 1 แสนราย และได้รับการจัดสรรพื้นที่จำหน่ายแล้ว กว่า 96,000 ราย หรือ ร้อยละ 91 สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้กว่า 1,200 ล้านบาท หรือกล่าวได้ว่าเราสามารถสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ “เพิ่มขึ้น” เฉลี่ยกว่า 1,800 บาท ต่อเดือน

ทั้งนี้ ตลาดประชารัฐจะเป็นตลาดต้นแบบในอนาคต ที่จะเน้นการสร้างมาตรฐานใหม่ คือ ความสะอาด ปลอดภัย สะดวก และไม่ใช้โฟม ลดถุงพลาสติก โดยมีการตรวจมาตรฐานเป็นระยะๆ นะครับ ปัจจุบันก็มีตลาดที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ระดับดีมาก และดี ร้อยละ 37 โดยมีเพียงร้อยละ 19 ที่ต้องได้รับการปรับปรุงต่อไป

นายกฯ กล่าวอีกว่า ทุกมาตรการ ทุกนโยบาย รัฐบาลมุ่งเน้นการสร้างกลไกสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้น เพื่อจะตอบสนองความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่ ได้จัดให้มีการอบรมและแต่งตั้งผู้บริหารจัดการตลาดประชารัฐ (CMO) ครบทุกจังหวัดแล้ว รวมทั้งเรียกมาอบรมแล้ว 25 จังหวัด 3,000 กว่าคน นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการ โดยตั้งคลินิกผู้ประกอบการระดับอำเภอ และเปิดให้มีการอบรมไปแล้ว จำนวนมากกว่า 6,000 ราย

"ในอนาคตจะยกระดับตลาดประชารัฐให้เป็นตลาดเพื่อการท่องเที่ยวอีกด้วย โดยคัดเลือกตลาดที่มีศักยภาพ เสนอบรรจุกิจกรรมต่างๆ ไว้ในปฏิทินปีท่องเที่ยวไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน จำนวน 171 ตลาด ใน 70 จังหวัด ทั่วประเทศ รวมทั้งให้เป็นตลาดรองรับสินค้าเกษตร หรือเป็นแหล่งระบายสินค้าเกษตร ตามฤดูกาล ช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภาวะสินค้าล้นตลาด พร้อมขยายผลตลาดประชารัฐไปยังส่วนราชการที่มีความพร้อม ในการสนับสนุนพื้นที่ให้เกษตรกรที่มีศักยภาพ และมีความพร้อมนำสินค้ามาจำหน่ายในตลาด 475 แห่งทั่วประเทศ" นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า เรามีปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศในระดับสูง ล่าสุดสิ้นเดือนสิงหาคม เงินสำรองระหว่างประเทศของไทยอยู่ที่เกือบ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ นับว่าอยู่ในระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจของไทย และเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ของไทยเราพบว่าเรามีเงินสำรองระหว่างประเทศสูงกว่าหนี้ระยะสั้นที่มีเงินตราต่างประเทศถึง 3.5 เท่า ซึ่งหมายถึงเรามีเงินตราต่างประเทศในระดับที่เกินพอ หากเราต้องการที่จะชำระหนี้ ที่เป็นเงินตราต่างประเทศในวันนี้ หนี้ต่างประเทศของรัฐบาล เราได้ทยอยคืนจนเหลือร้อยละ 4 ของจีดีพี รวมทั้งพยายามปรับโครงสร้างให้เป็นการกู้ยืมระยะยาวมากขึ้น เป็นการกู้ภายในประเทศมากขึ้น ฐานะด้านต่างประเทศที่แข็งแกร่งนี้ เป็นผลมาจากการสะสมความมั่งคั่งของประเทศ การส่งออกสินค้า และบริการที่เติบโตสร้างรายได้คิดเป็นเงินตราต่างประเทศให้กับไทยได้อย่างต่อเนื่อง ภาคเอกชน และธนาคารพาณิชย์ที่มีฐานะการเงินที่มั่นคง รวมถึงการดำเนินนโยบายภาครัฐอย่างระมัดระวัง มีวินัยการเงินการคลัง โดยจะเห็นได้ว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศ เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจอยู่ที่ประมาณร้อยละ 41 ซึ่งอยู่ในกรอบที่เรากำหนดไว้ และถือว่าเป็นระดับที่ดีกว่าหลักเกณฑ์สากล ที่กำหนดว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะนั้น ไม่ควรสูงเกินร้อยละ 60 ของขนาดเศรษฐกิจของประเทศ


กำลังโหลดความคิดเห็น